WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, November 17, 2009

'สุเทพ' ฝ่าด่านสำเร็จโผสีกากี รองผบ.ตร.-ผบช.ฉลุย

ที่มา เดลินิวส์

ปุระชัย-พิชิตวอล์กเอาต์ ยันต้องตั้ง"ผบ.ตร."ก่อน

"สุเทพ" ดันโผรอง ผบ.ตร.-ผบช.ผ่านบอร์ด ก.ตร.จนสำเร็จ แม้เจอ “ปุระชัย-พิชิต” วอล์กเอาต์อีกครั้ง จนเหลือ ก.ตร. ประชุมแค่ 12 เสียง จากทั้งหมด 22 เสียง ถกเครียดกันนานกว่า 4 ชั่วโมง จึงได้ข้อยุติทุกเก้าอี้ เผย วิเชียร-ปานศิริ สไลด์เป็น รองผบ.ตร. “วรพงษ์-ธีระเดช-วิโรจน์-บรรจง” ขึ้นเป็นผช.ผบ.ตร. ส่วนแม่ทัพนครบาล “สัณฐาน” แรงไม่ตกเชือดคู่แคน ดิเดตจน เข้าวิน ปล่อย “เจตน์-รชต” อกหัก ส่วน “กฤษฎา” โยกมาคุมภาค 1 ดัน “เดชวัฒน์” เป็นผบช.ภ.3 “พงษ์สันต์” กำลังแน่นปึ้กไม่พลิกผงาดดูแลภาค 7 “เฉลิมชัย” ขึ้นชั้นคุมภาค 4 ขณะที่ “ปุระชัย” ยันแต่งตั้งต้องทำตามหลักการ มี ผบ.ตร.ก่อน พร้อมให้แยกแยะเรื่องลูกชาย ไม่เคยฝากเข้าตำรวจ

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 16 พ.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันนี้ว่า ขณะนี้การประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองคงจะเริ่มต้นแล้ว และในช่วงบ่ายที่จะมีการประชุม ก.ตร.ชุดใหญ่ ตนจะพยายามให้ได้ข้อยุติ เมื่อถามว่าแสดงว่ายังไม่มั่นใจว่าวันนี้จะได้ข้อยุติใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ความพยายามเป็นเรื่องของตน ส่วนความสำเร็จเป็นเรื่องของคนอื่น

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการตั้งพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรอง ผบ.ตร. เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง มองว่าเป็นการถูกลดอำนาจลงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ ตนไม่มีอำนาจอะไรอยู่แล้ว ตนทำหน้าที่ตามที่นายกรัฐมนตรีเรียกใช้ ก็ทำงานไป ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทราบหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้คุย เมื่อถามย้ำว่าการที่ พล.ต.อ.ธานีจะเข้ามา ถือว่าเป็นการลดอำนาจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถึง พล.ต.อ.ธานีไม่มาก็มีรองนายก รัฐมนตรีคนอื่นทำงาน ไม่มีปัญหาอะไร เป็นการช่วยกันทำงาน ตนไม่ได้ติดยึดติดกับอำนาจ เพราะไม่ได้มีอำนาจอะไร

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ แต่งตั้งนางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขาธิการ ก.พ. เป็นประธานบอร์ดกลั่นกรองคนใหม่ว่า ตนเห็นว่า นางเบญจวรรณเป็นผู้หญิงที่เก่ง ผู้หญิงเหล็ก และยังเป็น ก.ตร.อยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายสุเทพ เป็นประธานประชุม ก.ตร ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 ทั้งนี้ ก.ตร. ประกอบไปด้วย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. รองผบ.ตร. ซึ่งเป็น ก.ตร.ในตำแหน่ง นั้นได้เข้าประชุมตามปกติ ส่วนก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มี 10 คน มีคณะกรรมการที่แสดงเจตจำนง ไม่เดินทางมาประชุม 4 คน คือ นายสีมา สีมานันท์ นายชัยเกษม นิติสิริ นายสมศักดิ์ บุญทอง และพล.ต.ท.อำนวย ดิษฐกวี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.53 น. ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม ต่อมาห่างกัน 7 นาที พล.ต.อ.พิชิต ควร เดชะคุปต์ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เดินตามออกมา โดย ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า สาเหตุที่เดินทางออกจากห้องประชุม ก.ตร. เพราะตนยึดมั่นในหลักการที่ควรจะแต่งตั้งผบ.ตร. คนใหม่ก่อนพร้อมทั้งระบุว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นการแสดงว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

เมื่อถามว่า แล้วที่ประชุมมีความเห็น ว่าอย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พิชิต ก็ได้แสดงความเห็นว่า จำนวน บอร์ดกลั่นกรองนั้น มีจำนวนเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งไม่เหมาะสม ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ควรหารือกันในที่ประชุม แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเวียนหนังสือว่ามีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งตนก็ไม่ได้ยึดติดในเรื่องตัวบุคคล แต่เรื่องนี้มันเคยมีปัญหาก็ควรนำเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา แต่แม้เสียงส่วนใหญ่จะเห็นด้วย แต่จะให้ตนไปสนับสนุน มันผิดหลักการ มันทำไม่ได้ ไม่ใช่การป่วนเป็นเรื่องของคุณธรรม และการกระทำของตนไม่เกี่ยวกับการช่วยเหลืออดีต ผบ.ตร.

ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ นสพ.หลายฉบับเสนอข่าวเรื่องตนช่วยเหลือให้ลูกชายรับราชการตำรวจว่าตอนนั้นตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ ต.ค. 47-14 ม.ค. 48 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้ารับราชการตำรวจของลูกชาย ตอนนั้นตนเป็นประธาน ก.ตร. แต่ไม่มีอำนาจในการรับคนมาเป็นตำรวจ เพราะในตำแหน่งนั้นจะเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. ซึ่งมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ดำรงตำแหน่งอยู่ และ พล.ต.อ. โกวิท ลงนาม เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 48 ซึ่งตนได้หมดหน้าที่แล้วและวันแรกที่ลูกชายเข้าทำงานวันที่ 20 เม.ย. 48 ตนก็เดินทางไปหาภรรยาที่ประเทศนิวซีแลนด์

รายงานข่าวแจ้งว่า การรับ ร.ต.ท. ธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ ลูกชาย ร.ต.อ. ปุระชัย เริ่มจากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ ต้องการบรรจุข้าราชการตำรวจ โดยรับในคุณวุฒิด้านฟิสิกส์ เพียง 1 นายเท่านั้น ร.ต.ท. ธรรมาธิปต์ ไปติดขัดกฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547 ข้อ 2 (11) ที่กำหนดว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่มีสายตาผิดปกติ แต่ถ้าแพทย์ตรวจให้ตรวจไปตามปกติ ถ้าจะขอยกเว้นให้ สตช. เป็นผู้ยกเว้น ซึ่งพล.ต.อ.โกวิท ได้ดำเนินการยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ ปัจจุบัน ร.ต.ท.ธรรมาธิปต์ ดำรงตำแหน่ง รอง สว.สนว. ช่วยราชการ สำนักงาน พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้ช่วยผบ.ตร.

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายสุเทพ ได้เดินทางออกมาจากห้องประชุม พร้อมกล่าวว่า ก.ตร. อนุมัติ ให้มีการประชุมบอร์ดกลั่นกรองได้ และจากนั้นตนจะเดินทางมาประชุม ก.ตร.อีกครั้ง ในเวลา 17.00 น. ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.ปุระชัย และ พล.ต.อ.พิชิต วอล์กเอาต์ ก็ไม่มีปัญหา เพราะเสียง ก.ตร. ที่มีอยู่ก็สามารถดำเนินการประชุมได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำนวนของคณะกรรมการ ก.ตร. โดยรวมประธาน ก.ตร.ด้วย จะมี 22 ท่าน ก่อนหน้านี้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิได้ลาออกไป 1 ท่าน และขณะนี้ยังไม่มีการตั้งทดแทน และวันนี้มี ก.ตร.ขาดประชุม 4 ท่าน วอล์กเอาต์ 2 ท่าน และมีตำแหน่ง ผบ.ตร.กับรอง ผบ.ตร.อีก 2 ท่าน ที่เกษียณอายุราชการโดยไม่มีการตั้งแทน ทำให้เหลือจำนวนคณะกรรมการในห้องประชุม 12 ท่าน

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายสุเทพ พร้อม ก.ตร. ได้เข้าร่วมประชุมอีกครั้งเพื่อพิจารณาตำแหน่งที่บอร์ดกลั่นกรองเสนอมา ซึ่งมีการประชุมกันนานกว่า 4 ชั่วโมง โดยมีรายชื่อที่ผ่านบอร์ด ก.ตร. อาทิ ระดับรอง ผบ.ตร.ที่ว่างลง 2 ตำแหน่ง จะมีการโยก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี และพล.ต.อ. ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา (สบ 10) เข้าดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ตำแหน่งหลัก และจะมีการเลื่อน พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผช.ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ตร. ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.

ในระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. จะมีการเลื่อน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผบช.ศ. พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. พล.ต.ท. บรรจง ตันศยานนท์ จตร.(สบ 8) ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว รองจตร.(สบ 9) โยกเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ตำแหน่งหลัก และให้ พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประชิน วารี รอง จตร. (สบ 8) เป็น รอง จตร. (สบ 9) พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ ผบช.นรป. ขึ้นเป็น รอง นรป. (สบ 9)

ระดับ ผบช. พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ท. ธีระยุธ กิติวัฒน์ ผบช.งป. เป็น ผบช.สกบ. พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. โยกเป็น ผบช.ศ. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 โยกมาเป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ท. วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.เดชาวัต รามสมภพ รอง ผบช.ภ.3 ขึ้นเป็น ผบช.ภ.3 พล.ต.ต. เฉลิมชัย จงศิริ รอง ผบช.ภ.4 ขึ้น เป็นผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น. คนสนิท นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี เป็น ผบช.ภ.7

ส่วนตำแหน่ง ผบช.น. ที่มีการเสนอมาถึง 3 รายชื่อ คือ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผบช.กมส. และ พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ประจำ.ตร. นั้น ปรากฏว่าในที่ประชุมมีการถกเถียงถึงคุณสมบัติของแต่ละคนอย่างละเอียด จนต้องใช้วิธีการโหวตเลือกกัน ซึ่งในที่สุด พล.ต.ท.สัณฐาน ในฐานะที่เป็นคนสนิทของนายสุเทพ และมีพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลสนับสนุนได้ขึ้นมานั่งเป็นผบช.น. ทำให้ตำแหน่ง ผบช.ภ.8 ว่าง จึงมีการวางตัวพล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รอง ผบช.สตม. ขึ้นเป็น ผบช.ภ.8 แทน.