WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 27, 2007

หุ้นดีด29จุดรับพปช.ตั้งรัฐบาล

รายงานข่าวจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึง ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เต็มไปด้วยความร้อนแรงมาก หลังจากนักลงทุนเห็นผลการเลือกตั้งที่ พรรคพลังประชาชน ได้รับคะแนนเสียง ส.ส.สูงที่สุดของประเทศ และมีโอกาสได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ

ทำให้ความชัดเจนทางการเมืองมีมากขึ้น ดัชนีพุ่งขึ้นตั้งแต่เปิดการซื้อขายในช่วงเช้า 9.45 จุด มาอยู่ที่ระดับ 823.05 จุด จนมาปิดตลาดที่ระดับ 843.28 จุด เพิ่มขึ้น 29.68 จุด มูลค่าการซื้อขาย 19,311.51 ล้านบาท ท่ามกลางแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ ในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนีหุ้นไทย สาเหตุหลักมาจากผู้ลงทุนพอใจกับผลการเลือกตั้งที่ออกมา ประกอบกับการเลือกตั้งในรอบนี้เป็นไปได้ด้วยดีและมีความเรียบร้อย สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน ซึ่งเกินกว่าที่ ตลท.ได้คาดการณ์ไว้

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส ในฐานะประธานสภาธุรกิจ ตลาดทุนไทย เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังจากการเลือกตั้งว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไปมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะนักลงทุนมีความมั่นใจต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ที่ได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ

และเริ่มเข้าสู่ระบอบการปกครองประชาธิปไตย ไม่ว่าจะได้พรรคการเมืองใดเข้ามาบริหารประเทศก็ตาม แต่ทั้งนี้ ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่มีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัว หลังจากในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจขยายตัวต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า มีแนวโน้มที่สดใสมาก และมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นถึงระดับ 1,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่น ต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีความชัดเจน แม้ว่ารัฐบาลชุดใหม่อาจเป็นพรรคพลังประชาชน ขณะเดียวกัน ช่วยหนุนให้นักลงทุนไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น.