รายงานข่าวจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึง ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เต็มไปด้วยความร้อนแรงมาก หลังจากนักลงทุนเห็นผลการเลือกตั้งที่ พรรคพลังประชาชน ได้รับคะแนนเสียง ส.ส.สูงที่สุดของประเทศ และมีโอกาสได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ
ทำให้ความชัดเจนทางการเมืองมีมากขึ้น ดัชนีพุ่งขึ้นตั้งแต่เปิดการซื้อขายในช่วงเช้า 9.45 จุด มาอยู่ที่ระดับ 823.05 จุด จนมาปิดตลาดที่ระดับ 843.28 จุด เพิ่มขึ้น 29.68 จุด มูลค่าการซื้อขาย 19,311.51 ล้านบาท ท่ามกลางแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ ในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนีหุ้นไทย สาเหตุหลักมาจากผู้ลงทุนพอใจกับผลการเลือกตั้งที่ออกมา ประกอบกับการเลือกตั้งในรอบนี้เป็นไปได้ด้วยดีและมีความเรียบร้อย สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน ซึ่งเกินกว่าที่ ตลท.ได้คาดการณ์ไว้
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส ในฐานะประธานสภาธุรกิจ ตลาดทุนไทย เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังจากการเลือกตั้งว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไปมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะนักลงทุนมีความมั่นใจต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ที่ได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
และเริ่มเข้าสู่ระบอบการปกครองประชาธิปไตย ไม่ว่าจะได้พรรคการเมืองใดเข้ามาบริหารประเทศก็ตาม แต่ทั้งนี้ ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่มีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัว หลังจากในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจขยายตัวต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า มีแนวโน้มที่สดใสมาก และมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นถึงระดับ 1,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่น ต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีความชัดเจน แม้ว่ารัฐบาลชุดใหม่อาจเป็นพรรคพลังประชาชน ขณะเดียวกัน ช่วยหนุนให้นักลงทุนไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น.