การที่ทำให้จังหวัดบุรีรัมย์ มีผลการลงประชาติออกมาว่า “เห็นชอบ” ร่างรัฐธรรมนูญ มากกว่า “ไม่เห็นชอบ” ถือว่าเป็นความสำเร็จอันเอกอุของ คมช. และปฏิบัติการบุรีรัมย์โมเดล ที่ทุ่มเทพสรรพกำลังทั้ง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการฝ่ายปกครอง เข้าไปปฏิบัติการกดดันประชาชนและฝ่ายตรงข้าม ด้วยวิธีการในกฎหมายและนอกกฎหมาย และปรากฎผลตามที่ต้องการเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม จึงทำให้บุรีรัมย์โมเดล กลายเป็นต้นแบบของปฏิบัติการเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ที่ถูกนำเสนอและถ่ายทอดออกไปสู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นแผนหลักในวันลงคะแนนเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา และ นายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะประธานกกต.บุรีรัมย์ ก็ได้เป็นข้าราชการตัวอย่าง ได้รับคำชื่นชมจากคมช. มากมาย
แต่ทว่า ผลการเลือกตั้งเมื่อ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา ออกมาชนิดที่เรียกว่ากลับตาลปัตรจากเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่พ่ายแพ้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ กลุ่มเพื่อนเนวิน ภายใต้การนำของนายเนวิน ชิดชอบ ที่เข้าไปทำงานช่วยเหลือผู้สมัครพรรคพลังประชาชน สามารถสร้างผลการเลือกตั้งที่ทำให้คมช. ต้องตกตะลึง และขยี้ตาดูด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน สามารถทำให้ผู้สมัครพรรคพลังประชาชน ชนะการเลือกตั้งได้มากถึง 9 คน จากทั้งหมด 10 คน และในจำนวน 9 คนนี้เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ที่เพิ่งเป็นส.ส.สมัยแรก มากถึง 5 คน
พรรคพลังประชาชน ชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในทุกเขตเลือกตั้ง มีเพียงนายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์ อดีตส.ส.ชาติไทย หลุดรอดเข้ามาได้เพียงคนเดียว เป็นเรื่องที่จนวันนี้ คมช. ก็ยังไม่อยากเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายเกษม วัฒนธรรม ประธานกกต.จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีเป้าหมายจะทำให้พรรคพลังประชาชนสูญพันธุ์หรือเหลือน้อยที่สุด ในจังหวัดบุรีรัมย์ เหมือนกับที่เคยทำได้มาแล้วในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ต้องตกใจจนแทบหงายผลึ่ง ด้วยความไม่เชื่อผลการเลือกตั้งที่ออกมา
เพราะว่าในสภาพที่ถูกปิดล้อมทุกด้าน และถูกเกาะติดทุกความเคลื่อนไหว ไปทางไหนก็เจอกกต. ไปทางไหนก็เจอทหาร ไม่ต้องออกไปไหน ก็มีตำรวจเฝ้าหน้าบ้าน แม้กระทั่ง บ้านนายเนวิน ชิดชอบ ก็มีตำรวจ ทหาร ไปตั้งด่าน และตรวจรถเข้าออกทุกคัน เรื่องแจกเงินซื้อเสียง ไม่มีทางทำได้ เพราะเพียงแค่คิด ก็ถูกจับแล้ว เรื่องการทำผิดกฎหมาย อย่าได้คิดถึง เพียงแค่เงื้อมือก็จะถูกรวบแขนเสียแล้ว ในขณะที่พรรคการเมืองอื่น เล่นกันได้เต็มที่ ทั้งในเกม และนอกเกม เช่น ผู้สมัครพรรคเพื่อแผ่นดิน ใช้หัวคะแนนเดินแจกเงินในวัด ขณะปราศรัยหาเสียงอย่างโจ๋งครึ่ม ในวัดที่พระพยอมเป็นเจ้าอาวาส ในวัดที่พระพยอมเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาของกกต. ว่าอย่าซื้อเสียง จนถูกตำรวจที่ทนดูไม่ได้ ต้องจับกุมดำเนินคดีกันบ้าง เพราะความผิดตำตาทนโท่แบบนั้น ปล่อยไว้ตำรวจก็จะผิดเสียเอง
แต่ในสภาพที่พรรคพลังประชาชน กระดิกตัวแทบไม่ได้ ในขณะที่พรรคอื่นเล่น ลุย ได้ทุกรูปแบบ แต่ผลการเลือกตั้งกลับปรากฎว่า พรรคพลังประชาชน ชนะ 9 ใน 10 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ปฏิบัติการบุรีรัมย์โมเดล ที่คมช. และประธานกกต.จังหวัด ภาคภูมิใจนักหนา และมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะเป็นกระสุนพิฆาตเนวิน ชิดชอบ ให้ดับคาถิ่นของตัวเอง นั้น ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า และไร้ประสิทธิภาพที่สุด เมื่อเจอกับการทำงานการเมืองแบบเข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่ทุกหลังคาเรือน ของกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ทั้งซื้อใจและมัดใจชาวบ้านจนต้องไปลงคะแนนให้แก่พรรคพลังประชาชน ทั้งๆ ที่รับเงินจากพรรคการเมืองมาแล้ว
เรียกได้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนชาวบุรีรัมย์กว่าครึ่งจังหวัด กินฟรีเงินซื้อเสียงจากทุกพรรคการเมือง แล้วก็ไปลงคะแนนให้แก่พรรคพลังประชาชน แบบฟรีๆ
ไม่ใช่แต่ที่บุรีรัมย์เท่านั้น ที่บุรีรัมย์โมเดล ใช้ไม่ได้ผล ในอีกหลายจังหวัดที่ นายเกษม วัฒนธรรม ไปอบรม ไปสอนให้ใช้บุรีรัมย์โมเดล เพื่อสกัดกั้นพรรคพลังประชาชน ในภาคและภาคอีสาน ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะผลการเลือกตั้งที่ออกมาในภาค เหนือและภาคอีสาน ปรากฎว่า พรรคพลังประชาชนยกทัพเข้ามายึดครองสภามากเกือบ 200 ที่นั่ง
กว่าที่ คมช. และประธานกกต.บุรีรัมย์ จะทันรู้ตัวว่าถูกแผนแกล้งตาย ของกลุ่มเพื่อนเนวิน เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม หลอกให้หลงเชื่อว่าทำงานสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ก็ต่อเมื่อผลการเลือกตั้งส.ส.วันที่ 23 ธันวาคม ปรากฎขึ้นตรงหน้าเสียแล้ว
ไม่มีโอกาสที่จะแก้ไข แก้ตัว และแก้มือ โดยเฉพาะ พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 ที่พ่ายแพ้ย่อยยับในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และเคยขอโอกาสแก้มือ และแก้ตัวอีกครั้ง ในการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม ก็ต้องเป็นผู้แพ้ซ้ำซาก และแพ้แบบย่อยยับ ชนิดที่ต้องยอมรับแล้วว่ามือยัง “อ่อน” มากในเวทีการเมืองการเลือกตั้ง
ถึงวันนี้ วันที่ผลการเลือกตั้งบุรีรัมย์ ปรากฎ วันที่ผลการเลือกตั้งภาคเหนือและภาคอีสาน แจ้งแล้วว่าพรรคพลังประชาชนยึดครองพื้นที่ 2 ภาคนี้แบบเบ็ดเสร็จ คมช. คงจะต้องพิจารณาการทำงานของนายเกษม วัฒนธรรม ประธานกกต.บุรีรัมย์ อีกครั้ง ด้วยมาตรวัดใหม่ โดยเฉพาะ นายธีรภัทธ์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ภาคภูมิใจมากกับบุรีรัมย์โมเดล ก็คงจะรู้ตัวแล้วว่า “เสียค่าโง่” ให้แก่บุรีรัมย์โมเดล แบบหมดรูป และ เสียค่าโง่ ที่หลงเชื่อ นายเกษม วัฒนธรรม ประธานกกต.บุรีรัมย์ โดยไม่ศึกษาให้ถ่องแท้ว่าของจริงหรือของปลอม
เลือกตั้งครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านไป คมช. คงจะต้องจดจำ บุรีรัมย์โมเดล ไปจนวันตาย แต่ นายเกษม วัฒนธรรม คงไม่อยากเอ่ยถึง บุรีรัมย์โมเดล คำที่ตนเองประดิษฐ์ขึ้นด้วยภาคภูมิใจในมันสมองของตัวเอง ไปจนวันตายเหมือนกัน ในขณะที่ นายธีรภัทธ์ เสรีรังสรรค์ ก็ต้องตบกระโหลกตัวเองให้หายโง่เสียที และควรนำไปเป็นกรณีศึกษา สอนหนังสือแก่นักศึกษารัฐศาสตร์ หากว่ายังมีสถานการศึกษาที่ไหน ยังกล้าจ้างไปสอนให้เสียเครดิตมหาวิทยาลัยอีก
บรรทัดนี้ ต้องขอปรบมือให้แก่ กลุ่มเพื่อนเนวิน และ นายเนวิน ชิดชอบ ที่อดทนรอคอยวันเอาคืน บุรีรัมย์โมเดล ด้วยความเงียบงัน และสกัดกั้นอารมณ์ไว้ได้อย่างดียิ่ง และในที่สุดก็เอาคืนได้สำเร็จอย่างสาสมจริงๆ
ขอไว้อาลัยให้แก่ บุรีรัมย์โมเดล ของคมช.
ขอแสดงความยินดีกับ กลุ่มเพื่อนเนวิน และพรรคพลังประชาชน ที่เอาชนะศัตรูของประชาชนได้ด้วยยุทธการสงบสยบความเคลื่อนไหว และเป็นการตบหน้าเผด็จการ ได้สะใจจริงๆ
จาก ประดาบ