ฉาวจนหยาดหยดสุดท้าย วันเลือกตั้งแท้ๆ ยังใช้อำนาจรัฐคุกคามไม่เลิก ที่บุรีรัมย์ หน้าบ้าน “เนวิน” ทำพิกล ใช้กำลังทั้งทหาร –ตำรวจ ตั้งด่านตรวจค้น แม้กระทั่งคนเข้า-คนออกบ้านพัก ด้าน กกต. ร้าวลึก 4 กกต. รุมอัด “สมชัย” เตรียมบทล้วงลูก โทษฐานแจกใบเหลือง-ใบแดงน้อบยเกินไป ทำให้ กกต.เสียหน้า “สดศรี” ได้ทีขอล้วงลูกร่วมสอบสวน
แม้สถานการณ์บ้านเมืองจะเดินหน้ามาสู่วันเลือกตั้งแล้วในวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ประชาชนกำลังเดินทางออกไปสิทธิใช้เสียงตามระบอบประชาธิปไตย แต่ฝ่ายกุมอำนาจรัฐก็ยังคงใช้อำนาจรัฐคุกคามไม่เลิกจนวินาทีสุดท้าย โดยเฉพาะที่จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่ช่วงเช้า 09.00 น. มีการตั้งด่านตรวจตามถนนสายต่างๆ ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วทั้งจังหวัดอย่างไม่ปกติ และที่พิลึกอย่างยิ่งก็คือการตั้งด่านตรวจที่ อำเภอเมือง ถนนสายประโคนชัย – บุรีรัมย์ บริเวณหน้าบ้านพักของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย 1 ใน 111 คนที่ถูกจำกัดสิทธิทางการเมืองไปแล้วนั้น
โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจกว่า 20 นาย มากกว่าจุดอื่นๆเป็นพิเศษ โดยปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่ด่านนี้จะทำการตรวจค้นแม้กระทั่งรถหรือคนที่เดินทางเข้า-ออกบ้านของนายเนวิน นอกเหนือไปจากรถที่สัญจรไปมาตามปกติ
การตั้งด่านดังกล่าว อ้างสาเหตุแบบกำปั่นทุกดินเช่นเคย คือมีทั้งเพื่อป้องกันการขนเงินเข้ามาซื้อเสียง ป้องกันขนคนมาลงคะแนน ป้องกันการลักลอบขนย้ายอาวุธและสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เพื่อก่อเหตุความไม่สงบ ซึ่งเป็นการสร้างความอิดหนาระอาใจให้กับชาวบ้านและผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ถึงกับกล่าวกันว่า นี่เป็นการใช้อำนาจรัฐที่เกิดขอบเขตหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าของบ้านคือนายเนวิน มิได้มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด โดยพอถึงช่วงบ่าย นายเนวิน ได้พา นางกรุณา ชิดชอบ ภรรยา ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.3 สมัย และ ปัจจุบันเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ มาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 24 ชุมชนหลังสถานีขนส่งผู้โดยสาร ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์
ทั้งนี้ นายเนวิน ได้ทักทายประชาชนที่มารอลงคะแนนเลือกตั้ง ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง และไม่ยอมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าว เพียงแต่บอกสั้นๆ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งที่พาภรรยามาทำหน้าที่ลงคะแนนตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากกกต.บุรีรัมย์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนมาใช้สิทธิบางตา เท่าที่สอบถามมีสาเหตุมาจากการที่ กกต.จังหวัด และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้น เพื่อป้องกันการทุจริตอย่างเข้มข้นจนทำให้ประชาชนมาใช้น้อยเกินกว่าที่คาดหมาย แต่มาตรการที่เด็ดขาดเหล่านี้ก็ทำให้ การแจกเงินในคืนหมาหอน ทำไม่ได้จนเห็นได้ว่า หมาหอนไม่ดัง
สำหรับกรณีคลิปวิดีโอ การสั่งการให้กำลังพลเลือกพรรคการเมืองหนึ่งของผู้บัญชาการกองพันทหารที่ 1 รักษาพระองค์ ที่กำลังสร้างความอื้อฉาวขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งนั้น ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้งที่ 37 แขวงศาลาธรรมศก เขตทวีวัฒนาได้ยืนยันต่อผ฿สื่อข่าวว่า กองทัพไม่มีนโยบายในเรื่องนี้เนื่องจาก กองทัพต้องวางตัวเป็นกลาง อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่เห็นคลิปวีดีโอดังกล่าว แต่ได้มีการสั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว
พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีคลิปวิดีโอดังกล่าวว่า จะต้องตรวจสอบ แต่ยังเร็วเกินไปที่กล่าวโทษกับนายทหารระดับนั้นในเวลานี้
ขณะเดียวกันศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) ได้ออกรายงานการร้องเรียนหรือกล่าวหาข้าราชการตำรวจวางตัวไม่เป็นกลาง ในการเลือกตั้งคร้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 22 ธันวาคม พบมีทั้งสิ้น 41 นาย เป็นชั้นสัญญาบัตร 13 นาย ประทวน 26 นาย ซึ่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบมีมูลตามที่ร้องเรียน 5นาย ไม่มีมูล 31 นาย
นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า ในจำนวนข้าราชการตำรวจที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วมีมูลทั้ง 5 นาย นั้น มีคำสั่งให้พ้นหน้าที่แล้ว ยังมีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง 3 นายด้วย
สำหรับ กกต.ส่วนกลาง โดยนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง ได้ออกมากล่าวเปิดประเด็นการตำหนิฝ่ายสืบสวนในช่วงเปิดหีบเลือกตั้งว่า กกต.4 คน เห็นตรงกันว่า ควรจะแบ่งงานด้านสืบสวนจากนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนมาดูแล เพราะกกต.ทั้ง 5 คนต้องรับผิดชอบร่วมกัน รวมทั้งอาจมีการสับเปลี่ยนหน้าที่กันทำงานด้วย ถ้ายังไม่ได้ผลก็ควรมาดูว่าควรยุบ กกต. และให้การเลือกตั้งกลับไปอยู่กับมหาดไทยเช่นเดิมหรือไม่
นอกจากนี้ นางสดศรี ยังยอมรับว่า หลังเลือกตั้งจะมีกระแสกดดันให้ กกต.แจกใบเหลือง ใบแดง โดยอาจมีการข่มขู่ กกต.อีก เนื่องจากมีผู้เสียประโยชน์ทางการเมือง โดย กกต.ได้เตรียมแผนงานในการจัดการเลือกตั้งใหม่ไว้ 2 ครั้ง เพราะคิดว่ายังไงก็มีเรื่องตั้งใหม่แน่
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. แถลงข่าวภายหลังเปิดหีบเลือกตั้งทั่วประเทศ ว่า ในคืนก่อนเลือกต้งมีการแจ้งเหตุทุจริตการเลือกตั้งทั้งหมด 172 เรื่อง เป็นเรื่องการแจกเงิน 147 เรื่อง ร้องเรียนเจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง 11 เรื่อง การแจกของ 4 เรื่อง และเรื่องอื่น 10 เรื่อง โดยกลุ่มจังหวัดที่มีเรื่องร้องเรียนมากที่สุดคือกลุ่มที่ 4 ซึ่งป็นกล่มจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานใต้
ส่วนกรณีที่นางสดศรีระบุอาจต้องมีการล้วงลูกฝ่ายสืบสวนฯ หากยังไม่สามารถเอาผิดคนทุจริตได้ว่า ก็มีการคุยกันว่าควรจะปรับปรุงอย่างไรบ้าง แต่ยังไม่ได้มีการคุยกันอย่างพร้อมเพรียง ตอนนี้เห็นแล้วว่างานด้านสืบสวนสอบสวนไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ กกต.ทุกคนตั้งใจทำงาน แต่เวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าหน้าที่คนใดเกียร์ว่าง ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น เพื่อการปรับปรุงเราอาจจำเป็นต้องหยิบบางสำนวนมาดูเอง หากจะเรียกว่าเป็นการล้วงลูกก็ได้
สำหรับสาเหตุที่นางสดศรี เปิดประเด็นการขอเข้าร่วมสืบสวนสอบสวนด้วยนั้น มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ในการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีการนำเรื่องความล่าช้าในการให้ใบแดงก่อนการเลือกตั้งมาหารือ โดยเรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนมาสอบถามถึงความคืบหน้าเป็นรายคดี และให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบชี้แจง โดย กกต.บางคนได้ตั้งเป้าว่าหลังการเลือกตั้งต้องแจกใบเหลืองใบแดงให้มากที่สุด
หลังจากนั้น กกต.ทุกคนได้รุมต่อว่านายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัยว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้การทำงานในการแจกใบแดงล่าช้า
รายงานข่าวระบุด้วยว่าในที่ประชุม นายสมชัยชี้แจงถึงสาเหตุของความล่าช้า และได้ชี้แจงกรณีต่างๆ เช่นเรื่องทุจริตที่มีเข้ามาว่า โดยมากไม่ได้เป็นกรณีของพรรคพลังประชาชน แต่เป็นของพรรคการเมืองอื่น เพราะพรรคพลังประชาชนนั้นถูกบล็อกจากฝ่ายต่างๆ จนแทบจะทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว หลังจากนั้นการประชุมจึงยุติลง ท่ามกลางสีหน้าเคร่งเครียดของ กกต.แต่ละคน
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธว่า ไม่มีความขัดแย้งกับนางสดศรี โดยกระแสข่าวที่ออกมาอาจเป็นเพราะสื่อไม่เข้าใจวิธีการทำงานของกกต. และตนไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องตั้งเป้าก่อนว่าต้องมีใบเหลืองใบแดง
ด้าน นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คงเป็นไปด้วยดี ส่วนเรื่องการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งหากเขตใดไม่มีเรื่องนร้องเรียน กกต.ก็สามารถที่จะประกาศได้ภายใน 7 วันทำการ แต่หากเขตใดมีเรื่องร้องเรียน กกต.จะพิจารณา ซึ่ง กกต.จะเริ่มพิจารณาวันที่ 25 ธ.ค. โดยเชื่อว่าจะสามารถประกาศใบแดงใบเหลืองได้ก่อนที่จะมีการประกาศผล ในส่วนของที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน
ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงความกังวลที่ว่า กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้ไม่ถึงร้อยละ 95 ทันตามกำหนด ว่า การตรวจสอบเรื่องทุจริตต้องดูจะมีเรื่องร้อนเรียนมากน้อยเพียงใด ล่าสุดจนถึงขณะนี้มีรายงานเพียง 20 เรื่อง หากไม่มีเรื่องทุจริตอะไรน่าจะประกาศผลการเลือกตั้งได้ตามกำหนดและเปิดสมัยประชุมสภาได้ภายใน 30 วัน และการประกาศผลคาดว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการได้ ภายในวันที่ 3 ม.ค.โดยในส่วนของ ส.ส.ระบบสัดส่วนน่าจะประกาศได้ก่อนเพราะเป็นส่วนที่ไม่ได้รับรายงานการทุจริต