คตส.เร่งสปีด เช็คบิล 'ทักษิณ'ตัดหน้า พปช. เหิมเสนอกฎหมายยุบคตส.พร้อมโยนไม้ต่อป.ป.ช. 'สัก'ขู่ฉีกผลงานคตส.ขัด รธน.319
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการกรรมการตรวจสอบ การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณา ความคืบหน้าของมูลคดีรวม 23 คดี และความคืบหน้าของคดีต่อไปนับจากนี้อีก 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย. 2551 รวมระยะเวลาปฏิบัติงานของ คตส. 21 เดือน โดยขณะนี้มีคดีที่พ้นจาก คตส.และอยู่ในการพิจารณา ของศาลและกรมสรรพากรจำนวน 6 คดี คือ คดีเลี่ยงภาษีของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คดีกล่าวหานายบรรณพจน์ และนางกาญจนาภา หงส์เหิน ร่วมกันเลี่ยงภาษี คดีเรียกเก็บภาษีจากบุตรชายและบุตรสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอยู่ระหว่างการอุทรณ์การประเมินภาษี คดีเรียกภาษีจากบริษัทแอมเพิลริช ที่โอนหุ้นให้บุตรชายบุตรสาวพ.ต.ท.ทักษิณ คดีที่ดินรัชดา และคดีหวยบนดิน
นายแก้วสรร กล่าวว่า ระยะเวลาที่เหลือนับจากนี้ซึ่งมีเรื่องที่อยู่ในชั้นการตรวจสอบจำนวน 4 เรื่อง คือคดีเซ็นทรัลแล็บ และคดีบ้านเอื้ออาทรอีก 3 คดี โดยจะเร่งให้ไปถึงชั้นไต่สวนภายในเดือนม.ค. 2551 และภายในสิ้นเดือนมิ.ย. 2551 ต้องวินิจฉัยให้ลุล่วงเสร็จทุกเรื่องสามารถส่งให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องต่อศาลต่อไป หากเรื่องในชั้นไต่สวนถูกผู้กล่าวหาประวิงเวลา แต่ถ้าไม่มีผู้ถูกกล่าวหามาก และคดีไม่ซับซ้อนอนุกรรมการ ก็จะเร่งทำงานหนัก และจะเร่งให้เสร็จภายใน 3 เดือน
'ที่ประชุมคตส.ได้ปรึกษากันว่าการที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนประกาศหากได้เป็น รัฐบาลจะตรากฎหมายบุบคตส. และให้โอนเรื่องไปที่ป.ป.ช. โดยเห็นตรงกันว่า ถ้าตรากฎหมายจริง ทุกเรื่องที่ส่ง ไปยังป.ป.ช. จะต้องยึดตามสำนวนของคตส.เป็นหลัก โดยต้องดำเนินการไต่สวนต่อไป หรืออยู่ในระหว่างส่งอัยการ และอัยการไม่เห็นด้วย ป.ป.ช.ต้องฟ้องเอง หรือหากอยู่ในชั้นศาลป.ป.ช.ก็ต้องรับสำนวนไปต่อสู้คดีเอง แต่ถ้าจะมีการเขียนในกฎหมายให้ป.ป.ช.เริ่มพิจารณาคดีใหม่ทังหมด เพราะมีอำนาจแล้ว ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ เพราะการทำงานของคตส.ที่ผ่านมายึดกฎหมายเดียวกับป.ป.ช. จึงไม่จำเป็นต้องเริ่มสอบใหม่' นายแก้วสรร กล่าว
เลขานุการคตส. กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้มีการประเมินด้วยว่าหากมีการตรากฎหมายยุบคตส. คาดว่าจะตรา ได้เร็วที่สุดในเดือนก.พ. 2551 ถือเป็นช่วงที่ทุกเรื่องจะอยู่ในชั้นไต่สวนเป็นอย่างน้อย และเมื่อโอนเรื่องให้ป.ป.ช.แล้ว เรื่องใดจะล่าช้าก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของป.ป.ช. และหากการประมาณการนี้เป็นจริง คดีที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของคตส. เช่นคดีซีทีเอ็กซ์ กล้ายาง เอื้ออาทรร่มเกล้า-บางพลี ธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ คดีท่อร้อยสาย น่าจะยุติสั่งสำนวนได้ในเดือนม.ค. 2551 ป.ป.ช.จึงไม่ต้องรับสำนวนเรื่องเหล่านี้ แต่หากกฎหมาย ยุบคตส. ทอดไปถึงสิ้นเดือนมี.ค. เรื่องทั้งหมดก็จะยุติได้ นายแก้วสรร กล่าวว่า นอกจาก 23 คดีแล้ว จากการตรวจสอบ ของคตส.ยังพบมูลความผิดเพิ่มเติมในเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ซึ่งมีการไต่สวนเพิ่มอีก 3 เรื่องคือ คดีแพ่งและอาญาผู้บริหารทศท. แก้ไขสัญญาลดค่าสัมปทานให้เอไอเอส ทำให้รัฐเสียหาย 4 หมื่นล้านบาท คดีแพ่งอาญาผู้บริหารทศท.แก้ไขสัมปทานให้เอไอเอส. หักค่าใช้โครงข่ายร่วมโดยไม่ชอบ ทำรัฐเสียหาย 2.3 หมื่นล้านบาท และคดีแพ่งและอาญารัฐมนตรีไอซีที. ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม อนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมเอื้อประโยชน์ให้ชินแซทเทิลไลท์โดยมิชอบ ซึ่งคตส.กำลังไต่สวนอยู่ แต่ถ้าไม่เสร็จก็จะโอนให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ
นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคตส.ได้รับทราบถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินเอื้อประโยชน์ธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง ในคดีคงถือไว้ซึ่งหุ้นธุรกิจสัมปทาน และใช้อำนาจโดยทุจริต แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต กับคดียึดทรัพย์ฐานได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควร สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท โดยอนุกรรมการ ได้สรุปข้อกล่าวหาและแจ้งให้พ.ต.ท.ทักษิณ มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 4 ม.ค. 2551
เมื่อถามว่า หากเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วการเมืองคดีที่ออกจากมือคตส. ไปแล้วไปหลุดที่ชั้นอัยการ หรือชั้นศาลคตส.จะเสียดายเวลาที่ทำมา 21 เดือนหรือไม่ นายแก้วสรรกล่าวว่า เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของอัยการและศาลดำเนินการต่อ ที่ผ่านมาไม่เห็นตำรวจ อัยการต้องเสียดายเวลาเลย ถ้าเสียดายนั่นแปลว่าเราไม่ได้ทำเต็มที่ และถ้าไม่ทำเต็มที่แม้ชนะคดีก็ถือเป็นเรื่องน่าอาย อย่างไรก็ตามการที่คตส. เร่งสปีดคดีที่อยู่ในการพิจารณาไม่เกี่ยวกับเหตุผล ทางการเมืองหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือเตรียมรับมือกับ พรรคพลังประชาชนแต่อย่างใด แต่เป็นไปตามเหตุผลที่หลายฝ่ายต้องการให้คตส.เร่งดำเนินการเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง
ด้านนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. กล่าวถึงแนวโน้มที่พรรคพลังประชาชนจะออกกฎหมายยุบคตส. และให้การกระทำของคตส.เป็นโมฆะว่า ต้องกลับไปดูกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 319 ที่ระบุว่าการกระทำใด ที่เกิดก่อนหรือหลังที่เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ หากมีเหตุที่ต้องยกเลิกหรือเป็นโมฆะ ให้ถือว่ากฎหมายนั้นขัดรัฐธรรมนูญ