น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคขนาดกลางและเล็กมาถึงทางแยก ต้องเลือกว่าจะแยกไปร่วมกับพรรคพลังประชาชน หรือพรรคประชาธิปัตย์ การตัดสินใจของพรรคขนาดกลางและเล็กมีความสำคัญต่ออนาคตการเมืองไทย ว่าจะนำพาประเทศไปสู่ความราบรื่นหรือไม่ ส่วนตัวยังเชื่อว่าพรรคเหล่านี้จะมีสติปัญญามากพอ ว่าเหตุที่ต้องมีการรัฐประหาร นำไปสู่การตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ตัดสิทธิอดีตกรรมการบริหาร 111 คน เกิดจากอะไร หากตัดสินใจไปอยู่กับพลังประชาชนเชื่อว่าปัญหาความวุ่นวายจะไม่จบ เพราะคนกรุงเทพฯจะลุกขึ้นมาต่อต้าน ถึงแม้จะได้เสียงสนับสนุนจากคนต่างจังหวัดล้นหลาม แต่ก็จะเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่ว่าคนต่างจังหวัดตั้งนายกฯ แต่คนกรุงเทพล้มนายกฯ
ชี้ 'สมัคร' อาจถูก ป.ป.ช.ฟันตกสวรรค์
น.ต.ประสงค์กล่าวต่อว่า แต่ถ้าเลือกเดินไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าจะมีปัญหาน้อยกว่า ถึงจะมีการจ้างคนต่างจังหวัดเข้ามาชุมนุม เจ้าหน้าที่ก็เอาอยู่ อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ยากที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง ยากที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ ความวุ่นวายยังคงอยู่ ดูเหมือนวิกฤติต่างๆจะหมดไป แต่มันไม่หมด ตั้งแต่นี้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง โดยเฉพาะทหารคงต้องเตรียมตัว เพื่อเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายได้เลย
ถามว่า พรรคพลังประชาชนระบุว่าจะสร้างความปรองดองในชาติ
น.ต.ประสงค์ตอบว่า คำว่าสมานฉันท์ไม่ใช่เอาความดีกับความชั่วมารวมกัน รัฐบาลกับนายทหารบางคนก็พยายามจะสมานฉันท์ เมื่อถามถึงคุณสมบัติของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก จะเป็นรัฐมนตรีหรือนายกฯได้หรือไม่ น.ต.ประสงค์ตอบว่า รัฐธรรมนูญกำหนดให้ยกเว้นคดีลหุโทษ และคดีความผิดฐานหมิ่น ประมาทเอาไว้ หากนายสมัครได้เป็นนายกฯ แต่ยังมีคดีที่ทาง คตส.กำลังชี้มูลความผิดไปที่ ป.ป.ช. ซึ่งตรงนั้นหาก ป.ป.ช.ชี้ว่ามีมูลความผิด ก็ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีทันที