WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 27, 2007

'หมอแว'กลับลำจับขั้ว'พปช.'อ้างปชช.แก้ปัญหาบ้านเมือง

'เพื่อแผ่นดิน'แตกพร้อมกระโดดจับขั้วพปช. ด้าน'หมอแว'กลับลำอ้าง เพราะเป็นความต้องการของปชช. แก้ภาวะทางตันทางการเมือง

ได้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรคว่าที่ส.ส.และอดีตผู้สมัครของพรรค เพื่อหารือถึงแนวทางทางการ เมืองของพรรค โดยมีแกนนำของพรรคเข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานคณะที่ปรึกษาพรรค ขาดเพียงนายวัฒนา อัศวเหม ประธานที่ปรึกษาพรรคแผ่นดิน เพียงคนเดียว โดยก่อนการประชุมว่าที่ส.ส.ของพรรคล้วนแสดงความเห็น ไปในทิศทางเดียวกัน

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ว่าที่ ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 1 กล่าวว่า เท่าที่ได้คุยกับว่าที่ ส.ส.ในพรรคเพื่อแผ่นดินและประชาชนเห็นว่าการจะทำให้นโยบายพรรคเดินหน้าได้จะต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น รวมทั้งการที่ จะทำให้เศรษฐกิจของเดินหน้าต่อไปได้ ก็จะต้องช่วยกันทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เพื่อเรียกสร้าง ความเชื่อมั่น กลับคืนมา หากว่าที่ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนโดนใบแดงไม่มากพรรคเพื่อแผ่นดินก็ควรที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน เพื่อช่วยกันทำงานให้บ้านเมือง

ด้านนายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า พรรคควรต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ ่ของคณะกรรมการบริหารพรรคและว่าที่ ส.ส.ทุกคน ซึ่งจากการรับฟังความเห็นของหลายฝ่ายต่างก็อยากเห็น รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาของประเทศ และการบริหารประเทศเดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งการตัดสินใจใดๆจะต้องยึดหลักการของพรรคที่จะไม่ทะเลาะกับใคร ที่สำคัญหลักประชาธิปไตย จะต้องให้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลพรรคอื่นไม่ควรจะมาจัดตั้งแข่ง

ขณะที่ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ รองหัวหน้าพรรค และว่าที่ ส.ส.นราธิวาส ซึ่งมีจุดยืนมาตลอดว่าไม่สามารถ ร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนได้มาวันนี้ (27ธ.ค.)ให้สัมภาษณ์ว่า จะไปรวมกับใครต้องฟังเสียงประชาชนเป็นหลัก เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงหลังประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ก็ไม่ค่อยประทับใจการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ และเท่าที่ได้รับฟังเสียงจากประชาชน 2-3 ครั้งหลังการเลือกตั้งพบว่าประชาชน อยากให้นำความรู้สึกส่วนตัวมาเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องสำคัญต้องการให้บ้านเมืองมีทางออก ไม่เจอทางตัน คนใต้มีเหตุผล เมื่อเงื่อนไขเปลี่ยนไปวิธีการคิดก็เปลี่ยนไปด้วย ควรให้การเมืองเป็นเรื่องรอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าอยู่ข้างไหนแล้วจะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ นพ.แวมาฮาดี ตอบว่า หากพรรคเล็กไปรวมกับ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้เสียงเกินครึ่งไม่ถึง 10 เสียง แต่ถ้าพรรคเล็กไปรวมกับพลังประชาชน ก็จะทำให้ได้เสียง เกินครึ่งมากกว่า ก็น่าจะมีความมั่นคงกว่ามีเสถียรภาพมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรที่ทำให้เงื่อนไขของกลุ่มเปลี่ยนไป นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไป ตามคาด เมื่อผลการเลือกตั้งเป็นเช่นนี้ก็ต้องทบทวน เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) ทางกลุ่มสัจจานุภาพได้จัดเวทีรับฟังความเห็นที่ จ.นราธิวาสพบว่าประชาชนก็มีเสียงแตกกันอยู่ จากเดิมที่ไม่ต้องการให้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน แต่เมื่อวานนี้เสียงเริ่มแตกแล้ว

ต่อข้อถามว่าทางกลุ่มมีเงื่อนไขอะไรในการเข้าร่วมรัฐบาล นพ.แวมาฮาดี ตอบว่า ไม่มีเงื่อนไข เพียงแต่ต้องการ ให้บ้านเมืองมีทางออก ต่อข้อถามว่าจำเป็นที่ทางกลุ่มต้องมีตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหา ในพื้นที่ด้วยหรือไม่ นพ.แวมาฮาดี ตอบว่า เป็นนโยบายของเราอยู่แล้วว่าควรมีคนในพื้นที่เป็นรัฐมนตรี เพื่อที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา ของคนภาคใต้

นายรณฤทธิชัย คานเขต ว่าที่ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ได้มีสมาชิกจากพรรคพลังประชาชน ติดต่อมาชวนให้ไปอยู่พรรคเดียวกันจริง เพราะก็เคยร่วมงานกับพรรคไทยรักไทยก่อนที่จะเป็นพรรคพลังประชาชนมาก่อน ดังนั้นการทำงานกับพรรคพลังประชาชนก็น่าจะง่ายกว่า และนโยบายก็คล้ายกันจึงน่าจะต่อยอดการทำงานได้ โดยเฉพาะนโยบายในเรื่องน้ำ พรรคเพื่อแผ่นดินมีนโยบายของระบบน้ำแบบชลประทานระบบท่อ พรรคพลังประชาชนก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้

ด้านนายประนอม โพธิ์คำ ว่าที่ส.ส.จังหวัดนครราชสีมาเขต 2 กล่าวว่า การที่จะเข้าไปร่วมกับ พรรคการเมืองใด นั้นต้องคิดให้รอบคอบ และโดยส่วนตัวตนคิดว่าหากเราไปอยู่กับฝั่งเสียงข้างมากแต่ผู้บริหาร ทำงานร่วมกันไม่ได้ก็จะเกิด ปัญหา แต่ถ้าเราอยู่กับเสียงข้างน้อยเข้ากันได้ทำงานร่วมกันได้ก็อยู่ได้นาน เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่ที่ความเข้าใจ

ขณะที่นายโสภณ เพรชสว่าง อดีตผู้สมัครบุรีรัมย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความรุนแรงมากกว่าทุกครั้ง แต่ก่อนเราจะบอกว่ามีคืนหมาหอน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วมีแต่คืนฝนตก การเลือกตั้งครั้งนี้มีการขนประชาชนไปรับเงิน ซึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์เราก็ทราบดีว่าเป็นพื้นที่ของใคร ไม่มีใครกล้าคัดค้านและกล้าเป็นพยาน โดยเฉพาะเมื่อทราบว่า กกต.จังหวัดจะแจกใบเหลืองใบแดงให้พรรคเขาก็จัดม๊อบกดดัน กกต.จังหวัดซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้น