WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, December 26, 2007

“ตัวแปร” ที่แท้จริง

แล้วก็เป็นไปตามความคาดหมาย สำหรับผลการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550...คือ ไม่มีพรรคการเมืองใดได้ที่นั่งเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด หรือ 240 จากทั้งหมด 480 ที่นั่ง


ดังนั้น หลังผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการเริ่มชัดเจนออกมาในเวลาเที่ยงคืน คำถามสำคัญที่สุดที่ทุกคนรอคอย คาดเดา และพยายามคาดคั้นเอาคำตอบจากพรรคการเมืองต่างๆ ให้ได้ก็คือ

ใครจะจับขั้วกับใคร?


ถ้าเป็นตามสถานการณ์ปกติ พรรคพลังประชาชนที่ได้ที่นั่งมากที่สุดถึง 232 ย่อมต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไม่ต้องสงสัย โดยต้องการอีกไม่กี่สิบที่นั่งเพียงเท่านั้น และพรรคขั้วตรงข้าม (ตลอดกาล) อย่างประชาธิปัตย์ ก็คงเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้วสำหรับการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เหลือแต่ เจ้าเมืองแปร อย่างพรรคที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 3 ที่ดูจะมีความสุขที่สุด เพราะจะเลือกข้างใดก็ได้ และเผลอๆ อาจจะได้ตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลมากกว่าพรรคที่ได้จำนวน ส.ส. มากกว่าด้วยซ้ำไป


แต่ว่า...การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าปกติ...


ไม่ใช่แค่การเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่แค่การเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนสำคัญ มันคือการเลือกตั้งที่จะประกาศภาวะอารมณ์และการตัดสินใจของประชาชนในประเทศนี้ ที่มีต่ออุดมการณ์การเมืองบางอย่าง


เมื่อพรรคพลังประชาชนยังคงได้เสียงข้างมากเกือบทะลุครึ่งสภา ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายทหารระดับสูงท่านหนึ่งที่ร่วมในคณะรัฐประหารเคยออกมาปรามาสไว้ว่า พรรคการเมืองที่ถูกขับไล่ออกไปแล้ว (ด้วยวิธีการนอกรัฐสภา) มักไม่ได้กลับเข้ามาอีก...


แต่เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคนขับไล่ หนำซ้ำผลคะแนนยังออกมาว่าพรรคพลังประชาชนที่มีภาพลักษณ์เป็นตัวแทนอดีตพรรคไทยรักไทย ยังได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 เช่นนี้...


มันจึงคือการตบหน้าคณะรัฐประหารอย่างจัง


มันคือการประกาศว่า การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นเรื่องที่กองทัพหักคอประชาชนเอาเอง เพราะนอกจากคนกลุ่มน้อยที่ได้รับผลประโยชน์ และแอบรวมหัวเปิดทางให้ทหารเข้ามาแล้ว...ประชาชนคนอื่นๆ ที่เหลือ เขาไม่ได้ต้องการด้วย


อย่างน้อย คนที่ไม่ต้องการทหารก็คือกว่า 20 ล้านเสียงที่กากบาทให้พรรคพลังประชาชนในครั้งนี้!


ถึงกระนั้น แม้ประชาชนส่วนมากจะเลือก และแม้คนที่ไม่ได้เลือกก็พร้อมจะยอมรับในเสียงข้างมาก...


แต่ก็ใช่ว่าพรรคพลังประชาชนจะมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้โดยง่าย...แม้ว่า เจ้าเมืองแปร จะแทงกั๊กมาตลอดว่ายังห่วงใยและพร้อมจะคุยกันเสมอ (ถ้าได้เสียงข้างมาก...)


นั่นเพราะว่าตัวแปรที่แท้จริงไม่ได้ขี่ม้าสีหมอก...หากแต่เป็นตัวแปรพิเศษยิ่งกว่า ที่ทั้งมืด ลึกลับ และมีพลังอำนาจมากกว่านั้นหลายเท่าตัวนัก...


เป็นอำนาจพิเศษที่พรรคอันดับ 2 อย่างประชาธิปัตย์ย่อมรู้ดีว่า ทำให้ตัวเองได้เปรียบ


เป็นอำนาจพิเศษที่หลายสำนักทั้งในและนอกประเทศต่างก็จับตามอง และไม่เคยละเลยที่จะเอ่ยถึงในกระบวนการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเมือง


เป็นอำนาจพิเศษที่ทำให้เกิดข่าวลือกระเซ็นกระสายในช่วงหลังปิดหีบเลือกตั้งไม่กี่ชั่วโมง ว่ามีการเข้าพบผู้มากบารมี...ตามมาด้วยการดักคอกันว่า ประชาชนแสดงเจตนารมณ์แล้ว คนอื่นอย่ายุ่ง


ด้วยตัวแปรนี้ อาจทำให้เรื่องธรรมดา เช่น การที่พรรคพลังประชาชนจะจัดตั้งรัฐบาล ไม่อาจทำได้


ด้วยตัวแปรนี้ อาจทำให้พรรคที่ 2 ได้ขึ้นมาแทน และต้องผสมกับพรรคที่ 3, 4, 5 ฯลฯ จนกลายเป็นรัฐบาลผสมที่คละเคล้ามากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง...และมีทีท่าจะเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง


บางที คำถามที่สำคัญกว่าอาจไม่ได้อยู่ที่ว่า พรรคพลังประชาชนจะจับขั้วกับใคร...


แต่อยู่ที่ว่า ใคร ได้รับการตั้งธงมาแล้วว่าจะให้ได้เป็นรัฐบาล