ตั้งแต่ เอกฉัตร รู้จักตัวตนของ พล.อ.
ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้คำตอบที่ชัดเจน แจ่มแจ้งแดงแจ๋
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสารลับของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ที่คณะกรรมการสอบสวนระบุว่า ทหารเอนเอียง แต่ กกต. พลิกมติกลับว่า แม้จะเป็นเอกสารจริง แต่ คมช. ได้สั่งยกเลิกไปแล้ว จึงถือว่าไม่มีความผิด
หรือแม้แต่ พล.อ.สนธิ ตั้งคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง หรือ ครส. เพื่อขอนั่งเป็นประธานควบกับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ตามประสาคนที่ชอบควบ
ก็ไม่เห็น กกต. ออกมาโวยวายว่าทำงานซ้ำซ้อน ในทางกลับกัน ออกมาสนับสนุนกันออกหน้าออกตา เปิดประตูต้อนรับการไปเยี่ยมเยียนหลายครั้งหลายครา
ใครที่เคยคิดว่า กกต. ชุดนี้มาจากการคัดสรรของวุฒิสมาชิกก่อนจะมีการทำรัฐประหาร พล.อ.สนธิ ทำหน้าที่เพียงชุบชีวิต หลังจากที่ยุบองค์กรอิสระที่มีมาตามรัฐธรรมนูญปี 2540
คงจะไม่มีบุญคุณอะไรกันมากมาย ถึงกับสั่งได้
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ที่ประกาศกันอย่างสวยหรูว่า เป็นการกำหนดทิศทางประเทศไทย หลายคนเบาใจ ไม่ว่าการเมืองจะสู้กันเข้มข้นอย่างไร ถ้าได้กรรมการชาติเป็นกลาง ก็พอจะควบคุมสถานการณ์
เปรียบเหมือนการแข่งขันฟุตบอล ไม่ว่านักเตะทั้ง 2 ฝ่ายจะเล่นกันแรงถึงลูกถึงคน แต่ถ้ากรรมการมีความเป็นกลาง ไม่เอนเอียงเข้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็สามารถควบคุมเกมการแข่งขันไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นได้ ซึ่งเราได้เห็นกันบ่อยๆ ในการแข่งขันฟุตบอลในต่างประเทศ
แต่ถ้ากรรมการเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รับรองได้ ความวุ่นวายจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ไม่ในสนามก็บนอัฒจันทร์คนดู
เพิ่งมาวันนี้แหละที่ พล.อ.
เพราะฉะนั้นก่อนและหลังเลือกตั้ง ย่อมหมิ่นเหม่เหลือเกินที่จะเกิดความวุ่นวายขึ้นตามที่หลายฝ่ายกังวล ก็เพราะไม่มั่นใจในความเป็นกลางของ กกต.
นี่อีกคน ยิ่งใกล้เลือกตั้งยิ่งออกอาการ หรือออกลายให้เห็น คือ นาย
ตอนที่เข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็บอกว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ตลอด 24 ชั่วโมง น้ำท่วม ไฟไหม้ ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ไปเสนอหน้าออกจอทีวีไม่มีเว้น
แต่พอถึงเวลารณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กลับบอกว่าจะใช้เวลานอกราชการไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ในเขตต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร
คราวนี้ นาย
ถามหน่อยครับท่านผู้ว่าฯ อภิรักษ์ เจ้าหน้าที่เขตต่างๆ เขาจะแยกออกไหมว่าท่านเป็นผู้ว่าฯ กทม. หรือรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เจ้าหน้าที่เขตคนไหนแยกแยะออกมาว่า เวลา 5 โมงเย็นไปแล้ว นายอภิรักษ์เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่จำเป็นต้องไปพินอบพิเทา ไปบริการรับใช้
พรุ่งนี้ 8 โมงเช้า นายอภิรักษ์ย่อมมีสิทธิที่จะรับบทผู้ว่าฯ กทม. กับเจ้าหน้าที่คนนั้นได้ทันที
ไม่ทราบว่าหลังจากที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมา ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ได้อ่านข่าวหรือไม่ว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายกฯ อบจ. ลาออกไปเกือบ 20 คน เพราะญาติพี่น้องลงสมัคร ส.ส. เกรงว่าจะถูกกล่าวหาวางตัวไม่เป็นกลาง
มิใช่ลาออกไปลงสมัคร ส.ส. แต่อย่างใด
นี่คือสปิริตของนายกฯ อบจ. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งจังหวัด ไม่ได้ต่างจากผู้ว่าฯ กทม. เลย เพียงแต่เป็นการปกครองกันคนละแบบเท่านั้น
จริงอยู่ มีบางจังหวัดที่จำใจต้องลาออก เพราะอดีตสังกัดพรรคไทยรักไทย ปัจจุบันฝักใฝ่พรรคพลังประชาชน
แต่ส่วนใหญ่ลาออกเพราะต้องการแสดงสปิริต ไม่ให้ถูกกล่าวหาวางตัวไม่เป็นกลาง จะทำให้การกำหนดทิศทางของประเทศไทยบิดเบี้ยว
บอกตรงๆ เอกฉัตรเข้าใจและเห็นใจ ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ เป็นที่สุด เพราะ นาย
ในฐานะคนเป็นรองหัวหน้าพรรคและเป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็ต้องช่วยให้ฝันของหัวหน้าพรรคเป็นจริง
แต่อย่าลืมว่า แม้ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ แสดงสปิริตสักคน วางตัวเป็นกลาง เป็นผู้ว่าฯ 24 ชั่วโมง พรรคประชาธิปัตย์ยังมีกองหนุนมากมาย ในฐานะผู้สนับสนุนเผด็จการ ไม่ตอบแทนบุญคุณกันบ้างก็ใจจืดใจดำเกินไป ใช่มั้ยขอรับ