ครับ ขู่จะยุบกันวันละสามเวลาหลังอาหาร และก่อนนอนอีกมื้อหนึ่งอย่างนี้ ถ้าไม่กลัวลานกันไปเลยก็ได้นั่งหัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง ขณะนี้ดูจะหมดความศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว
เอ่ยโดยไม่ต้องนึกรักพรรคไหนเป็นการเฉพาะ ผมเชื่อว่าแนวโน้มที่พรรคพลังประชาชนจะมาเป็นที่หนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะสูงมาก
ไม่ได้พูดจากข้อมูลของพรรคพลังประชาชนเองด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือนใครๆเขาจะปฏิบัติการหยั่งเสียงวัดความนิยมกันทั้งนั้น เว้นแต่พรรคพลังประชาชนที่แม้แต่ป้ายหาเสียงก็ยังไม่ค่อยจะได้เห็น
ปราชญ์ซุนหวู่คือผู้ชี้ว่า ในการแข่งขันขับเคี่ยวทั้งหลาย ฐานะของเราว่าจะสูงหรือต่ำ น่าครั่นคร้ามหรือน่าหัวเราะเยาะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา แต่ขึ้นอยู่กับศัตรูคู่แข่งของเรา
ถ้าฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวอย่างหวาดกลัวเราเต็มที ขนาดแสดงกิริยาอาการแปลกๆที่ทำให้ผู้เฝ้ามองต้องส่ายหน้าด้วยความเวทนา แสดงว่าเราคงจะเป็นคู่แข่งที่มีศักดิ์ศรีและน่าเกรงขาม แต่ถ้าเขามีชีวิตอันมั่นคงสุขสบาย เคยทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ก็อาจจะต้องประเมินตัวเราว่าตกต่ำไปขนาดไหนแล้ว
ประโยคที่เอ่ยข้างต้นก็เนื่องมาจากแนวคิดนี้เอง เพราะเมื่อเห็น "โพล" ของฝ่ายที่มีอำนาจรัฐเอง ไม่ว่าจะเป็นรายงานวิเคราะห์ผลเลือกตั้งของ กอ.รมน. หรือกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งทุกคนเข้าใจได้ทันทีว่าเป็นข้อมูลที่เตรียมไว้ในแผนสืบทอดอำนาจมากกว่าอะไรทั้งสิ้น ชี้ตรงกันว่า อดีตพรรคไทยรักไทยน่าจะเข้าวินและมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ก็ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่น่าสนใจขึ้นมาทันที
สิ่งที่แสดงออกมากมายพร่ำเพรื่อที่สุดเห็นจะเป็นคำขู่จะยุบพรรค
ลำดับความดูก็จะเกิดความขำ
อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ถูกห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูก "ยุบพรรค"
ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของพรรคไทยรักไทยเองแท้ๆ ขู่จะฟ้องพรรคพลังประชาชนว่าใช้ "เอกสารปลอม" มากล่าวหาว่าเขาสมัครเป็นสมาชิกพรรคซ้อนกันสองพรรค ก็ตามมาด้วยเสียงกร้าวๆจาก กกต. ว่าจะ "ยุบพรรค"
คุณทักษิณให้สัมภาษณ์เรื่องทั่วๆไปออกทางโทรทัศน์ดาวเทียมที่ยังมิได้มีใครกำหนดกฎเกณฑ์ใดๆในทางกฎหมาย ก็แสดงอาการโกรธเคืองกันและประกาศว่าอาจจะใช้เหตุนี้มา "ยุบพรรค"
แผ่นซีดีที่ทำไว้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อเกิดการเผยแพร่ในเขตเลือกตั้งบางเขต ก็กลายเป็นเรื่องตึงตังโครมคราม และว่าจะ "ยุบพรรค" กันอีก
ครับ ขู่จะยุบกันวันละสามเวลาหลังอาหารและก่อนนอนอีกมื้อหนึ่งอย่างนี้ ถ้าไม่กลัวลานกันไปเลยก็ได้นั่งหัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง
ขณะนี้ดูจะหมดความศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เพราะคนที่รู้เรื่องมาตลอดเขาสรุปง่ายๆไว้ในใจแล้วว่า ถ้าเคารพประชาชนก็เอาผลเลือกตั้งเป็นเกณฑ์ แต่ถ้ากลั่นแกล้งรังแกกันถึงขนาดนั้น จนกลไกประชาธิปไตยชำรุดเสียหายลงไปแล้ว ก็จะไม่เหลืออะไรที่เป็นประชาธิปไตยเอาไว้พูดจากัน เมื่อถึงจุดนั้นแล้วบ้านเมืองจะกลิ้งลงเหวไปอย่างไรคงไม่มีใครบอกได้
ถัดจากเรื่องยุบพรรค เราได้เห็นพรรคการเมืองตรงข้ามกับพรรคพลังประชาชนเปลี่ยนมาใช้เกมจิตวิทยาใหม่ วิธีการคือให้ผู้สมัครออกไปพูดทุกแห่งหนว่า หากพรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว บ้านเมืองก็จะวุ่นวายอีก หาความสงบมิได้
แถมยังหยอดว่า เลือกพรรคของตนจะได้ผลตรงข้าม เพราะฝ่ายตนมีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายทหาร และกับ "ผู้มีอำนาจเบื้องหลังทั้งหลาย" ที่คิดโค่นรัฐบาลทักษิณมาด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นคนที่เตรียมก่อหวอดประท้วงในนามพันธมิตรฯ หรือคนใหญ่ขนาดอยู่บ้านหลวงได้จนตายก็ตาม ถ้าตนได้เป็นรัฐบาล ความสัมพันธ์ทุกอย่างภายใต้เงื่อนไขนี้จะราบรื่นเรียบร้อย
ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงว่าพรรคพลังประชาชนเป็นที่ครั่นคร้ามของฝ่ายตรงข้ามพอดู
เมื่อบรรยากาศเป็นอย่างนี้ เรื่องการนำเสนอนโยบายผ่านผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือการหาเสียงด้วยวิธีการต่างๆโดยพิสดาร น่าจะมีความสำคัญน้อยกว่าขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่ความเป็นประชาธิปไตยจะปรากฏขึ้นมาได้
นั่นคือการป้องกันการโกงเลือกตั้ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบัตร หีบบัตร เจ้าหน้าที่คูหา กระบวนการรวบรวมและนับคะแนน ไปจนถึงการดำเนินการเมื่อมีคนท้วงติงผลการนับคะแนน
ขนาดปากกาที่ผูกเชือกไว้ให้ในจุดเลือกตั้ง ยังมีคนกระซิบว่า เขาอุตส่าห์เลือกปากกาที่เขียนไม่ค่อยติด เพื่อที่ผู้ใช้สิทธิจะต้องกาแล้วกาอีกจนบัตรขาด หรือไม่ก็กาหลายครั้งเกินไปจนบัตรเสียไปเลย ทางออกที่ง่ายที่สุดคือการใช้ปากกาที่นำติดตัวไปเอง ฯลฯ
ไม่ว่าจะใช้วิชามารอย่างไรก็ตาม ห้วงเวลานี้นักประชาธิปไตยทั้งหลายควรหันมาสนใจเรื่องป้องกันการโกงมากกว่าเรื่องใดๆครับ
///////////////////////
คอลัมน์: เลือกคบ ไม่เลือกข้าง...จากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้