นพ.เหวง กล่าวว่า การมายื่นเรื่องของสมาพันธ์ประชาธิปไตยก็เพื่อขอให้กกต.ทบทวนกรณีที่ได้มีมติ ยกคำร้องเรื่องเอกสารลับ โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 4 เรื่อง คือ
1.ไม่มีการลงพื้นที่ตรวจสอบว่าได้มีการปฏิบัติตามคำสั่งเอกสารลับจริงหรือไม่ แต่กลับพิจารณาจากคำชี้แจง ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่งไม่มีหลักฐานอื่นประจักษ์ จึงไม่ทราบว่าเป็นการนั่งเทียนหรือไม่
2.กกต.ไม่ให้โอกาสสมาพันธ์ประชาธิปไตยแสดงหลักฐานหรือพยานโดยเท่าเทียมกัน
3. คำวินิจฉัยของกกต. ที่อ้างว่าการกระทำของคมช.ได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ และการที่อ้างว่ายังไม่มีการอนุมัติงบประมาณ จึงยังไม่มีการกระทำการจริงนั้น ล้วนแต่เป็นข้อวินิจฉัยที่ไม่เที่ยงธรรม เพราะคำสั่งหลายข้อที่ปรากฏในเอกสารลับสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ
4.เอกสารดังกล่าวเผยแพร่รวมเวลา 38 วัน และทางคมช.ได้ระบุว่าสั่งยกเลิกไปแล้วด้วยวาจา แต่ไม่สามารถแสดงคำสั่งที่ออกโดยราชการได้ เท่ากับว่าจนถึงขณะนี้เอกสารยังกล่าวยังมีผลบังคับใช้
ดังนั้น ทางสมาพันธ์ประชาธิปไตย จึงขอให้กกต.ได้ทบทวนมติกกต.ดังกล่าว เพราะเป็นห่วงว่า จะเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิขององค์กร และความน่าเชื่อถือของกกต.ทั้ง 5 คน และอยากให้ดำเนินการก่อน วันเลือกตั้งที่ 23 ธันวาคมนี้ เพราะหากช้าไปกว่านี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เนื่องจากผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว
นพ.เหวง กล่าวต่อว่า กกต.ควรออกมติกกต.ใหม่เพื่อยกเลิกมติเก่าและให้มีการสอบสวนใหม่ทั้งหมด เพราะหากไม่ทำการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีความบรุสิทธิ์ตั้งแต่ต้น และเมื่อเร็วๆ นี้ ขออ้างจากสื่อมวลชนว่า พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. พรรคพลังประชาชน ได้ให้ข่าวกับสาธารณะว่ามีการขัดขวาง ไม่ให้ พล.อ.เรืองโรจน์ไปพบปะกับประชาชน ทั้งนี้ ได้รายงานเรื่องนี้ให้นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม ให้ทราบแล้ว
ส่วนเหตุใด นพ.เหวง ถึงไม่ติดใจเรื่องการพิสูจน์เอกสารจริงหรือปลอมนั้น นพ.เหวง กล่าวว่า 'ขอทวงผ่านสื่อมวลชนว่านายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน กรณีเอกสารลับ ยังไม่เคยตีพิมพ์คำวินิจฉัยส่วนตนต่อสาธารณะ ขอทวงให้กรรมการทุกท่านในคณะกรรมการฯ ตีพิมพ์คำวินิจฉัยส่วนตน
ด้วย ทั้งนี้ จากการติดตามข่าว พบว่านายสุพลไม่มีความคลางแคลงใจเกี่ยวกับเรื่องความถูกต้อง ของเอกสารลับแต่อย่างใด และนายสุพลเห็นว่าเนื้อความในเอกสารตรงกันเป็นส่วนใหญ่และเป็นลายมือชื่อจริง นอกจากนี้ ยังไม่เห็นคมช.ท่านใดออกมาระบุว่าเป็นเอกสารเท็จ ดังนั้น เรื่องเอกสารจริงหรือปลอมจึงควรยุติลงได้แล้ว'
ทางด้านนายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า เรื่องเอกสารลับ น่าจะจบแล้ว และตามปกติ กกต. จะไม่วินิฉัยซ้ำเรื่องที่มีมติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้อ่านหนังสือที่น.พ.เหวง มายื่น แต่ได้มอบให้เจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้และทำความเห็นว่าจะเอาเข้าที่ประชุม กกต.หรือไม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติ