สืบเนื่องจากกรณีที่ นายวันชัย จงจรูญหิรัญ หัวหน้ากลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านคอร์รัปชั่น (PRAC) ได้เคยร้องเรียนถึงความไม่ชอบมาพากลที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากกรณีการจัดจ้าง บริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด อบรมให้บุคลากรของ สตง. โดยไม่มีคู่แข่ง และบริษัทดังกล่าว ยังเช่าอาคารพาณิชย์ จาก นายทรงเกียรติ เมณฑกา สามี คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.
รวมทั้งยังมีการเข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าคุณหญิงจารุวรรณ ส่อร่ำรวยผิดปกติจากการครอบครองที่ดินมูลค่านับสิบล้านบาท และการปลูกสร้างบ้านหรูในจ.นนทบุรี ที่มีมูลค่าการก่อสร้างเฉียด 50 ล้านบาท นั้น
ตะลึง!คฤหาสน์หรู “จารุวรรณ”
ล่าสุดในวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายวันชัย ได้นำสื่อมวลชนไปดูบ้านหลังดังกล่าว โดยพบว่าเป็นบ้านหลังใหญ่อยู่ระหว่างการก่อสร้างบนเนื้อที่ 1 ไร่ มีการออกแบบอย่างหรูหรา ตัวบ้านยกระดับสูงกว่าพื้นปกติ มีการเล่นระดับที่ผู้รู้ระบุว่าไม่น้อยกว่า 5 ระดับ ทั้งยังมีมุขด้านหน้าเป็นทรงโค้งสูงขึ้นไปถึงชั้น 2 ของตัวบ้าน ซึ่งเข้าใจว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จจะเป็นกระจกใสทั้งหมด
และที่สะดุดตาผู้ที่เห็นบ้านหลังดังกล่าวก็คือโดมที่เป็นส่วนยอดของตัวบ้าน ที่ก่อสร้างสูงเด่นขึ้นมา พร้อมกับหลังคาสีเหลืองสด
นายวันชัย กล่าวว่า อยากให้คุณหญิงจารุวรรณออกมาชี้แจงให้สังคมได้รับทราบว่าเอาเงินจากไหนมาสร้างบ้านหลังนี้ ซึ่งประเมินราคาที่ดินและค่าก่อสร้างแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีที่ดินของบุตรชายของคุณหญิงจารุวรรณ ในละแวกเดียวกันอีกประมาณ 1 ไร่ ด้วย
จ่อล่า2หมื่นชื่อถอดพ้นผู้ว่าการ สตง.
นอกจากนี้ยังต้องการให้คุณหญิงจารุวรรณ ชี้แจงเรื่องเงินสินบน 100 ล้านบาท ที่มีผู้นำมาให้แต่คุณหญิงจารุวรรณ อ้างว่าไม่รับ ไม่ทราบว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เสนอสินบนหรือไม่อย่างไร หากไม่ยอมออกมาชี้แจงทางกลุ่มพวกตนจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการล่าชื่อประชาชนเพื่อยื่นถอดถอนคุณหญิงจารุวรรณต่อไป ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ 2 หมื่นรายชื่อ
สำหรับบ้านหลังดังกล่าวนี้ก่อนหน้า คุณหญิงจารุวรรณ เคยออกมาระบุว่ามีมูลค่า 12 ล้านบาท แต่หากให้วิศวกรมาประเมินราคาตามความเป็นจริงแล้ว จะพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ซึ่งทางกลุ่มได้มีการให้วิศวกรป
ระเมินราคาในเบื้องต้นแล้ว รวมทั้ง ยังพบว่าที่ดินที่อยู่ติดกับบ้านหลังนี้ บุตรชายของ คุณหญิงจารุวรรณ เป็นเจ้าของก็มีมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
ยันมีผู้เชี่ยวชาญร่วมประเมินราคา
ทางด้าน นายณัฐวุฒิ ด้วงนิล ฝ่ายประสานงานกลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวถึงการเชิญสื่อมวลชนหลายสำนัก เข้าไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าว ว่าเป็นการยืนยันให้เห็นว่าบ้านหลังดังกล่าวของ คุณหญิงจารุวรรณ มีอยู่จริง ส่วนประเด็นที่สองคือต้องการที่จะสื่อให้เห็นว่าขนาดโครงสร้างของบ้าน และลักษณะพื้นที่โดยรอบบริเวณ ที่จัดว่าเหมาะสมครบถ้วนตั้งแต่ทำเลที่ตั้งใกล้ทางด่วนเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีราคาเพียงแค่ 4 ล้านบาท ตามที่คุณหญิงจารุวรรณโต้ และอีกประเด็นสำคัญคือ ต้องการชี้ให้เห็นว่ายังมีที่ดินอีกแปลงที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงบ้านจริงตามที่ทางกลุ่มติดตามฯ ออกมากล่าวผ่านสื่อไปก่อนหน้านี้
ส่วนกรณีที่คุณหญิงจารุวรรณออกมากล่าวโต้แย้งว่ามีกลุ่มบุคคลพยายามติดต่อผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านดังกล่าว ให้ข่าวต่อสื่อว่าบ้านหลังนี้มีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ซึ่งดูเหมือนว่าต้องการจะกล่าวบอกว่าทางกลุ่มติดตามฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่ทางกลุ่มออกมาระบุว่า บ้านหลังดังกล่าวอาจมีมูลค่าสูงเกือบ 50 ล้านนั้น เรามีผู้รับเหมาก่อสร้าง วิศวกร ผู้ออกแบบบ้าน และผู้ที่มีความรู้ในการประเมินราคาซื้อขายที่ดิน ร่วมกันตรวจสอบและประเมิน ว่าหากมีการก่อสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ ตั้งแต่เรื่องการก่อสร้างบริเวณรั้วกั้น หรือปรับพื้นที่ ตกแต่งนอกและภายในและยังไม่นับรวมกับราคาวัสดุที่มีการปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งจะมีมูลค่าตามที่กล่าวมาจริง
ชี้แค่บ้าน60ตรว.ก็ราคา4ล้านแล้ว
ซึ่งเรื่องดังกล่าวจากที่ได้มีการตรวจสอบการก่อสร้าง ล้วนแล้วแต่เป็นวัสดุเกรดเอทั้งนั้น ดังนั้น คุณหญิงจารุวรรณ คงจะออกมาปฏิเสธไม่ได้ เพราะว่าหลักฐานปรากฏให้เห็นอยู่ที่ตัวบ้าน และในใบรายการสั่งซื้ออุปกรณ์อยู่แล้ว
ส่วนในกรณีที่คุณหญิงจารุวรรณ ออกมากล่าวว่า มีผู้ไม่หวังดีกับตนต้องการเอาผิดตนนั้นจึงได้วางแผนว่าจ้างให้วิศวกรประเมินราคาให้สูงเกินจริงนั้น ตรงนี้ต้องชี้แจงว่า เอาหลักการง่าย ๆ ของผู้ที่เคยสร้างบ้านมาก่อนจะทราบดีเลยว่าราคาบ้านจะใช้การประเมินของวิศวกรเป็นอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องถามเอาจากผู้ที่รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งราคาการรับเหมาทั่วไปในแบบราคากลางแบบเกรดเอนั้น งานโครงสร้างจะตกลงกันอยู่ที่ตารางเมตรละ 25,000 บาท
อีกทั้งในส่วนของงานตกแต่งจะมีราคาที่แตกต่างออกไปอีก ซึ่งยังไม่รวมในราคาการจัดสิ่งอุปโภคเช่น น้ำประปา ไฟฟ้า ซึ่งเป็นไปได้จริงหรือไม่ ที่คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่าราคาบ้านอยู่ที่ 4 ล้านบาท มีอีกข้อสังเกตหนึ่งที่ชี้ชัดว่าบ้านคุณหญิงจารุวรรณน่าจะมีมูลค่าสูงกว่าที่อ้าง คือ ราคาบ้านจัดสรรทั่วไปที่มีขนาด 60-70 ตารางวา แบบที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบเดินทางไป-มาง่าย เข้าออกได้หลายทาง อย่างน้อยเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 4-6 ล้านบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับวัสดุและพื้นที่ของบ้าน
สงสัยทำไมตอนแรกไม่ปฏิเสธ
ขณะที่บ้านของผู้ว่าการ สตง.นั้นมีขนาดใหญ่เกือบ 1 ไร่ และมีการแบ่งพื้นที่ใช้ประโยชน์หลายสัดส่วน ซึ่งจากประสบการณ์ที่มีบอกได้เลยว่าถ้าก่อสร้างเสร็จราคาจะไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทแน่นอน
ซึ่งประเด็นคือไม่รู้ว่าคุณหญิงไปตีความหมายอะไรผิดหรือไม่ เพราะทางกลุ่มติดตามฯไม่ได้กล่าวว่าบ้านที่มีการก่อสร้างอยู่ในขณะนี้มีมูลค่า 50 ล้านบาทแล้ว เพียงแต่บอกว่าหากมีการสร้างแล้วเสร็จถึงจะเป็นไปตามที่ประเมินราคาไว้ ซึ่งเป็นเรื่องผิดประเด็นกันอย่าเข้าใจผิด
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า จากที่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลราคาบ้านในเบื้องต้น ทางคุณหญิงเองไม่ได้แสดงท่าทีปฏิเสธเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย แต่ว่า กลับทางคุณหญิงจารุวรรณ กลับเพิ่งจะกล่าวปฏิเสธไปหลังจากที่ได้มีดำเนินการยื่นหนังสือเปิดผนึกไปที่ สตง. และทางด้าน ผู้ว่าการ สตง.ได้ให้ความกรุณาส่งรองผู้ว่าการ สตง.คือนาย นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ออกมาชี้แจงแทนว่าตัวบ้านที่กำลังก่อสร้างดังกล่าวนั้นมีมูลค่าก่อสร้างเพียง 4 ล้านบาทเศษเท่านั้น ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนที่สามารถนำมาแสดงได้
โคตรงง!ข้ออ้างก่อสร้างเป็นระยะ
อีกทั้งบ้านหลังดังกล่าวก็เป็นบ้านที่ก่อสร้างแล้วถูกเว้นการก่อสร้างไปเป็นระยะๆ เนื่องจากเมื่อมีเงินจึงจะมาสร้างต่อ ส่วนที่ดินที่ใช้ปลูกสร้างนั้นเป็นที่ของสามีที่ซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน และเงินที่นำมาสร้างบ้านนั้น ได้จากนำที่ดินไปขอกู้จากธนาคารตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 เป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท
แต่เรื่องดังกล่าวมีการตั้งข้อสังเกตไว้อยู่หลายประเด็นคือ จากที่รองผู้ว่าการ กล่าวว่าในการสร้างบ้านหลังดังกล่าว มีการดำเนินการเป็นระยะๆ ซึ่งแปลว่ามีการตอกเสาเข็มรอไว้ก่อน เว้นว่างไปก่อนสักระยะแล้วจึงเริ่มดำเนินการขึ้นโครงสร้างบ้าน ซึ่งถ้าเป็นอย่างคุณหญิงอ้างผู้รับเหมาหากไม่สนิทสนมกันคงไม่ยอมรับงานเป็นแน่เพราะถือว่างานยังคงค้างคารับเงินไม่ได้เต็มราคา
และอีกประการหนึ่งคือว่าจากการตรวจสอบความเก่าของปูนดูแล้วนั้นยังมีสภาพที่ใหม่อยู่มาก ซึ่งถ้าหากว่าไปเรียกร้องขอดูใบอนุญาตให้ก่อสร้างก็สรุปได้เลยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างมีหลักฐานอยู่แล้ว ต้องการให้คุณหญิง ตอบคำถามด้วยว่า มีการสร้างบ้านมาตั้งแต่เมื่อไร ส่วนเรื่องราคาไว้รอให้ชี้แจงเรื่องนี้ก่อน ค่อยกลับมาชี้แจงว่าจริงหรือไม่จริงอีกที
ลูกชายทำงานปีเดียวซื้อที่12ล.
เมื่อถามถึงว่าเมื่อคุณหญิงจารุวรรณ นำที่ไปจำนองธนาคารไว้ได้เงินมาก่อสร้างบ้านแค่ 5 ล้านบาท แต่จากการประเมินว่าถ้าก่อสร้างเสร็จจะหมดเงินประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งตนอยากจะทราบว่าที่มาของเงินอีก 45 ล้านบาทนั้น ไปเอามาจากไหน เรื่องนี้ตนอยากให้ช่วยชี้แจงด้วย
ในส่วนของการประเมินราคาที่ดินที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับบ้านหลังดังกล่าวนั้น มีการตรวจสอบแล้วมีการให้ราคาอยู่ที่ 4 ล้านบาท แต่ว่าในราคาขายจริง จะสูงกว่าที่ประเมิน 4-5 เท่าเสมอ ซึ่งการที่ให้ธนาคารออกวงเงินนั้นเต็มที่อยู่ 60 เปอร์เซ็นต์ ของราคาขายท้องตลาด ซึ่งหากว่านำไปขายในช่วงปี พ.ศ.2546 นี้น่าจะมีราคาอยู่ที่ 8-9 ล้านบาท ซึ่งถ้าเป็นช่วงปัจจุบัน ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านบาท ซึ่งนายกิตติวัฒน์ เมณฑกา ลูกชายของคุณหญิงจารุวรรณ และเป็นเลขานุการประจำตัวของคุณหญิง ได้มีการซื้อแล้วโอนเมื่อปี พ.ศ.2549 และเป็นช่วงแรกของการเข้ามาเป็นเลขาฯให้กับคุณหญิง แต่ว่ากลับมีเงินมากพอที่จะซื้อที่ดินราคาสูงขนาดนั้นได้ ซึ่งตนอยากให้คุณหญิงชี้แจงว่าให้เงินเดือนลูกชายเท่าไร ซึ่งนี่เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบที่ชัดเจน แต่ว่าคุณหญิงกลับวนอยู่ที่ราคาของบ้าน
สงสัย!แก่แล้วแบงก์ให้กู้เท่าไร
“แล้วทำไมในช่วงแรกที่ทางกลุ่มได้มีการชี้แจงราคาบ้านไปนั้น คุณหญิงออกมาชี้แจงเพียงว่า ตนทำงานมา 40 ปี มีเงินเก็บพอที่จะสามารถสร้างได้ ซึ่งต่อมาไม่นานกลับให้บุคคลอื่นมาแก้ตัวให้แทน ซึ่งตกลงเรื่องนี้ความจริงคืออะไรกันแน่”
ส่วนประเด็นที่สำคัญอีกเรื่องคือ กรณีที่คุณหญิงต้องผ่อนใช้หนี้ดอกเบี้ยให้กับธนาคารเพราะว่าจำนองที่ไว้ ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ยังมีข้อสงสัยในเรื่องว่าธนาคารมีการกำหนดอัตราให้ชำระหนี้และดอกเบี้ยเท่าไร เพราะคุณหญิงจารุวรรณก็มีอายุมากพอสมควร ดังนั้นอัตราการชำระหนี้อาจจะสูงตามไปด้วย ซึ่งตนอยากทราบคุณหญิงจะเอาเงินที่ไหนมาชำระหนี้และดอกเบี้ยได้เพียงพอ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทางกลุ่มได้ทำการคาดคะเนโดยตั้งเป้าเงินเดือนประจำตำแหน่งให้กับคุณหญิงจารุวรรณ ประมาณ 1 แสนบาท แล้วนำมาคำนวณให้เท่ากับว่า 40 ปีในการทำงานของคุณหญิงจะมีเงินสะสมอยู่ 48 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอกับราคาบ้านที่คุณหญิงมีอยู่ดี อีกทั้ง คุณหญิงต้องไม่ใช้จ่ายเงินเลยแม้สักบาทถึงจะมีเงินเก็บตามที่คำนวณไว้คือ 48 ล้านบาท และอีกประการสำคัญคือเป็นไม่ได้ที่คุณหญิงจารุวรรณ จะมีเงินเดือนถึงหลักแสนตั้งแต่เริ่มทำงาน ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณเคยให้สัมภาษณ์ว่า สมัยตอนเริ่มรับราชการใหม่ๆ นั้น มีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 1,500 บาท เมื่อสมัย 40 ปีที่แล้ว
“เพียงแต่ว่าคุณหญิงออกมาชี้แจงเรื่องทุกอย่างที่มีการตั้งข้อสงสัยไว้นั้นได้หมด เรื่องก็จบ ซึ่งผมชี้ทางออกให้แล้ว หรือว่าคุณหญิงจะเก็บเรื่องนี้ไว้ไปตอบในป.ป.ช.เรื่องก็จะยังคงค้างคาใจประชาชนต่อไป ซึ่งเราไม่เคยสรุปว่าคุณหญิงไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ แต่ว่าคุณหญิงก็ต้องพร้อมชี้แจงด้วย ซึ่งเมื่อที่รองผู้ว่าการ สตง.ออกมาชี้แจง ได้กล่าวออกมาว่าคุณหญิงจารุวรรณเป็นคนดีทำไม่ต้องตรวจสอบด้วย ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเป็นดีก็ต้องตรวจสอบได้ด้วยเช่นกัน”
“จารุวรรณ”อ้างเบื้องสูงไม่เลิก
ขณะที่วันเดียวกันคุณหญิงจารุวรรณ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย พาสื่อมวลชนมาถ่ายภาพคฤหาสน์ 50 ล้านบาทว่าตนทราบว่ามีแม่ค้าไปตะโกนด่ากลุ่มดังกล่าวด้วย ซึ่งที่ผ่านมาบรรดาแม่ค้าโทรศัพท์มาแจ้งว่า ตนมาซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ความเจริญมาถึงพื้นที่นั้นเร็วขึ้น และอยากชี้แจงว่าที่ดินดังกล่าวมีพื้นที่ 1 ไร่ เป็นที่ดินที่สามีตนซื้อมาในปี 2505 ราคาไร่ละ 1 หมื่นบาท โดยซื้อก่อนแต่งงานกับตน และมีหลักฐานยืนยันทุกอย่าง
ส่วนตัวบ้านที่ระบุว่าหลังละ 50 ล้านบาทนั้น ถ้านายวันชัย สนใจและขอซื้อจากตนในราคา 40 ล้านบาท ตนก็พร้อมที่จะขายให้ทันที ส่วนสาเหตุที่ใช้หลังคาสีเหลืองไม่ใช่สีแดงหรือเขียวนั้น เพราะต้องการแสดงถึงความจงรักภักดี จึงทำให้หลังคาดูกว้างและใหญ่ขึ้น ซึ่งราคาหลังคาตนมีใบสั่งซื้อยืนยันว่าเป็นราคา 6 แสนบาท ส่วนบ้านที่ดูโอ่โถงก็สร้างมานานกว่า 3 ปีแล้ว จนผู้ออกแบบก่อสร้างเสียชีวิตไปแล้ว เพราะตนมีเงินก็สร้าง ไม่มีเงินก็หยุดสร้าง
ยืนยันว่ามีใบบีคิว คือใบกำหนดราคาก่อสร้างที่ตกลงราคากับผู้ก่อสร้างที่ราคา 4.4 ล้านบาท ตนพร้อมชี้แจงทุกอย่างแต่ที่ไม่อยากตอบโต้ เพราะคิดว่าตนบริสุทธิ์และทุกอย่างสามารถชี้แจงได้ แต่ยิ่งปล่อย กลุ่มนี้ก็ยิ่งหนักข้อขึ้น