WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, December 16, 2007

"เฉลิม"ฟันธง "ยิ่งถล่ม ยิ่งแลนสไลด์"

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : หลังจากสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน (พปช.) ไม่นานนัก ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง สมาชิกที่ไม่ธรรมดา ก็กลายเป็นแกนหลักสำคัญในการปราศรัยหาเสียงให้พรรค พปช. หลังจากที่หัวหน้าสมัคร สุนทรเวช ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความแรงในการตอบโต้ทางการเมืองอย่างหนัก จนภาพพจน์พรรคเริ่มติดลบ

ทำให้อดีตดาวสภาค้างฟ้าอย่าง สารวัตรเฉลิม ต้องรับภาระหนักที่พรรคมอบหมายให้เป็นตัวชูโรงแทบทุกเวทีปราศรัยทั่วประเทศ

และอดีตดาวสภาผู้นี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะนอกจากจะสร้างสีสันด้วยสำนวนตลกร้ายการเมืองในทุกเวทีแล้ว เขายังสอดแทรกเรื่องหนักๆ ที่ชาวบ้านเข้าใจได้ง่าย และที่สำคัญยังช่วยแก้ต่างข้อกล่าวหาต่างๆ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรรค ที่ถูกคมช.อ้างเหตุในการยึดอำนาจ จนมั่นใจว่า ทุกประเด็นทำให้ชาวบ้านเข้าใจ และพร้อมจะเทคะแนนให้ถล่มทลายไม่ต่างกับการเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมา

ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ ถึงการทำหน้าที่ครั้งนี้ในมุมของนักปราศรัยและนักการเมืองที่เจนสนามการเมืองมานานถึงประเด็นต่างๆอย่างน่าสนใจ

0 การทำหน้าที่ปราศรัยพรรคกำหนดประเด็นให้ หรือท่านว่าเอาเอง

พรรคกำหนดกรอบกว้างๆ เราก็เอาแนวทางมาผสมผสานกับถ้อยคำปราศรัย ทั้งเรื่องนโยบาย เรื่องท่านทักษิณ ถูกใส่ร้าย ส่วนเรื่องนโยบาย จริงๆ บนเวทีปราศรัยไม่ค่อยมีคนฟัง ก็จะมีการโฆษณาทางหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ประธานทีมเศรษฐกิจพรรค ก็ออกไปพูด

การหาเสียงรอบนี้ พปช.เป็นระบบเป็นหมวดหมู่ เรื่องไหนใครพูด เข้าตำรา ใช้คนให้ถูกกับงาน ไม่สะเปะสะปะ จึ่งเห็นว่าระยะสั้นๆ เราสามารถทำให้ประชาชนเข้าใจได้ และจะเห็นว่าพปช.วันนี้ แนวทางก็คือเป็นพลังของพรรค ไม่เน้นคนหนึ่งคนใด เอาผลงานรัฐบาลที่แล้วมาเป็นตัวตั้ง เอานโยบายที่ท่านทักษิณทำไว้มาเป็นหลัก แล้วก็เพิ่มเติมต่อ ซึ่งประชาชนชอบอยู่แล้วในเรื่องนั้น ก็หาเสียงง่าย

0 หลักในการปราศรัย ให้โดนใจชาวบ้าน

ก็ปราศรัยไปตามธรรมดา ไม่ได้เรียนจากไหน แต่เรียนรู้ด้วยตัวเอง ก็อ่านหนังสือ เพื่อศึกษาเรื่องราวของแต่ละพื้นที่ ประวัติศาสตร์การเมืองเป็นอย่างไร ก็เก็บมาใส่ แล้วเวลาพูดก็เอาเกร็ดมาใส่ เมื่อประชาชนชอบเราก็ใส่นโยบาย ใส่เนื้อหา เวลาพูด 10-20 นาที คนเริ่มเปลี่ยนอารมณ์ เราก็ใส่เกร็ดต่อ อย่างนี้มันสอนกันไม่ได้ และไม่มีที่เรียน

0 ประเด็นการปราศรัยในต่างจังหวัดกับกทม.ต่างกันอย่างไร

อย่างเรื่องการลอบสังหารอดีตนายกฯ ที่คนนึกว่าเป็นเรื่องตลก ก็เป็นเรื่องจริง อย่างเรื่องคดีที่ถูกกล่าวหา เค้าสั่งไม่ฟ้องแล้วก็ไม่มีใครพูดถึง ตรงนั้นกินใจคนต่างจังหวัด หรือการลอบฆ่าชัดเจน 5 ครั้ง แล้วเราก็พูดถึงนโยบายแก้ปัญหาความยากจนบ้าง ส่วนกทม.ก็อีกรูปแบบหนึ่ง ก็จะเน้นความต้องการประชาชนว่าจะต่อยอดนโยบายอย่างไร การหาเงินเข้ามาบริหารจัดการนโยบายที่มีอยู่ การทำงานทางการเมือง นโยบายมันเป็นนามธรรม มันจะเป็นรูปธรรมได้ต้องมีเงิน เงินจะเป็นตัวจักรขับเคลื่อนนโยบายให้เห็นผลจริงจัง คือ พปช.เน้นเศรษฐกิจป็นตัวตั้ง แล้วปัญหาสังคมตามมา

0 เวทีกทม.เน้นเรื่องไหนเป็นพิเศษ ท่ามกลางกระแสการเมืองเวลานี้

แต่ละเวทีก็ต้องทำการบ้าน อย่างวันนี้(12 ธ.ค.)ที่เวทีวงเวียนใหญ่ จะพูดเรื่อง สัญญาบาร์ตัน เดคเคอเรชั่น ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่าง 4 มิตรประเทศในกลุ่มอาเซียน หรือกันอนุอาเซียน มีไทยเป็นคนนำ มีพม่า ลาว เขมร ร่วมด้วย ซึ่งปี 2546 มีท่านทักษิณเป็นผู้นำ

บาร์ตัน เดคเคอเรชั่น เป็นการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงเป็นที่มาของการให้พม่ากู้เงินไป 4,000 ล้าน ก่อนหน้านี้ก็ให้เขมรกู้ไป 1,300 ล้าน ไปสร้างถนน ให้ลาวกู้ไป 1,500 ล้าน ไปสร้างเชื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า แล้วเราก็ซื้อไฟฟ้าจากลาวราคาถูก พ.ต.ท.ทักษิณมองการณ์ไกลเพราะพลังงานบ้านเราลดลง จะสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ไม่ยอม ท่านก็ให้เอ็กซิมแบงค์ปล่อยกู้ไป เราก็ทำสัญญาซื้อไฟฟ้าจากลาว ที่เขื่อนน้ำงึม กับเขื่อนที่สร้างใหม่ ในราคามิตรภาพ โดยเอ็กซิมแบงค์ ก็รับรองโดยให้ลาวมาขายพันธบัตร นี่เป็นวิสัยทัศน์ของคนทำธุรกิจ และเป็นผู้นำในกลุ่มอาเซียนระดับอนุอาเซียน

เงินกู้ที่ให้เขมรและลาว สุดท้ายเค้าก็มาซื้อวัสดุอุปกรณ์จากไทยไปสร้างถนน ซื้อเครื่องจักร จ้างผู้ชำนาญการ คนงาน ไปทำงาน เงินก็กลับมาประเทศเรา

เช่นเดียวกับพม่ากู้ไป 4,000 ล้าน คนก็มองว่า เอาไปซื้อของจากบริษัทชินคอร์ปฯ คนหยิบตรงนี้มาเป็นประเด็น เพราะคับแคบ ไม่เข้าใจ ความไม่รู้ เพราะบริษัทชินคอร์ป อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ คิดว่าเขามาซื้อคนถือหุ้นก็ได้ส่วนแบ่งเป็นกำไร ถามว่าจะเป็นกำไรได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่มีการแบ่งส่วนแบ่ง ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องบอกให้คนรู้ว่า ให้พม่ากู้ไป 4,000 ล้าน เขาให้ความร่วมมือดีมาก ในการแก้ปัญหายาเสพติด จนกระทั่งปัญหายาเสพติดลดลง ผมอยากพูดมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้เพราะมันเป็นการพูดคุยกันใต้โต๊ะ

อีกอันเค้าให้สัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาติ ที่อ่าวเมาะตะมะ มีรัศมี 2 หมี่น 5 พัน 3 ร้อย ตารางกม.ขณะนี้ ปตท.สผ.ก็ไปดำเนินการในฐานะรัฐวิสาหกิจของประเทศไทย ได้กำไรก็เอาเข้ามาสู่ประเทศ ไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณได้ เป็นการหยิบยกเรื่องเล็กน้อยมาโจมตีกัน ผมจะเล่าให้ประชาขนที่เวทีปราศรัยวงเวียนใหญ่ และจะไปปิดท้ายที่สนามหลวง 21 ธ.ค.นี้

0 การปราศรัยที่ผ่านมา มีผลอย่างไรในทางการเมือง

คือถ้าเล่นการเมืองตรงไปตรงมา ไม่มีซื้อเสียง ไม่มีเทคนิค ไม่มีการกลั่นแกล้งกัน มันก็ต้องเอาการปราศรัยเป็นตัววัด มันไม่มีตัวอื่น ก็ปรากฏว่าประชาชนให้ความสนใจมาก ระหว่างการปราศรัยก็มีความรู้สึกร่วม และที่สำคัญที่สุดคือเขามีความมั่นใจ เพราะคดีความพ.ต.ท.ทักษิณ ที่คณะปฏิวัติกล่าวหาไว้ กำลงจะจบ ก็มีคดีที่ฟ้องเรื่องเดียวคือที่ดินรัชดา วันนี้คนไทยฉลาด เขาเข้าใจ อยากให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา ช่วยหาเงินเข้าประเทศ เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ อาจะป็นทูตพาณิชย์ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ ท่านก็ไม่ได้สนใจ แต่ยังรักและห่วงพรรคพวก

ตามที่มีข่าวในวีซีดี ซึ่งคนอ่านไปแปลความเกินไป ผมเพิ่งได้ดู ไม่มีอะไรเลยที่ผิดกฏหมาย แล้วท่านทำมาก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ทำมาก่อนที่จะปรึกษาหารือกับกกต. ส่วนคนจะไปเผยแพร่ระยะไหน จะไปรู้ได้อย่าไรเพราะท่านอยู่อังกฤษ

การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาบอกให้ประชาชนสนับสนุน พปช.ผมอยากฝากไปยังคณะปฏิวัติ ให้ทำใจให้กว้าง เพราะภารกิจของท่านจบแล้ว ที่ผ่านมาแล้ว แล้วไปไม่พูดถึง แต่ถ้าท่านยังไม่คิดกลับกรมกอง ประชาชนเขาจะตำหนิ

และวันนี้ท่านออกมาวิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมืองมากเท่าไหร่ ก็ให้มองว่าท่านสนับสนุนอีกพรรคหนึ่งใช่หรือไม่ เวลานี้ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน หน้าที่คือไปเลือกตั้งพรรคที่ชอบ

แล้วที่มีการไปรายงานทางลับทางเปิดว่า ถ้าพปช.กลับมา แล้วคดีความพ.ต.ท.ทักษิณจะหมดไป จะหมดไปได้อย่างไร มันทำไม่ได้ แล้วจะมากล่าวหากลั่นแกล้ง คมช.ก็ไม่ได้ เพราะจบแล้วก็จบกัน ท่านไม่คิด ไม่นึก ไม่มีแล้ว บรรยากาศอย่างนั้น จบ ขอให้ประชาธิปัตย์(ปชป.)เขาแข่งกับพปช.เถอะ แล้วก็ให้ประชาชนตัดสิน ใครได้เสียงมากกว่าก็จัดตั้งรัฐบาลไป

อีกอันที่เป็นเรื่องไม่มีเหตุผลคือ ชอบไปออกข่าวว่า ถ้าพปช.มาบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ ไม่สงบ ถ้าปชป.มาบ้านเมืองจะเรียบร้อย เอาอะไรเป็นตัววัด เอาความรู้สึก พวกที่ไล่ทักษิณไปก่อนปฏิวัติ ออกทีวีด่าอย่างเดียว นี่แหละคะแนนจะแลนสไลด์ จำคำพูดผมไว้ ประชาชนเขารับไม่ได้หรอก ถ้าอยากเลือกโจรให้เลือกพรรคนี้ คุณเอาอะไรมาพูดว่าเขาเป็นโจร และเป็นมหาโจร มันต้องอยู่ที่ศาล แต่ปีสามเดือนแล้ว เรื่องก็ยังไม่ไปไหน ผมมีความมั่นใจว่าเราน่าจะได้เกินครึ่ง และตั้งรัฐบาลได้

0 ถ้าพปช.มาที่ 1 ซึ่งชอบธรรมในการตั้งรัฐบาล คิดว่าจะมีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ตั้งไม่ได้

ผมยังมองไม่เห็นตรงนั้น เพราะผมยังมั่นใจว่าเราเกินกึ่งหนึ่ง ถ้าเราเกินกึ่งหนึ่งไม่มาก เกิน 1-2 เสียง แล้วไม่มีใครมาร่วม เราก็ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ก็ต้องระดมกันมาดูในส่วนของกฏหมายที่จำเป็น เพราะเราพร้อมด้านนโยบาย พร้อมด้านการหาเงินเข้าประเทศ

0 ตัวเลขเท่าไหร่จึงจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

ผมคิดว่า 270 ก็ปลอดภัย เลยมา 30 ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว พปช.เราเอาอดีตมาสู่ปัจจุบันแล้วศึกษาเพื่อนำไปสู่อนาคต

0 ห่วงกระแสกลุ่มต่อต้านใน กทม.อย่างกลุ่มพันธมิตรหรือไม่

คราวที่แล้วอาจจะมีคนเห็นดีเห็นงาม แต่คราวนี้คนชั้นกลางไม่มีเงินผ่อนบ้านแล้ว เขาจะปล่อยให้คนอื่นบริหารไม่ได้แล้ว ต้องให้พปช. ผมคิดว่าตรงนั้นจะมีอีก มีรอบนี้ ต้องชี้แจงกัน ไม่ปล่อยซับซ้อนเอาไว้จนเกิดความเข้าใจผิด

0 การชูยุทธศาสตร์เลือกสมัคร เท่ากับได้ทักษิณ ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการสร้างเงื่อนไข ที่ไม่ใช่ความปรองดองหรือสมานฉันท์

ปรองดอง เขาเสนอแล้ว แต่ไม่เห็นมีใครเอาด้วย มันเป็นคนละเรื่องกัน เราจะไปบอกว่าคู่ต่อสู้ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วบอกมาเลือกผม มีที่ไหนประชาธิปไตยในโลก เมื่อแข่งขันก็ต้องบอกข้อบกพร่องของแต่ละฝ่าย เขาก็บอกของเรา เราก็บอกของเขา ปัญหาอยู่ที่ว่า ประชาชนจะเชื่อใคร ถ้าเชื่อเขาเราก็แพ้ ถ้าเชื่อเราๆ ก็ชนะ แต่หลังเลือกตั้ง ก็มาเจรจาความสิ ถ้าจะเป็นรัฐบาลสมานฉันก็เป็นไปได้ ถ้าอยากเป็นฝ่ายค้านก็ตามใจ มันขาดตั้ง 70-80 แต้ม มาคิดตั้งรัฐบาลแข่ง คุณกล้าทำไหม ผมไม่ได้ท้าทาย แต่คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าทำ

ถามว่าแนวโน้มความสมานฉันท์ทางการเมืองจะมีไหม มีได้ แต่หลังการเลือกตั้ง ระหว่างการรณรงค์หาเสียงมันต้องแข่งขันกัน มันก็มีแข่งสองพรรค ผมพูดมานานแล้ว ว่าแข่งระหว่างประชาธิปัตย์ กับพลังประชาชน แต่หลังเลือกตั้งเมื่อเบ็ดเสร็จ ก็จัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ได้ แต่เท่าที่ปรากฏ ก็ไม่เห็นมีใครยอมรับ คนโน้นก็ไม่เอา คนนี้ก็ไม่เอา

เรื่องเลือกสมัคร ได้ทักษิณ เราก็พูดชัด มันผสมผสานกันอยู่แล้ว เลือกสมัครได้ทักษิณถูกต้อง ผมเป็นคนพูดเรื่องนี้ที่สนามหลวง เป็นแนวคิดของผม แต่ก็ยังมีคนมากระแนะกระแหน ว่าพปช.หาเสียงผิดพลาดมาก อย่างนี้แต่แพ้ แต่ไม่ใช่ อันนี้แหละเข้าเป้า

และที่สำคัญที่สุด เรามีนโยบายด้านเศรฐกิจดีกว่าพรรคอื่น พรรคอื่นมีแต่นโยบายที่เป็นไปไม่ได้ ผมไประบุพรรคไม่ได้ ไม่เหมาะ แต่ถามว่านโยบายพรรคไหนที่จะเข้าไปทำทันที มันเป็นไปไม่ได้ เพราะงบประมาณเขาจัดไว้หมดแล้ว มันต้องรองบประมาณปีหน้า 51 มันเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ต.ค.50 ครั้นเข้าไป จะไปจัดงบเพิ่มเติมมันทำไมได้ เพราะมันไม่มีเงิน คราวนี้จัดงบขาดดุลตั้ง 1 แสน 6 หมื่นล้าน ถ้าจัดงบเพิ่มเติม มันหมายความว่าเงินเหลือ ถึงจัดงบเพิ่มได้

ตรงนี้เมื่อมาเปรียบเทียบกัน แล้วคนเขาเห็นชัด เมื่อมาเปรียบเทียบกันแล้ว ทุกคนประชานิยมหมด แต่ไม่บอกวิธีหาเงิน ตรงนี้เราทำได้ผล เพราะบอกชัด แล้วประชาขนเห็นและเชื่อว่า พปช.ทำได้ แล้วเขาเชื่อว่า ถ้าวันหนึ่งถ้ากฏหมายมันปลอดโปร่ง และให้ท่านทักษิณทำงานได้ เขาก็บอกจะหาเงินเข้าประเทศ ทุกอย่างจะดี