รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียืนยันไม่เคยแม้แต่คิดหมิ่นเบื้องสูง ขอตรวจสอบคำสัมภาษณ์ก่อนชี้แจงอีกครั้ง เชื่อการชุมนุม 28 มี.ค.ไม่มีอิทธิฤทธิ์ให้การทำงานของรัฐบาลสะดุด
นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ต.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางมด ช่วยราชการพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เข้าพบ พ.ต.ต.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดี ข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จากกรณีเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2550 ที่ให้สัมภาษณ์กับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศโดยมีเนื้อหาว่า
"ตนอยากให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแบบไม่มีพระมหากษัตริย์" ว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมคำให้สัมภาษณ์และแผ่นซีดีที่เกิดขึ้นระหว่างการบรรยายในครั้งนั้น เพื่อมาดูว่ามีเนื้อหาท่อนใดที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและจะชี้แจงให้ทราบต่อไป แต่เบื้องต้นยืนยันว่าไม่เคยมีเจตนาจาบจ้วงเบื้องสูง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยจงใจหรือเจตนา
ทั้งนี้นายจักรภพ ตั้งข้อสังเกตว่าสัปดาห์นี้จะมีกลุ่มมวลชนหลายกลุ่มประกาศรวมพล โดยเฉพาะในวันที่ 28 มี.ค. รวมทั้งคนที่เคยมีบทบาทขัดแย้งกันมาก่อน โดยเฉพาะ สน.พหลโยธินก็เป็นที่น่าสนใจตรงที่ผู้กำกับ สน.พหลโยธิน คือ พ.ต.อ.อาคม จันทนราช ที่เมื่อปีที่แล้วยังเป็นพ.ต.ท.เป็นพนักงานสอบสวนคดี นปก.บุกบ้านสี่เสาร์เทเวศร์ ซึ่งก็ทำให้คิดขึ้นมาได้เหมือนกันว่านายตำรวจคนนี้ ที่เดิมอยู่ สน.บางมดก็บังเอิญไปช่วยราชการอยู่ที่ สน.พหลโยธิน
อย่างไรก็ตามยังไม่อยากมองไปไกลถึงความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลใด แต่เมื่อรัฐบาลมีจุดยืนที่ชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เว้นหมวดพระมหากษัตริย์ ก็ทำให้เกิดการทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง จึงอยากฝากประชาชนคิดดูว่าทำไมจึงมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในขณะนี้ จะเกี่ยวข้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเกี่ยวข้องกับการสกัดกั้นไม่ให้รัฐบาลทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะในส่วนของตนเองที่กำลังปรับปรุงช่อง 11 มองว่าเป็นการแย่งพื้นที่ข่าวหรือไม่ ยังไม่อยากคิดว่าเป็นเรื่องทางการเมือง ทั้งนี้นายจักรภพยืนยันว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้จะไม่มีอิทธิฤทธิ์ทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดุด แต่รัฐธรรมนูญนั้นมีผลแน่ดังนั้นรัฐธรรมนูญถือเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องตั้งวงในแต่ละสาขาเพื่อร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญ อย่างเป็นระบบและขั้นตอน (24/03/51)