ข่าวกรองสันติบาลระบุ ‘พลโท ว.’ ทหารม้า ตท.12 คนใกล้ชิด ‘สพรั่ง’ สนธิกำลัง ‘ทหารรบพิเศษ’ แฝงตัวจี้จับนายกรัฐมนตรีที่เชียงใหม่ ขณะที่ทีมคุ้มกันนายกฯไหวตัวทัน ปูด!หัวหน้าการ์ดพันธมาร ที่แท้ไอ้โอ๊บ ‘แบเร่ต์แดง’ ลอบฝึกการ์ดอาสา-ติดอาวุธกองกำลังโจรกบฏ พร้อมปล้นยุทโธปกรณ์ทหารวางแนวป้องกันม็อบโกเต็กซ์ ฟันธง!ตำรวจไม่สลายม็อบ หวั่นถูกเด้งฟ้าผ่า รอฟังคำตัดสินคดียุบพรรค ก่อนลงมือ
มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ระบุว่า ได้มีการตรวจสอบการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โดยเฉพาะการจัดการด้านการรักษาความปลอดภัยของการ์ดพันธมิตรฯ พบว่ามีการจัดเตรียมกำลังและวางมาตรการเป็นอย่างดี โดยหัวหน้าการ์ดบางส่วนที่สวมชุดดำคลุมหน้า เป็นเจ้าหน้าที่ทหารรบพิเศษ ที่เดินทางมาจากจังหวัดลพบุรี
โดยคนกลุ่มนี้จะเข้ามาวางระบบในการทำงานด้านรักษาความปลอดภัย และเป็นผู้ฝึกการใช้อาวุธให้กับการ์ดอาสา รวมทั้งอุปกรณ์ในการวางแนวป้องกันของกลุ่มพันธมิตร บางส่วนเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาดเป็นอุปกรณ์ทางทหาร อาทิ ลวดหนามหีบเพลง ที่ทางทหารจะใช้ในการวางแนวป้องกันในฐาน นอกจากนี้กลุ่มทหารเหล่านี้ยังเป็น รปภ.กลุ่มแกนนำพันธมิตรอีกด้วย
รายงานจากตำรวจสันติบาล ยังระบุอีกว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มทหารบางส่วนที่ต้องการจับตัวนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการนำกำลังจากหน่วยลาดตระเวนไกล 12 ชุด จำนวน 72 นาย พร้อมอาวุธครบมือ นำโดยนายทหารระดับนายพลโท (ตท.12) ชื่อย่อ ว. ซึ่งเคยคุมกำลังทหารม้าหน่วยหนึ่ง และขณะนี้อยู่ในสังกัดกองทัพภาค 3
ทั้งนี้สำหรับ พลโท ว. ซึ่งเป็นผู้สั่งการและวางแผนจับกุมตัวนายกรัฐมนตรี ได้มีรายงานแจ้งว่า เป็นนายทหารคนใกล้ชิดของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
โดยมีการสั่งทหารรบพิเศษให้แฝงตัวเพื่อไปควบคุมตัวนายสมชาย แต่ชุดคุ้มกันนายกรัฐมนตรีทราบข่าวจึงไม่ให้นายสมชายอาศัยอยู่ที่บ้านพัก แต่ให้ไปนอนที่เซฟเฮ้าส์แทน จากนั้นได้พาตัวนายสมชายออกจากเชียงใหม่ เดินทางไปในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่มวลชนสำคัญ ที่ให้การสนับสนุนพรรคพลังประชาชน (พปช.) โดยให้พลังมวลชนของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ช่วยสอดส่องและป้องกันในเรื่องความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม สำหรับการสลายการชุมนุมที่ สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง คงไม่ไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะว่าจากการหารือของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตำรวจและทหาร ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง อีกทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปิดสนามบิน ไม่เป็นประเด็นสำคัญในการหารือ
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตำรวจและทหาร ไม่เห็นความสำคัญ และไม่มีผลกระทบต่อเงินเดือนของตนเอง แต่หากมีการสั่งกำลังสลาย อาจะเกิดแรงต้านจากสังคม ทำให้ผู้สั่งการหลุดจากตำแน่งได้ ในที่ประชุมจึงสรุปให้รอจนถึงวันที่ 2 ธ.ค.2551 ที่เป็นวันตัดสินคดียุบพรรค และช่วงนี้ให้เน้นที่การเจรจาแทน ซึ่งที่ประชุมก็ทราบดีว่าไม่มีผลเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน