ที่มา ประชาทรรศน์
"กลุ่มเพื่อนเนวิน" ออกแถลงการณ์ประกาศจุดยืนทางการเมือง ย้ำชัดขอสงวนสิทธิ์เลือกนายกฯคนใหม่ ชี้คุณสมบัติต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ชาติ ไม่สร้างเงื่อนไข เชื่อมีแต่สภาจะสามารถผลักดันบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ ขู่ถ้านายกฯมาจากพรรคพปช.ไม่ขอเข้าเพื่อไทย!!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(4 ธ.ค.) ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินได้หารือกันที่อาคารศิริภิญโญ โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่ม เป็นประธานการหารือ เพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง จากนั้น ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินประมาณ 15 คน นำโดยนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม นางพัฒนา สังขทรัพย์ ส.ส.เลย นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ส.ส.มหาสารคาม นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ส.ส.บุรีรัมย์ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส. อุดรธานี ได้เปิดแถลงข่าว
ทั้งนี้นายบุญจง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กลุ่มของตนประกอบด้วย ส.ส.37 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนเนวิน ขอแถลงจุดยืนทางการเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชนว่า การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจากนี้ไปต้องระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการสร้างเงื่อนไขใดๆ ที่จะนำการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเข้าสู่ภาวะเสี่ยงทั้งทางตรงทางอ้อม และมีแต่สภาฯเท่านั้นที่จะนำพาประเทศไทยออกจากสถานการณ์พิเศษเข้าสู่ภาวะปกติได้
สำหรับการพิจารณาลงมติเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องเป็นผู้ที่สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและนานาชาติ ต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อการสูญเสียระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องไม่เป็นเหตุให้เกิดการเผชิญหน้าของคนในชาติ แบ่งฝักฝ่ายรุนแรง แตกแยกมากขึ้น ทางกลุ่มจึงขอสงวนสิทธิที่จะดำรงไว้ซึ่งเอกสิทธิของส.ส.ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตามนายบุญจง กล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ไม่ได้เป็นเกมการต่อรองทางการเมือง แต่ต้องเลือกนายกฯที่มีความเหมาะสม โดยยืนยันว่าส.ส.ทั้ง 37 คนจะโหวตเลือกนายกฯไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนการหาพรรคใหม่สังกัดนั้นมีเวลาถึง 60 วัน โดยข่าวที่ว่าจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย หรือพรรคภูมิใจไทยนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะต้องรอดูสถานการณ์ก่อน และต้องคิดให้รอบคอบ รวมถึงการตีความของศาลรัฐธรรมนูญต่อสถานภาพส.ส.สัดส่วนที่จะย้ายไปอยู่พรรคที่ไม่เคยส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง แต่ยอมรับว่าทุกพรรคอยู่ในความคิด ส่วนกระแสข่าวการซื้อตัวส.ส.40 ล้านบาท เพื่อย้ายขั้วทางการเมืองนั้น ตนเองขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง วันนี้เราพร้อมจะทำงานเพื่อลดความแตกแยก และไม่มีการต่อรองโควต้ารัฐมนตรี และทุกอย่างจะชัดเจนหลังวันที่ 5 ธันวาคมนี้
ขณะที่นายเชิดชัย เปิดเผยว่า 37 ส.ส. ยังไม่ตัดสินใจไปอยู่พรรคไหน เรามีเงื่อนไขเพียงว่านายกฯคนต่อไปต้องไม่เป็นบุคคลที่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้น ซึ่งถ้ามีการเสนอชื่อนายกฯที่มาจากพรรคพลังประชาชนเก่า พวกเราก็จะไม่เข้าไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยแน่นอน