ที่มา thaifreenews
ตอนนี้ฝุ่นเริ่มหายตลบแล้ว เพราะพรรคการเมือง 3 พรรคก็โดนยุบไปแล้ว พันธมิตร ก็ประกาศสลายการชุมนุมแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ทุกฝ่ายได้มีเวลาและโอกาสสงบอกสงบใจ ครุ่นคิดว่าจะเดินเกมต่อไปอย่างไร หลังวันเฉลิมพระชนม์พรรษานี้
แต่สงครามยังไม่จบสิ้น พวกศักดินาอำมาตยาธิปไตย ยังไม่คิดวางมือที่จะปล้นประชาธิปไตยไปจากประชาชน เพียงแต่การรบยกนี้ พวกเขาบอบช้ำเสียหนักเท่านั้น
ใครเป็นคนบ้าที่วางแผนยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อบีบรัฐบาลให้ถึงทางตัน ผมเรียกว่าเป็น "ยุทธการสิ้นคิด" ครับ แม้ว่าจะประกาศชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เป้าหมายที่แท้จริงในการโค่นล้มระบอบทักษิณ และการยึดอำนาจรัฐ ยังไม่บรรลุผลแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามในทางการเมือง แม้ฝ่ายทักษิณจะโดนยุบพรรค แต่ในแง่ของฐานเสียงสนับสนุน ไม่ได้เสื่อมทรามลงไปแม้แต่น้อยนิด พลังของฝ่ายทักษิณยังคงแข็งแกร่งอยู่เหมือนเดิม
ส่วนเป้าหมายของ พธม. ในการยับยั้งการแก้ไข รธน. นั้น ถือว่าประสบความสำเร็จแค่ชะลอเวลาออกไปเท่านั้น แต่สุดท้าย ฝ่ายที่ครองเสียงข้างมาก ก็จะสามารถแก้ไขได้อยู่ดี จะยื่นเมื่อไหร่ก็ได้ รอให้ พธม. อ่อนล้าลง ก็ยื่นแก้ไขได้เลย และเสียงสนับสนุนก็มีมากพอที่จะทำให้มันสำเร็จภายในหนึ่งเดือนเท่านั้น
เกม "ยึดสุวรรณภูมิ" ของพวกอำมาตยาธิปไตยครั้งนี้ พวกเขาบอบช้ำกลับไปอย่างน่าดูทีเดียว พร้อมกับชนักติดหลังเรื่อง "ผู้ก่อการร้ายสากล" ซึ่งทั้งแกนนำและผู้สนับสนุน อาจโดน Blacklist ห้ามเข้ายุโรปหรือสหรัฐอเมริกา หรืออาจโดนยึดทรัพย์ในต่างประเทศก็เป็นได้ เพราะเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อร้ายแรงที่สุด
ตอนนี้พวกอำมาตย์คงไปเดินเกมสร้างกระแส "รัฐบาลแห่งชาติ" ขึ้น ซึ่งผมไม่ได้คิดว่าเป็นรัฐบาลแห่งชาติแต่อย่างใด เพราะมันคือ "ตัวแทนของฝ่ายศักดินาอำมาตยาธิปไตย" อย่างแท้จริงทีเดียว เป็นรัฐบาลศักดินาอำมาตย์ล้วนๆ ไม่มีคนของประชาชนปนเลยแม้แต่น้อย รายชื่อนายกรัฐมนตรี ที่เสนอมา เช่น นายพลากร สุวรรณรัฐ ก็คือ พวกอำมาตยาธิปไตยนั่นเอง
ตอนนี้คงหลอกประชาชน หากินต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเขียนบทให้ใครพูดอย่างไรในวันสองวันนี้ก็ตาม เพราะ "ศรัทธาถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองจนไม่เหลือหลอแล้ว "การโฆษณาชวนเชื่อ นั้นมันเสื่อมมนต์ขลังลงไปแล้ว
อีกอย่างหนึ่ง แม้ว่าจะมีผู้บารมีออกมาสนับสนุนอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ามันก็ไปไม่ได้อยู่ดี เพราะประชาชน "เสื่อมศรัทธากับผู้ใหญ่ลำเอียง" ในประเทศไทยไปหมดแล้ว จะให้ ป.สี่เสา หรือประเวศ หรือแม้แต่ สุเมธ ออกมาสร้างกระแสก็ไม่มีใครเอาอีกแล้ว
จะให้นักวิชาเกินวิชาการทั้งหลาย ที่ออกมาจุดกระแสสีขาวที่ล้มไปไม่เป็นท่านั้น ออกมาสร้างกระแสอีก ก็คงไม่ได้ผล เพราะนักวิชาการไทย "ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศ" ของตนเองไปหมดสิ้นแล้ว หรือแม้แต่ให้สื่อมวลชนออกมาสร้างกระแส ยุคนี้ พ.ศ. นี้ไม่มีใครเชื่อสื่ออีกต่อไปแล้ว มีแต่จะไล่กระทืบสื่อกันทั้งสองฝ่าย
สื่อมวลชนไทย ได้ทำลายความน่าเชื่อถือ หรือบทบาทชี้นำในสังคมของตนเองไปจนหมดสิ้นแล้ว
กระแสรัฐบาลแห่งชาติคงไม่มีใครเอาด้วย และเดี้ยงเหมือนกับกระแสกดดันให้รัฐบาลยุบสภานั่นแหละครับ
ก็เป็นแค่เล่ห์กลอีกอันหนึ่งของพวกศักดินาอำมาตยาธิปไตย ที่ทำลายศรัทธาของตนจนไม่เหลือหลออีกต่อไปแล้ว
ยุคนี้ประชาชนไม่ได้โง่ และที่สำคัญประชาชนกลับตาสว่างกันจนหมดสิ้น มนต์สะกดคลายความขลังไปเรียบร้อย แต่พวกเขาหาได้ตระหนักไม่ กลับพยายามร่ายมนต์ จนดูเหมือนพวกเขากลายเป็นตัวตลกยังไงยังงั้น คนดูได้แต่เอือมระอากันแทบทั้งสิ้น แต่กลับไม่รู้ตัวเองอีก พวกเขาได้สูญเสียอำนาจในการควบคุมสังคมไปแทบหมดสิ้นแล้ว
การท่องบ่นคาถา คุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ มันใช้ไม่ได้แล้ว เพราะคนพูดเองกลับไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตนทั้งสิ้น กระบวนการยุติธรรมก็ลำเอียงอย่างหน้าด้านๆ แล้วจะสร้างความศรัทธา เรียกร้องความศรัทธาจากประชาชนได้อย่างไรกัน เพราะทำเรื่องหน้าด้านๆ ต่อหน้าประชาชน ยังคิดว่าประชาชนเขาโง่กันนักหรือ
ยุคนี้ คาถาศักดิ์สิทธิ มันต้อง เสรีภาพ ความเสมอภาค ความเท่าเทียมกัน หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง กินดีอยู่ดี เข้าถึงทุน เจ็บป่วยได้รับการรักษา มีเงินส่งลูกหลานเรียนเป็นต้น
คาถาเก่าๆ มันไม่ทำให้ประชาชนเขาอยู่ดีมีสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เราไม่ต้องการพวกคุณธรรมจอมปลอมทั้งหลายเหล่านี้ มาเป็นรัฐบาลแห่งชาติ เราต้องการคนที่รู้ปัญหาชาวบ้าน รู้ปัญหาของคนรากหญ้า ช่วยเหลือคนรากหญ้า มาเป็นรัฐบาลของเขา
เราต้องการรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี ที่เราเลือกเองกับมือ เราไม่ต้องการให้สวรรค์ชั้นฟ้าที่ไหนส่งมาให้
แม้พวกเราจะเป็นกบ เราก็ขอเลือกนายในหมู่กบด้วยกันเอง เราไม่ต้องการอ้อนวอนให้สวรรค์ส่งนายมาให้เรา
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเราคนรากหญ้าต้องการอะไร มากกว่าพวกเราด้วยกันเอง
เอารัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลศักดินาอำมาตยาธิปไตย ยัดลงตุ่มไปเสียเถอะครับ