WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, December 2, 2008

ชัยชนะของใคร? บนซากปรักหักพังของสังคมไทย

ที่มา ประชาทรรศน์

คอลัมน์ : ประชาทรรศน์วิชาการ

โดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข

การที่พันธมิตรฯ บุกยึดสนามบินภายในประเทศและสนามบินสุวรรณภูมิ และชุมนุมยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น ทำให้สนามบินต้องปิดตัวลงทันที ได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยถึง 134,000-215,000 ล้านบาท แบ่งเป็นผลกระทบต่อการท่องเที่ยว 76,120 ล้านบาท การส่งออก 25,000-40,000 ล้านบาท การลงทุน 12,000-40,000 ล้านบาท และการบริโภค 21,000-30,000 ล้านบาท ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะยายตัวเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนปีหน้าอาจหยุดชะงักงัน คนว่างงานจะเพิ่มมากขึ้นถึง 1 ล้านคนทันที

หากมีการยุบสภาตามที่กองทัพเรียกร้องจะส่งผลให้ไม่สามารถนำเงินงบประมาณจำนวนกว่า 100,000 ล้านบาทมาใช้ได้ จะทำให้ระบบเศรษฐกิจทั้งระบบตกอยู่ในสภาพชะงักงันไปตลอดปี 2552 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการก่อสร้าง ตามมาด้วย วัสดุก่อสร้าง เหล็กเส้น ปูนซิเมนต์ เตรียมปิดกิจการได้เลย แม้ว่าจะมีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นแต่ปัญหาความวุ่นวายจะไม่จบสิ้น ทำให้ประเทศไทยพบจุดจบทันทีในปี 2552

ทางด้านการขนส่งสินค้าผ่านคาร์โก้เสียหายถึง 3,000 ล้านบาทต่อวัน โดยแบ่งเป็นการนำเข้าสินค้า 1,800 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าทั่วไปที่ใช้ในประเทศ เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนการส่งออก 1,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นอาหาร ผัก และผลไม้สด และสินค้าเกษตรที่มีตลาดหลักคือ อเมริกา และยุโรป ซึ่งการปิดสนามบินสุวรรณภูมิในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ มีความเสียหายแล้วประมาณ 9,000 ล้านบาท และถ้าหากยืดเยื้อต่อไปอีกใน 1 สัปดาห์ ตัวเลขความเสียหายจะพุ่งสูงถึง 20,000 ล้านบาท และจะมีผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กต้องหยุดการผลิตและถึงขั้นเลิกกิจการ

รายงานล่าสุดจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพิ่มเติมถึงจำนวนโรงงานกว่า 200 แห่ง ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 5-6 แห่ง ในพื้นที่เริ่มประสบปัญหาการจ้างงานบ้างแล้ว เนื่องจากมีแนวโน้มออเดอร์ลดลง 25-30% โดยแรงงานทั้งหมดที่มีการจ้างงานอยู่ 300,000 คน ประมาณการว่าจะต้องมีการปลดแรงงานส่วนนี้ถึง 100,000 คน การว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้ผู้ใช้แรงงานและครอบครัวเดือดร้อนในการครองชีพ คนไทยยากจนมากขึ้น อำนาจซื้อลดน้อยลง จะทำให้การบริโภคและการออมน้อยลงจนทำให้การผลิตโดยรวมตกต่ำลง คนว่างงานเมื่อขาดรายได้จะหันมาก่ออาชญากรรมและความรุนแรง ปัญหาสังคมจะรุนแรงตามกันมาอีกด้วย

พฤติกรรมของพันธมิตรฯ เป็นพฤติกรรมของอันธพาลการเมือง วิธีการต่อสู้ของฝ่ายพันธมิตรฯ ได้สะท้อนให้เห็นความเป็นโจรก่อการร้ายที่แอบอ้างความจงรักภักดี แอบอ้างประชาธิปไตยซึ่งกำลังทำให้สังคมไทยฉิบหายวายวอดกันถ้วนหน้า

หากปล่อยให้การปิดสนามบินยืดเยื้อต่อไปอีก ความขัดแย้งแตกแยกในสังคมจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากตำรวจ ทหาร ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายและสภาพของบ้านเมืองไร้ขื่อแป หาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลายเป็นแค่กระดาษทิชชูเหมือนเช่นที่เกิดขึ้นมาแล้ว จะทำให้ประชาชนพากันจับอาวุธขึ้นมาเข่นฆ่ากันเอง ดังเช่นเหตุของการยิงระเบิดใส่ที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ และเหตุการณ์ของการ์ดพันธมิตรฯ ใช้ปืนยิงเข้าใส่กลุ่มคนเสื้อแดง สภาพความปั่นป่วนเช่นนี้จะนำมาสู่การจลาจล โกลาหล วุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้นต่อไป

ความฉิบหายวายป่วงของสังคมไทยในทุกวันนี้เกิดขึ้นมาจากความป่าเถื่อนและการกระทำของคนไร้สติที่เต็มไปด้วยอคติและการสิ้นคิดของแกนนำพันธมิตรฯ และผู้ที่สนับสนุนทุกคน

ในวันที่ 27 พฤศจิกายน เวลา 13.00 น. พล.ต.จำลอง เดินทางไปกล่าวปราศรัยกับผู้ชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า สนามบินสุวรรณภูมิเป็นจุดชุมนุมที่กดดันรัฐบาลมากที่สุด ทั้งทหารและผู้เกี่ยวข้องต้องเร่งประชุมด่วน มีการกล่าวถึงผู้ชุมนุมที่ทำให้สถานการณ์เสียหาย ก็ยอมรับว่าเสียหาย แต่รัฐบาลทำเสียหายมากกว่า เชื่อว่าภายใน 2-3 วันนี้ พันธมิตรฯ จะเป็นฝ่ายชนะ

หากฝ่ายพันธมิตรฯ จะได้รับชัยชนะจริงตามที่ พล.ต.จำลอง กล่าวปราศรัยก็หมายความว่าเป็นชัยชนะของอันธพาลการเมือง เป็นชัยชนะบนซากปรักหักพังของเศรษฐกิจไทยและเป็นชัยชนะบนกองเลือดของเหล่าสาวกพันธมิตรฯ และประชาชนผู้คัดค้านพันธมิตรฯ ที่ถูกฆ่าตายไปในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เป็นชัยชนะของนายสนธิและนายจำลอง แต่เป็นความพ่ายแพ้ของคนทั้งประเทศ

ปัญหาพื้นฐานอยู่ที่พันธมิตรฯ ได้ก่อเหตุความรุนแรงและก่ออาชญากรรมของแผ่นดินในสังคมไทย โดยมีนักวิชาการสมุนเผด็จการมาผัดหน้าทาแป้งให้กับพวกเขา ทำให้สังคมไทยตกอยู่ในสภาพความมืดบอดทางปัญญาครั้งใหญ่ที่สุดในสังคมไทย

ปฏิบัติการก่อการร้ายของพวกเขากระทำได้แบบไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรมและกฎหมายของบ้านเมือง เพราะมีคนหนุนหลังและให้ท้าย ใครก็ตามที่เคยออกมาปกป้องการก่อการร้ายของพวกพันธมิตรฯ ถือได้ว่ามีส่วนทำให้ประเทศไทยเสียหายพังพินาศไปต่อหน้าต่อตา

แทนที่จะออกมาตำหนิติเตียนพวกผู้ก่อการร้ายของพันธมิตรฯ นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาเคียงข้างกับนายพลอดีตเผด็จการ คมช. เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลรักษาไว้ซึ่งนิติรัฐ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ น่าอับอายระดับสติปัญญาและจุดยืนของอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งนี้จริงๆ ไม่รู้ว่าอาจารย์คณะนิติศาสตร์ทั้งหลาย ทำไมจึงนั่งนิ่งไม่ออกมาตอบโต้ให้เห็นถึงระดับสติปัญญาของอาจารย์ท่านนี้

นอกจากนี้ ราษฎรอาวุโสกลายเป็นราษฎรเพี้ยนไปแล้ว แทนที่จะติติงว่ากล่าวตักเตือนการกระทำที่รุนแรงเกินไปของเหล่าแกนนำพันธมิตรฯ และสาวก นายแพทย์คนนี้กลับเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกและบอกว่าพันธมิตรฯ ทำมาถูกแล้วและถึงที่สุดแล้ว

ความคิดของเขาก็คือ เมื่อโจรเข้ามาปล้นบ้าน แทนที่จะบอกโจรให้ยอมจำนนต่อตำรวจกลับบอกให้เจ้าของบ้านออกไปเสีย ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิดออกมาได้แบบนี้ น่าอเนจอนาถจริงๆ ที่สังคมไทยกำลังถูกชักจูงให้บ้าบอคอแตกและสิ้นไร้ไม้ตอกไปกับราษฎรสิ้นคิดเหล่านี้ ส่วนฝ่ายทหารที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะผู้ที่ต้องรักษาความมั่นคงของรัฐ แต่กลับมาชูคอเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกและให้ยุบสภา คงไม่ต้องตำหนิติเตียนนายพลคนนี้อะไรกันมากนัก เพราะว่าการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 พล.อ.อนุพงษ์ เป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐประหาร ซึ่งประสบผลสำเร็จในการทำลายประชาธิปไตย ทำลายชาติให้บรรลัยไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีกลุ่มโจรพันธมิตรฯ เป็นผู้พาดบันไดชักนำให้ทหารก่อการรัฐประหาร วันนี้ยังมีความคิดทำนองเดียวกันกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2551 เสียดายวุฒิตำแหน่งนายพลแห่งกองทัพไทยอันทรงเกียรติที่สะสมกันมาต้องพินาศลงไปพร้อมกับพฤติกรรมโจรถ่อยของเหล่าพันธมิตรฯ

และสุดท้ายกลุ่มแกนนำอำมาตยาธิปไตยและพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้โปรดใช้สติปัญญาไตร่ตรองถี่ถ้วนกันสักหน่อย หากวันนี้ยังมีใจสนับสนุนการยึดสนามบินและชื่นชมกับความกล้าหาญที่ไร้สติของพันธมิตรฯ อยู่อีก หรือคอยหาทางสนับสนุนพวกโจรกบฏเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยให้โจรกบฏเหล่านี้สามารถก่อกรรมทำเข็ญได้อยู่ตลอดเวลา ก็ไม่รู้ว่าประเทศไทยอันเป็นที่เคารพรักของพวกท่านและพวกเราชาวไทยจะหลงเหลืออะไรไว้ให้คนไทยภาคภูมิใจกันต่อไป

ขอตำหนิ ส.ว. ลากตั้งทั้ง 40 คน พรรคประชาธิปัตย์ที่เคยให้การสนับสนุนหรือให้ท้ายพวกพันธมิตรฯ ให้มีความเหิมเกริม ทำให้สามารถบ่อนทำลายประเทศไทยให้ย่อยยับลงได้ในวันนี้

ขอชื่นชมรัฐบาลสมชายที่ไม่ยอมลาออกหรือยุบสภาตามความปรารถนาของโจรก่อการร้าย แต่ขอตำหนิความเชื่องช้าและอ่อนแอไม่เอาไหนของรัฐบาลที่มีต่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตลอดช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา จนทำให้คนไทยป่วยเป็นโรคเครียดและวิกลจริตไปหลายคน

ขอตำหนิทหารและตำรวจที่ปล่อยให้พวกโจรยึดครองสนามบินสุวรรณภูมิมาได้หลายวัน และยังหลงงมงายไปกับคำว่า จะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ กับพวกโจรเหล่านี้ ทั้งๆ คนเหล่านี้ได้ก่อความรุนแรงในสังคมไทยอย่างรุนแรงที่สุดเกินกว่าจะรับกันได้แล้ว

ขอตำหนิติเตียนนักสันติวิธีทั้งหลายที่หากินอยู่กับคำว่า สันติวิธี โดยพากันนิ่งเฉยและเบิกบานใจไปกับความรุนแรงทุกรูปแบบของกลุ่มโจรพันธมิตรฯ ในขณะนี้