ที่มา ประชาทรรศน์
จนท.ระดมกำลังเคลียร์ทำเนียบรัฐบาลพบพลุ-น้ำกรดบรรจุขวดกระทิงแดง ที่ม็อบถ่อยพันธมารซุกไว้เพียบ เชื่อเตรียมไว้ประกอบบึ้มป่วน! ด้าน'ปทีป"สั่งตรึงกำลัง3 จุดชุมนุมเท่าเดิมแม้พธม.ประกาศเลิก ย้ำเดินหน้าดำเนินคดีแกนนำต่อ ปัดไม่ทราบ'มหาเถื่อน'ต่อรองละเว้นคดี ชี้ต้องนิรโทษกรรม โบ้ยไม่ใช่อำนาจตร.
วันนี้ (3 ธ.ค.) พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล หน่วยตรวจพิสูจน์และเก็บกู้ระเบิด หรือ EOD พร้อมสุนัขตำรวจ 5 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงรอบทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดของสำนักงานเขตดุสิต เข้าเคลียร์ทำความสะอาดพื้นถนนพิษณุโลกและถนนราชดำเนินนอกเพื่อเร่งเปิดการ จราจรให้เร็วที่สุดภายในวันนี้
ทั้งนี้ได้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบ “พลุ” จำนวน 59 แท่งซุกซ่อนอยู่บริเวณประตูทางเข้า ขวดกระทิงแดง ซึ่งภายในบรรจุน้ำกรดจำนวนหลายขวด ซึ่งหลังจากที่มีการเข้าเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดคาดว่าจะมีการส่งมอบทำเนียบรัฐบาลได้อย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.)
ส่วนเต็นท์ที่พักและสัมภาระต่างๆ ของกลุ่มผุ้ชุมนุม ยังขนย้ายไม่เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่า หลังจากมีการสลายการชุมนุมบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ผู้ชุมนุมจะทยอยมาเก็บข้าวของในวันนี้
'ปทีป'สั่งตรึงกำลัง3จุดแม้ม็อบประกาศยุติ
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศยุติการชุมนุมว่า การที่พันธมิตรฯยุติการชุมนุมนั้นเป็นการประสานความร่วมมือจากหลายฝ่ายที่เข้ามาช่วยกัน ทั้ง ทหาร ตำรวจ พลเรือนรวมทั้งผู้ว่าการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ไม่ใช่ผลงานของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด อย่างไรก็ตามแม้พันธมิตรฯจะยุติการชุมนุมแล้วตำรวจยังคงตรึงกำลัง ตั้งประจำที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่านอากาศยานดอนเมือง และทำเนียบรัฐบาล ในจำนวนเท่าเดิม หากจะลดก็ลดกำลังลงเพียงนิดหน่อยเท่านั้นขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวก็ยังจับตาแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่ายทั้งหมด ว่ากำลังทำอะไรอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า เรื่องคดีต้องดูเป็นกรณีๆไป ยังตอบอะไรไม่ได้ ว่าใครจะดำเนินคดีกับใครหรือไม่จะไม่ดำเนินคดีกับใครต้องดูรายกรณี และยังไม่ทราบเรื่องที่ว่ามีการต่อรองเพื่อไม่ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม เรื่องนี้คงไม่มี แต่ถ้ามีการต่อรองเพื่อไม่ให้ดำเนินคดีนั้นก็ต้องดูความผิดเป็นกรณีๆไปแต่จะเอาในภาพรวมทั้งหมดคงต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมกันไป ซึ่งเกินอำนาจของตน ที่จะตอบได้ และตนยังไม่มีความเห็นต่อประเด็นนี้ในตอนนี้
“ส่วนของตำรวจรับผิดชอบในเหตุที่เกิดและเป็นคดี เมื่อมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ของตำรวจ ถ้ามีคดีเกิดขึ้นยืนยันว่าผมจะยืนอยู่ตรงกลาง อยู่บนความยุติธรรม ซึ่งขณะนี้คดีที่แจ้งความแล้ว พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ เฉพาะที่มาแจ้งความก็ดำเนินไปตามปกติ เช่นเดียวกับคดีปกติ ทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงก็ต้องทำ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ตำรวจต้องเก็บรวบรวมพยานหลักฐานหากเพียงพอ ก็ส่งสำนวนสั่งฟ้องไปตามลำดับชั้น แต่ทั้งนี้ไม่ว่าความผิดใด หรือโทษร้ายแรงแค่ไหน หากต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่ไม่มีใครมาร้องทุกข์ตำรวจก็ดำเนินการไม่ได้” รรท.ผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่จะมีการนำกฎหมายฟอกเงินมาใช้ จะมีการสั่งสันติบาลสืบในทางลับเพื่อหาเส้นทางการเงินของผู้อยู่เบื้องหลังพธม.หรือไม่ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า คงลำบาก เพราะว่าเวลาเราทำอะไรต้องมีพยานหลักฐานแต่ในทางปฏิบัตินั้น หน่วยใดดำเนินการอยู่หรือไม่ ตนไม่ทราบคงไม่ได้ ในส่วนที่ตนรับผิดชอบต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน
ค้นรถการ์ดพันธมารปืน 2 กระบอกลูกกระสุนเพียบ
ขณะเดียวกันหลังจากเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวาน (2 ธ.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ขึ้นเวทีประกาศยุติการชุมนุม และได้มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลรวมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเลี้ยงฉลองประกาศชัยชนะ โดยมีแนวร่วมสนับสนุนทั้งจากทำเนียบรัฐบาล และสนามบินดอนเมืองจำนวนนับหมื่นคนเดินทางมาร่วมเลี้ยงฉลองกันที่อาคารผู้โดยสารขาออกสนามบินสุวรรณภูมิ บรรยากาศทั่วไปเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีการยิงปืนขึ้นฟ้าจำนวนหลาบสิบนัดเพื่อประกาศชัยชนะ และแกนนำได้สลับกันขึ้นประกาศชัยชนะบนเวทีท่ามกลางความสนุกสนามของแนวร่วมพันธมิตรกว่า 3 หมื่นคน
ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 กองร้อยได้กระจายกำลังกันตั้งด่านตรวจค้นอาวุธที่บริเวณทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิทางด้านถนนเมนโรส ภายในสนามบินสุวรรณภูมิและทางเข้าสนามบินทางด้านถนนลาดกระบัง เนื่องจากเกรงว่าจะมีมือที่สามจะนำอาวุธเข้าก่อเหตุร้ายจนกระทั้งเวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 3 ธ.ค.51 ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจอยู่ที่ด่านทางเข้า สภ.ราชาเทวะ ทางด้านเขตติดต่อถนนลาดกระบัง-อ่อนนุช ได้พบเห็นชาย 4 คนขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า โคโรร่า สีบอร์ดเงิน ทะเบียน กจ. 7047 สระบุรี เข้ามาที่หน้าด่านเจ้าหน้าที่ได้เชิญกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 4 ลงจากรถได้พบว่าชายฉกรรจ์หนึ่งใน 4 ได้แขวงบัตรการ์ดพันธมิตรอาสา สระบุรี อยู่ที่คอ จึงได้ทำการตรวจค้นภายในรถได้พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. และอาวุธปืนขนาด .32 อย่างละหนึ่งกระบะ ซึ่งบรรจุลูกกระสุนเอาไว้จนเต็มแม๊กกาซีนทั้ง 2 กระบอก พร้อมด้วยแม๊กกาซัน ขนาดเดียวกับปืนทั้งสองกระบอกอีกจำนวน 2 แม๊กที่บรรจุลูกกระสุนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว วิทยุสื่อสารย่านยูเฮสเอฟ สีแดง อีกจำนวน 1 เครื่องที่สำหรับแกนนำพันธมิตรเอาไว้ติดต่อกัน อีก 1 เครื่อง ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าสะพานสีดำวางอยู่ในรถ นอกจากนี้จากการตรวจค้นท้ายรถได้พบไม้กระบอกและเหล็กแป๊บอีกจำนวนกว่า 10 อันที่ซุกซ่อนมาในด้านท้ายรถ จึงได้ตรวจยึดเอาไว้พร้อมประสานพนักงานสอบสวน สภ.จระเข้น้อย พื้นที่ราชกระบังเข้ามารับตัวไปทำการสอบสวน