ที่มา ประชาไท
พันธมิตรชุมนุมที่สนามหลวงด่า ‘ทักษิณ-ฮุนเซน-กัมพูชา’ สารพัด ‘คำนูณ’ ปราศรัยเสนอทฤษฎี ‘ฮุนเซนโมเดล’ ด้าน ‘ณัฐ-พ-วงเดือน ยนตรรักษ์’ บรรเลงความฝันอันสูงสุด ต่อด้วย ‘หนักแผ่นดิน’ ก่อนที่แกนนำจะอ่านคำประกาศพร้อมจะพลีชีพเพื่อรักษาชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-อธิปไตย-ผลประโยชน์ของชาติ ก่อนสลายการชุมนุม นอกจากนี้มีรายงานเหตุบึ้มหลังเวที มีผู้บาดเจ็บนับสิบ
ตามที่เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออก
แถลงการณ์ฉบับที่ 6/2552 เรื่อง “จัดชุมนุมใหญ่ร่วมแสดงพลังแผ่นดินปกป้องเกียรติภูมิของชาติอย่างสันติ” โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ 1.เพื่อแสดงออกให้ประชาคมโลกได้รับทราบว่า พสกนิกรชาวไทยมีความรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ยินยอมให้ผู้ทรยศชาติมาละเมิดจาบจ้วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ 2.เพื่อแสดงออกให้ประชาคมได้ทราบว่า ยังมีประชาชนชาวไทยผู้รักชาติพร้อมที่จะรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ จนถึงที่สุด มิให้ประเทศชาติอื่นเข้ามาดูหมิ่นเหยียดหยามกระบวนการของศาลยุติธรรมซึ่ง กระทำในพระปรมาภิไธยแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชอาณาจักรไทยได้ 3.เพื่อแสดงสัญลักษณ์และร่วมกันประณามนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาไปทั่วโลก ที่ได้มาย่ำยีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีแห่งราชอาณาจักรไทยในครั้งนี้
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยวานนี้ (15 พ.ย.) มีผู้ชุมนุมพันธมิตรทยอยมาร่วมตั้งแต่ก่อนเปิดเวที โดยพันธมิตรตั้งเวทีตรงกลางสนามหลวง พื้นหลังฉากเวทีเป็นสีชมพู เขียนข้อความว่า “รวมพลังแผ่นดิน พิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ Fight for Thailand. Fight for our King.” หันหลังเข้าหาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และหันหน้าเวทีด้านพื้นที่ชุมนุมไปทางเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ส่วนสุขาเคลื่อนที่มีอยู่ 1 จุด ที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และในเวลา 16.00 น. เมื่อเปิดเวทีอย่างเป็นทางการ ได้มีแกนนำพันธมิตรฯ สลับสับเปลี่ยนขึ้นมาปราศรัย
แกนนำเน้นปราศรัยเหยียดกัมพูชา เรียกร้องตัดศีรษะ “ฮุนเซน-ชวลิต-ทักษิณ”
โดยนายประเสริฐ เลิศยะโส ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตร กล่าวเรียกร้องให้ตัดศีรษะสมเด็จฮุนเซนฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วเอาเลือดมาล้างพระบาท และออกปากไล่ผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไปอยู่กับพ่อมันที่พนมเปญและดูไบ
ต่อมานายเสกน สุทธิวงศ์ ได้ขึ้นร้องเพลงปลุกใจแนวชาตินิยม โดยนายเสกนได้ปราศรัยว่ากัมพูชากลัว F16 ไปถล่มพลาดเป้าที่นครวัต และเขาพระวิหาร เพราะเขาหากินอยู่กับก้อนหินเก่าๆ จากนั้นนายเสกนได้เชิญชวนให้ผู้ที่มาชุมนุม ตะโกนพร้อมกันว่า “ไอ้ฮุนเซน ไอ้ส้นตีน” และว่า ฮุนเซนไม่รู้ว่าคนไทยเวลาสงบเรียบร้อยจะทะเลาะกัน แต่ถ้าชาติบ้านเมือง สถาบันพระกษัตริย์ตกอยู่ในอันตรายคนไทยจะรวมตัวกัน ฮุนเซนไม่รู้ โง่ชิบหายเลย สำหรับเพลงที่นายเสกนร้องได้แก่ อยุธยาเมืองเก่า ศึกบางระจัน
นายเสกนปราศรัยหลังร้องเพลงศึกบางระจันว่า นักการเมืองรุ่นหลังจะลงสมัครผู้แทนต้องไปขอเงินฮุนเซน กราบส้นตีนกษัตริย์เขมร ก็อยากให้ประเทศของคุณร่ำรวย จะได้เอาขอทานเป็นหมื่นกลับคืนไป แน่จริงให้แก้เลยเศรษฐกิจ มันจน จนไม่มีอะไรจะกินแล้ว พี่น้องดูทีวีไหม พอเปิดด่านก็นรกแตกเลย บ้านเมืองเราไม่เป็นอย่างนั้นเพราะเรามีพ่อหลวง แม่หลวงองค์เดียวกัน
นักศึกษาลั่นพร้อมต้านฮุนเซน-คนไทยขายชาติ
ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. ตัวแทนนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่สนับสนุนพันธมิตรฯ ได้ขึ้นไปปราศรัยว่า ไม่เห็นด้วยกับการกระทำเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานของรัฐบาลสมเด็จฮุนเซนฯ วันนี้ นักศึกษาไทยจะยืนอยู่ไม่ได้แล้ว ถ้าเขมรยังย่ำยีเช่นนี้อยู่ ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องร่วมกันออกมาประกาศ ให้คนที่ประเทศเขมรที่นั่งอยู่ในรัฐบาลเขมรได้รู้ว่าพวกเราประชาชนชาวไทยหาได้อยู่เฉยๆ ไม่ บรรพบุรุษต่อสู้เพื่อเอกราชของชาติของบ้านเมืองเรามามากมายแล้ว เหตุใดจึงต้องให้บ้านเมืองเราถูกย่ำยีเช่นทุกวันนี้ ฉะนั้นพวกผมในนามของนิสิต นักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต และทุกมหาวิทยาลัย จึงพร้อมใจกันมาประกาศเจตนารมณ์ว่าพร้อมจะต่อต้านการกระทำของสมเด็จฮุนเซน และคนไทยที่ขายชาติคนหนึ่ง
นายศตวรรษ อินทรายุทธ จากศูนย์ประสานงานนักเรียน นิสิต นักศึกษา (ศนศ.) ปราศรัยว่า จะขอต่อสู้เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทักษิณใช้สื่อต่างชาติ คนไทยยังสามัคคีกัน คนไทยยังรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมเสมอที่จะสละชีวิตเพื่อรักษาผืนแผ่นดินอันเป็นที่รักยิ่ง คนชั่วหน้าไหนก้าวเข้ามาทำลายแม้แต่นิดเดียว และว่าให้ทหารที่ไปอยู่พรรคเพื่อไทย ไปทำอะไรคุณรู้ดี คุณอายประชาชนบ้างไหม
จากนั้นตัวแทนนักศึกษาได้เชิญชวนผู้ชุมนุมพูดตามว่า “ฮุนเซน บักห่า”
ด้านเครือข่ายศิลปินประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นอ่านแถลงการณ์ประณามฮุนเซนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยในแถลงการณ์ของเครือข่ายนี้เรียก พ.ต.ท.ทักษิณและฮุนเซนว่า “อมนุษย์” ด้วย
พล.อ.ปรีชา เรียกร้องจัดการเสี้ยนให้หมดแผ่นดิน ให้พระมหากษัตริย์มีความสุข
เวลา 18.11 น. พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ได้ขึ้นปราศรัย โดยก่อนปราศรัยได้มีการเปิดเพลง “สยามานุสสติ” พล.อ.ปรีชา ปราศรัยว่า ไม่อยากพูดอะไร เพราะพูดมามากแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราทำ ทำอะไร ต้องจัดการกับคนขายชาติให้สิ้นแผ่นดิน เวลานี้ผู้ที่คิดคดทรยศต่อชาติ ออกมาให้เราเห็นครบถ้วนหมดแล้ว เราต้องจัดการเสี้ยนเหล่านี้ ให้หมดแผ่นดิน หมดเวลาที่เราจะพูดด้วยคำพูดสาดกันไปสาดกันมามันไม่จบ เราต้องจัดการให้จบโดยเร็ว เพื่อพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งและบรรพบุรุษของเราทุกพระองค์ท่านจะได้ภาคภูมิและมีความสุข คนไทยทั้งชาติจะได้เลิกทะเลาะกันเสียทีเพราะไอ้เสี้ยนเฮงซวยเหล่านี้ เราไม่ต้องพูดว่าทำชั่วช้าสารเลวอย่างไรมาบ้างกับไอ้สัตว์นรกพวกนี้ มันเหลือจะอธิบายชักศึกเข้าบ้านก็ทำได้ เห็นดีเห็นงามกับไอ้ฮุนเซนจาบจ้วงในเมืองไทยมันก็ทำได้ ครั้งหลังสุดมันจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัวไอ้บัดซบมันก็ทำได้อีก
ป้ายสี “จักรภพ” ขนอาวุธเข้าอีสาน ลั่นจะขอไปรบเขมรมือเปล่า
พล.อ.ปรีชา อ้างว่าได้ฟังวิทยุที่โฆษกรัฐบาลคนหนึ่งออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เขาบอกว่าจักรภพ เพ็ญแขส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ผ่านชายแดนอีสานมาแล้ว อย่างนี้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ คุณอภิสิทธิ์ใช้ตีนคิดก็ได้ว่ามันจะทำอะไร มันกบฏชัดๆ เพราะฉะนั้นผมไม่ได้พูดเกินเลย พูดจากสิ่งที่สัตว์นรกทั้งหลายมันพูดมันแสดงแต่ที่พัทยา ฮุนเซนเห็นทหารไม่ทำอะไร ถอยกรูดแทบไม่ทันที่พัทยา ก็สมหรอกที่มันบอกว่าทหารไทยสามคน ทหารเขมรคนเดียวก็รบชนะ ไอ้สถุน
ผมไปที่เขาพระวิหารมาคราวที่แล้ว คนในระดับ ผบ.กองพัน ผบ.กองพล เวลาเขาพูดกันว่าเขาเหมือนกาต้มน้ำเดือดถูกปิดฝาเอาไว้ น้องอนุพงษ์ น้องทรงกิตติ น้องคนเดียวเอาคนที่รักชาติซึ่งที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของน้องไม่ได้หรอก
พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า เราเคยรบกับไอ้เขมรสถุนมาแล้วที่ชายแดนอรัญประเทศ พี่นี่แหละที่ส่งระเบิดไปถล่มแม่มัน ไม่เห็นเป็นอะไร ถ้าจะรบกันครั้งใหม่ พวกเรานี่แหละเอามีดไล่จิ้มตาแม่งเลย ถ้ากองทัพไม่รบ ผมจะรบกับเขมรเองด้วยมือเปล่า ไม่ต้องมีเครื่องแบบ แต่ใจที่สุดยอดของความกล้าหาญ
สำราญไล่ ส.ส. เพื่อไทยไปเป็นขอทาน ออกตัวไม่ได้คลั่งชาติ
ต่อมานายอังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรท์ มาอ่านบทกวี หลังการอ่านกลอนของนายอังคาร กัลป์ยาณพงศ์ นายสำราญ รอดเพชร พิธีกรบนเวทีกล่าวถึง ส.ส.เพื่อไทยที่บินไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชาว่า แน่จริงอยากให้รัฐบาลยุบสภา เมื่อไม่อยากเป็น ส.ส. ก็ให้ลาออกยกพรรค อยู่ไปก็ป่วนบ้านป่วนเมือง ป่วนสภา ประชุมสภา 4 วันล่ม 3 ครั้ง 8 เดือน ล่ม 8 ครั้ง 2 สมัยประชุม ด้านนางสโรชา พรอุดมศักดิ์ พิธีกรบนเวทีตอบนายสำราญว่า นั่งรถไปไม่กี่ชั่วโมงไปลงสมัครเลือกตั้งประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อไม่อยากทำหน้าที่อย่าอยู่เปลืองภาษีพวกหนูเลย จากนั้นนายสำราญตอบว่า ไหนๆ เมืองไทยก็มีขอทานเขมร ก็จะส่ง ส.ส.ชุดนี้ไปเป็นขอทานเขมร โดยนายสำราญยืนยันบนเวทีว่าพันธมิตรฯ ไม่ได้คลั่งชาติ แต่ก็ไม่ขายชาติ
ขณะที่นายศรันยู วงศ์กระจ่าง ขึ้นมาอ่านบทกวี “ต้านศัตรู” ของนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ
คำนูณอ้างมี “ฮุนเซน” โมเดล
เวลาประมาณ 19.30 น. นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภาระบบแต่งตั้ง กล่าวปราศรัยหัวข้อ
"จากทักษิโนมิค ถึง ฮุนเซนโมเดล" โดยอ้างว่า “ฮุนเซนโมเดล” หมายถึง “แนวทางการเข้าสู่อำนาจ, การหาประโยชน์จากอำนาจ, การต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจ ในแบบของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีตลอดกาลของกัมพูชา” นายคำนูณออกตัวว่าซึ่งอาจจะเป็นที่ปรารถนาใคร่จะลอกเลียนแบบของอดีตผู้นำไทยบางคน อดีตผู้นำไทยบางคนนั้นจะรวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรด้วยหรือไม่ พี่น้องต้องใช้วิจารณญาณตอบเอง
คำนูณอ้างว่า ฮุนเซนโมเดลมีลักษณะ 5 ประการคือ 1.ใช้กองกำลังต่างชาติสนับสนุน 2.สนับสนุนเชื้อพระวงศ์ที่ไม่พร้อมให้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ 3.ให้กษัตริย์ใหม่สถาปนาตนเป็นเจ้า 4.ใช้ระบบจัดตั้งแบบคอมมิวนิสต์คุมพรรค คุมประชาชน เพื่อรักษาอำนาจไว้ตลอดกาลภายใต้รูปแบบประชาธิปไตยตะวันตก – การเลือกตั้ง 5.เนื้อแท้ของระบอบคือเผด็จการรวมศูนย์อำนาจการเมือง-เศรษฐกิจ และเปิดประเทศจับมือกับกลุ่มทุนตะวันตกให้เข้ามาแสวงประโยชน์จากทรัพยากรของ ชาติในทุกรูปแบบ
โดยนายคำนูณ ได้ทิ้งท้ายการปราศรัยโดยอัญเชิญบางส่วนของเพลงพระราชนิพนธ์ “เราสู้” มากล่าวปิดท้าย และว่าเพลงนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ทรงประพันธ์ไว้ในช่วงที่เรากำลังเผชิญภัยคอมมิวนิสต์ ว่าการรักษาชาติบ้านเมืองเป็น “หน้าที่” ของคนไทยทุกคนที่ต้องรักษาสืบไป”
สนธิปราศรัย “ทำไมต้องสู้เพื่อในหลวง”
ต่อมาเวลา 20.15 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และแกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยหัวข้อ “ทำไมต้องสู้เพื่อในหลวง”
(อ่านคำปราศรัยทั้งหมดที่นี่) โดยนายสนธิอ้างว่าที่ต้องสู้เพื่อในหลวงเพราะพระเจ้าอยู่หัวไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว นอกจากพวกเราเท่านั้น ในช่วงหนึ่งนายสนธิยังกล่าว่า “แม้กระทั่งทูตของประเทศที่เจริญแล้วในยุโรปเขายังเข้าใจเหตุการณ์อันนี้อยู่ เขายังพูดกับผมว่าเมืองไทยโชคดีที่ยังมีพระมหากษัตริย์อยู่ พี่น้องถ้าฝรั่งยังเห็นว่าเมืองไทยต้องมีพระมหากษัตริย์แล้วไอ้คนทรยศ ชาติชั่ว ที่คิดว่าเมืองไทยไม่จำเป็นต้องมีพระมหากษัตริย์ มันสมควรจะเป็นมนุษย์ต่อไปไหม”
โดยตอนท้ายนายสนธินัดหมายให้ประชาชนมาแสดงความจงรักภักดีโดยตั้งแถวตั้งแต่หน้าพระบรมหาราชวังจนถึงสวนจิตรลดาในวันที่ 5 ธ.ค. ให้มากกว่าการชุมนุมวันนี้ 10 เท่า 100 เท่า
บรรเลงความฝันอันสูงสุด-หนักแผ่นดิน กระหึ่มเวทีพันธมิตรฯ
ต่อมาเป็นการแสดงดนตรีของ ณัฐ ยนตรรักษ์ และ พ-วงเดือน ยนตรรักษ์ โดยณัฐเป็นผู้เล่นเปียโน ส่วน พ-วงเดือนเป็นนักร้องนำ โดยมีการอัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด มาขับร้อง ต่อจากเพลงความฝันอันสูงสุดแล้ว สองได้เล่นเพลงหนักแผ่นดิน
พิภพอ่านคำประกาศพร้อมจะพลีชีพเพื่อรักษาชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์
ต่อมา นายพิภพ ธงไชย เป็นผู้อ่าน
“คำประกาศของปวงชนชาวไทยต่อประชาชาติทั่วโลก” มีจุดยืนโดยสรุป 5 ข้อ คือ 1.ราชอาณาจักรไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ และพร้อมจะพลีชีพเพื่อรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อธิปไตย และผลประโยชน์ของชาติจนถึงที่สุด 2.นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติและคนไทย จะต้องชดใช้ความเสียหายทั้งหมด 3.นักโทษชายทักษิณ ได้ทำตัวเป็นอริราชศัตรู เป็นผู้ทรยศชาติ ได้ไปสมคบกับศัตรูผู้มีที่มาที่ทำลายเกียรติภูมิของประเทศ
ด่าไปหลายรอบ แต่ยืนยันไม่ใช่ศัตรูกับประชาชนกัมพูชา
4.เรายืนยันว่าศาลสถิตยุติธรรมของไทยที่เป็นที่พึ่งแห่งสุดท้ายของประชาชนอย่างแท้จริง ข้อ 5.ราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา และประชาชนทั้งสองประเทศ ไม่ได้เป็นศัตรูกัน เราจึงขอให้นายฮุน เซน ได้รับรู้และปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของประเทศและประชาชนของทั้งสองประเทศ และ 6.คนไทยเป็นคนที่รักสันติ เราจะร่วมมือกับประชาชาติต่างๆ และรัฐบาลของประเทศต่างๆ ในการพิทักษ์รักษาสันติภาพ สิทธิเสรีภาพ เพื่อประโยชน์และความสุขของมวลมนุษยชาติโดยถ้วนหน้า
หลังจากนายพิภพได้อ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้นแล้ว ได้มีผู้ที่เชี่ยวชาญภาษากัมพูชา ได้อ่านแถลงการณ์แปลเป็นภาษากัมพูชาอีกครั้ง รวมทั้งแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย
สมศักดิ์บอกทักษิณสร้างสถานการณ์ให้เกิดสงคราม
หลังจากนั้น เวลาประมาณ 21.30 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นปราศรัย โดยกล่าวว่า ฮุนเซน นั้นถือว่าเป็นผู้นำประเทศถ่อยสถุนที่สุด เพราะไม่เคารพสนธิสัญญาระหว่างประเทศ นักโทษประเทศไทยเมื่อไปกัมพูชา ต้องส่งกลับมาลงโทษประเทศไทย แต่มันกลับปกป้อง คุ้มครองนักโทษประเทศไทยให้อยู่ในประเทศกัมพูชา และแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา ขายชาติฉบับจริง เห็นแล้วหรือยัง โกงกินแผ่นดินไม่พอ ทำความวุ่นวายในประเทศไม่พอ กลับไปสร้างสถานการณ์ หวังให้เกิดการสงคราม เพื่อจะกลับมามีอำนาจและเอาทรัพย์สินที่ถูกอายัด ข้อหาโกงพี่น้องประชาชนทุกๆ คน กลับเป็นของตน นี่คือไอ้ชาติโกง
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส.ส.บางพวกไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของประเทศไทย แต่กลายเป็น ส.ข. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขมรไปแล้ว เหตุที่สภาฯ ล่ม 2-3 ครั้งที่ผ่านมา เพราะมันไปหาพ่อของมัน ที่ประเทศกัมพูชา คนเหล่านี้กินภาษีประชาชน แต่ไม่ทำหน้าที่ เอาตำแหน่งที่มี ไปแสวงหาผลประโยชน์ จำได้ไหมก่อนที่จะเข้าดำรงตำแหน่ง ได้สนองรับพระบรมราโชวาทว่าจะดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ และเคารพในรัฐธรรมนูญนี้ แต่วันนี้กลับไปรักษาผลประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
สมเกียรติเชื่อมีสงครามปฏิวัติไทย แต่ทำไม่สำเร็จเพราะมีพลังทางศีลธรรมเต็มเมือง
ต่อมานายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นปราศรัย กล่าวว่าทักษิณมาวางแผนในเดือนเมษายนร่วมกับฮุนเซน พี่น้องรู้ไหมว่า เขามาบงการเพื่อจะโค่นล้มอำนาจรัฐไทย และเปลี่ยนรูปการปกครอง แต่กระทำไม่ได้ เพราะรถแก๊สไม่ระเบิด พระสยามเทวาธิราชมีจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองทำให้พวกมันเป็นไป
นายสมเกียรติกล่าวว่า พี่น้องเห็นหรือยังว่า สถานการณ์ในประเทศ มันไม่ได้จาบจ้วงล่วงเกินสถาบันหลักธรรมดาแล้ว มันเหนือการด่ากัน การจาบจ้วง กำลังก่อสงคราม สงครามปฏิวัติไทยจะเกิดขึ้น แต่วันนี้พอเขาเห็นพวกเรามาขนาดนี้ สงครามไม่เกิดขึ้นหรอกครับ เพราะพลังทางศีลธรรม พลังแห่งความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เต็มบ้านเต็มเมืองเลย กำลังดูเราอยู่ 20 ล้านคน
หลังจากนั้นแกนนำพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันนำผู้ชุมนุมร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนที่จะสลายการชุมนุม โดยการชุมนุมเลิกในเวลาประมาณ 22.50 น.
บึ้มหลังเวที ผู้ชุมนุมเจ็บนับสิบ
สำหรับเหตุเสียงดังคล้ายระเบิดที่เกิดด้านหลังเวลาทีปราศรัยเมื่อเวลา 20.40 น. ระหว่างที่นายสนธิ กำลังปราศรัยนั้น เบื้องต้นมีคนเห็นวัยรุ่นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาวนเวียนในบริเวณดังกล่าว จากนั้นได้ขว้างวัตถุคล้ายปะทัดยักษ์เข้ามาบริเวณด้านหลังเวที จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวนหนึ่ง และมีเด็กชาย 1 คน ได้รับบาดแผลสาหัสที่ขาซ้าย
สำหรับรายชื่อคนเจ็บทั้ง 10 คนที่หน่วยกู้ภัยร่วมกตัญญูส่งรพ.กลางคือ 1) ด.ช. ณัฐพล ชัยสมศรี อายุ 8 ปี 2) นายกฤษดา สนสมงาม อายุ 28 ปี 3) นายชนานันท์ เปียพิทักษ์กุล อายุ 17 ปี 4) ด.ช. พันธชนะ นาสมวงษ์ อายุ 9 5) นางสาว รจนา ขำมะวิน อายุ 30 ปี
6) นางสุกาญจนา ขำศิริกุล อายุ 26 ปี 7 ) นายชัยพัทธ์ หวังจงมี อายุ 53 ปี 8) นายสมพงษ์ ธีระภาพ อายุ 39 ปี 9) นายอานพ พาณิชย์ดิษสกุล ไม่ทราบอายุ 10) นาย ธีระวัฒน์ หวังจงมี อายุ 53 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล 1 คนคือจ่าโทวันชัย รัตนไตรภพ อายุ 50 มีบาดแผลที่ชายโครง ไม่สาหัส
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน ก่อนนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ชนะสงคราม แล้ว โดยเบื้องต้นผู้ต้องสงสัยปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจสอบบริเวณเกิดเหตุก่อนเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุว่าเป็นระเบิดชนิดใด และก่อนหน้านี้การข่าวแจ้งว่าจะมีมือที่ 3 สร้างความวุ่นวาย ตำรวจนครบาลจึงวางกำลังดูแลอย่างเต็มที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถือว่าเป็นความบกพร่อง ขณะที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ แกนนำพันธมิตรฯ สันนิษฐานเบื้องต้นว่า วัตถุระเบิดดังกล่าวน่าจะเป็นระเบิดทีเอ็นที
เพื่อไทยอ้าง พธม. กระแสตกคนลด เตรียมฟ้องที่มีการปราศรัยกล่าวหา
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า พรรคเพื่อไทยได้ติดตามและบันทึกคำปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ตลอดเวลา หากมีการพาดพิงถึงสมาชิกพรรคเพื่อไทยโดยมิชอบ ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการเพื่อฟ้องร้องต่อไป
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จากการประเมินการชุมนุมในวันนี้ พบว่ากลุ่มพันธมิตรฯ มีกระแสที่ตกลง นั่นเป็นเพราะประชาชนคนไทยส่วนใหญ่มีความเข้าใจว่าสิ่งที่ทั้งรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ พยายามอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการกล่าวหาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น
"การชุมนุมในวันนี้ เป็นเพียงการวัดกำลัง เช็คกระแส และสร้างกระแสให้พรรคการเมืองใหม่เท่านั้น โดยเฉพาะพวกอีแอบจากรัฐบาลที่พยายามอิงกระแสนี้ เพื่อใช้คานอำนาจของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังเตรียมชุมนุมใหญ่เพื่อโค่นล้มรัฐบาล แต่จากการติดตามการชุมนุมพบว่าเขาไม่สามารถปลุกกระแสคลั่งชาติได้ เห็นได้จากกำลังของกลุ่มพันธมิตรฯ ลดลง" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว