“อยากจะแก้ทั้งฉบับ แต่อยากให้เร็ว ดังนั้น จะแก้มาตราที่มีปัญหา”
ในลีลาลุยซัดกันแบบเต็มเหนี่ยวของ “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ตั้งท่าหยิบเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เป็นต้นแบบประกบ
อะไรที่ไม่ดีเอาออกไป ส่วนที่ดีเก็บไว้
กัปตันส่งสัญญาณเข้าเกียร์ห้า เดินเกมเร็วรื้อรัฐธรรมนูญ
โดยเฉพาะกับประโยคที่ “ลุงหมัก” พูดแบบไม่อ้อมค้อม คนที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเพราะไม่โดนกับตัวเอง คนที่โดนกับตัวเองถึงจะรู้ว่า เจ็บแสบอย่างไร
พูดเหมือนมั่นใจในแนวร่วมคนที่โดนกับตัวเอง
ที่แน่ๆเลย พรรคชาติไทยในฐานะค่ายการเมืองเก่าแก่อันดับ 2 ของประเทศไทย ไล่ตั้งแต่ “บิ๊กเติ้ง” นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค “หนูนา” น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา “ลูกท็อป” นายวราวุธ ศิลปอาชา ช่วยกันตะโกนเสียงหลง
มีใบสั่งจากผู้ใหญ่บงการเกม
โดยอาการร้อนรนที่สะท้อนออกมา ไม่ได้น้อยไปกว่าอาการนั่งไม่ติดของ “ลุงหมัก” และคนพรรคพลังประชาชน
“บิ๊กเติ้ง” ยกสองมือหนุนเต็มที่แน่
และไม่ต้องไปถามคิวของพรรคมัชฌิมาธิปไตย ตอบแทนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้เลยว่า ยังไงก็ต้องโดดร่วมวงลุยเต็มตัว เพื่อไม่ให้เมียรักอย่าง “เจ๊เป้า” นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ต้องมีอันเป็นไปทางการเมืองอีกคน
โดนดองเค็มทั้งผัวทั้งเมีย คงดูไม่จืด
“สมศักดิ์” ต้องลุยเป็นลูกคู่กับ “ลุงหมัก” เต็มพิกัด
ด้วยตัวเลขของพรรคพลังประชาชน บวกกับเสียงพรรคชาติไทย รวมกับพรรคมัชฌิมาธิปไตย มือหนุนแก้รัฐธรรมนูญตั้งต้นด้วยต้นทุนเกือบ 290 เสียง
จากเสียงโหวตในฟลอร์ใหญ่รัฐสภา 480 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมกับสมาชิกวุฒิสภา 150 รวม 630 เสียง กึ่งหนึ่งก็ 315
ขาดอีก 30 เสียงก็ปลดล็อกได้
แค่วัดใจพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่ลงเรือลำเดียวกัน ถ้าพร้อมใจเอาด้วยก็ตีขิมรอ
อย่างไรก็ตาม โดยเดิมพันเฉพาะหน้าของพรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย ต่อเนื่องไปถึงพรรคพลังประชาชน ต่างอยู่ในเงื่อนไขภายใต้ สถานการณ์บังคับ
เดิมพันดิ้นสู้เกมยุบพรรค
แน่นอนหนีไม่พ้นโดนฝ่ายพิทักษ์รัฐธรรมนูญออกมาขวางลำ ดาหน้าค้านการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล
ถือดุลความชอบธรรมมากกว่า
และมันก็คือแรงเสียดทานภายนอกที่หนักหนา โดยลำพังสไตล์ลุยบู๊แบบซัดเต็มเหนี่ยวของ “ลุงหมัก” และยุทธศาสตร์ตั้งท่าหักลำของรัฐบาลในการเดินเกมเร็วแก้รัฐธรรมนูญ
ยากจะฝ่าไปได้โดยสะดวก
แต่ก็ออกมาได้ถูกจังหวะถูกเวลา ช่วยประคองเกม “ลุงหมัก” ทันสถานการณ์ทุกที
กับลีลามวยเชิงสูง “เดอะอ๋อย” นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาร่วมด้วยช่วยปูทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เปิดมุกทวงสัญญาพรรคการเมืองที่เคยให้สัญญาไว้กับประชาชนช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง จะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
“การลงโทษยุบพรรคเป็นผลิตผลที่มาจากการยึดอำนาจ แล้วอยากจัดการรัฐบาล โดยจ้องทำลายพรรคการเมืองให้สิ้นซาก ขณะนี้ผลผลิตจากการยึดอำนาจกำลังค่อยๆออกฤทธิ์ให้เห็นทีละเล็กทีละน้อย และขณะนี้กำลังเย่อกันระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ”
แก้ต่างคดียุบพรรคแบบเนียนๆ
หรือกับคำถามดักคอเรื่องแก้รัฐธรรมนูญพ่วงนิรโทษกรรมสมาชิกบ้านเลขที่ 111 นายจาตุรนต์ก็เก๋าเกมพอที่จะยืนกรานเสียงแข็งว่า ไม่ได้กระทำความผิด
แต่เป็นการถูกลงโทษโดยกฎหมายเผด็จการ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมานิรโทษกรรม เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบให้เกิดเสียงวิพากษ์-วิจารณ์ ขอให้แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยก่อน
คำก็ผลผลิตจากเผด็จการ คำก็ผลิตผลจากการยึดอำนาจ
หน่วยพิทักษ์รัฐธรรมนูญอึดอัดก็แล้วกัน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน