เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง..แต่ก็มีความพยายามที่จะทำให้เป็นเรื่องเรื่องการยุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตย..ที่หลุดออกมาอย่างตั้งใจ จะทำให้เรื่องมันยุ่ง..และกำลังจะนำไปสู่สิ่งที่ยุ่งมากกว่า..เพราะสมาชิกพรรคที่กำลังจะถูกยุบ..เริ่มมีความเห็นตรงกันว่า..ในเมื่อเรื่องยุ่งมันมาจากข้อบังคับในรัฐธรรมนูญ..ก็ดับไฟมันซะตรงต้นลมนั่นแหละ..วิธีแก้ปัญหานั่นคือการแก้รัฐธรรมนูญ
แต่นั่นอาจจะเป็นหลุมพราง..ที่ถูกขุดไว้..เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น..คือ การเปิดทางให้กับการเคลื่อนไหวของ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่กำลังสอดส่ายหาช่องทาง..ที่จะซ่องสุมกำลังสร้างการชุมนุมผู้คนขึ้นมาต้องไม่ลืมว่า..การทำประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 และ 2550 นั้น..ประเทศถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย และมีประชาชนนับ 10 ล้านคน ที่ยืนกันอยู่คนละข้าง ถือหางรัฐธรรมนูญกันคนละฉบับ
ฝ่ายที่ต้องการทำลายรัฐบาลนี้..จะฉกฉวยโอกาศ..เอาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น..ประจุดินปืนเพื่อก่อหวอด..หลายๆ ครั้งในอดีต..รัฐบาลถูกโค่นล้มลงไปในระหว่างมีวิกฤติการณ์รัฐธรรมนูญ..ครั้งนี้..ดูจากอาการแกล้งโง่แกล้งบ้าของ..ผู้จุดเชื้อแล้ว..เห็นได้ชัดเจนถึงความเลวบัดซบ..อายุป่านนั้น..มันยังกระสันในอำนาจ จนไม่สนใจต่อความล่มจนของบ้านเมือง..
ห่างแค่ก้าวจากกล่องนอนบนฟูกดอกไม้จันทน์..มันก็ยังดังทุรังแกล้งบ้าแกล้งใบ้..ยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียว ทั้งๆ ที่พันครูหมื่นอาจารย์ก็สั่งสอนกันมาว่า..นิติศาสตร์โดดๆ นั้นมันไม่มีในโลก..เจตนารมณ์ของการมีข้อบังคับต่างหากที่สำคัญถึงประเทศไทยจะยังไม่ศิวิไลซ์..จนถึงการมี “ลูกขุน” เป็นผู้ชี้ถูกชี้ผิด..แต่เราก็พ้นจากความป่าเถื่อนมาแล้ว..จากการชี้ถูกชี้ผิดโดยคนๆ เดียว..
ด้วยความเคารพต่อ..สถาบันที่มันผู้นั้นสังกัด..ด้วยคารวะต่อ..เครื่องแบบอันทรงเกียรติที่ท่านสวมใส่..เรา..จึงไม่ออกชื่อ..“มัน” ผู้กำลัง “บ้าคลั่ง” ต่อการที่จะสร้างวิกฤติการณ์การเมืองครั้งใหม่..แต่เราต้อง..ส่งดอกไม้ช่อใหญ่ไปให้..พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์..ทำให้รู้ว่า “ใครคือมัน”