มานั่งลำดับเหตุการณ์ในบ้านเมืองดูแล้ว รู้สึกเกิดความกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะยังนึกไม่ออกว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มันจะไปลงเอยที่ตรงไหน
เพราะนับเนื่องมาต้งแต่หลังการปฏิวัติรัฐประหาร จนถึงรัฐบาลที่มาจากวิถีทางประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ
ก็ยังคงมีคนกลุ่มเล็กๆ ไม่กี่ก๊ก กี่พวก ที่โยงใยเป็นอันหนึ่งเดียวกัน ออกมาขัดขวางการบริหาร การพัฒนาบ้านเมืองอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อย
และยิ่งหนักข้อมากขึ้นเป็นลำดับ นับตั้งแต่เริ่มบอกเล่าสังคมด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ปกป้องรักษาสิ่งที่เป็นมรดกจากอำนาจเผด็จการที่เกิดขึ้นในช่วงการรัฐประหาร
ที่ทำให้มองได้ว่าคนที่ออกมาสนับสนุน เชิดชู และอยู่ข้างเดียวกับพวกที่ใช้กำลังล้มล้างการปกครองประเทศ ฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ก็น่าจะมีหัวใจอันเป็นเผด็จการไม่ผิดแผกแตกต่างกัน
และขณะเดียวกันคนพวกนี้เองก็ยังรุกคืบสร้างความวุ่นวาย ด้วยการอแกมายุยงปลุกปั่นผ่านสื่อสารพัดรูปแบบ ที่อยู่ในมือตัวเองและเครือข่าย
โดยเฉพาะสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือความพยยามแอบอ้างเบื้องสูงมาโดยตลอด
พยายามจะสื่อสารให้ผู้คนเข้าใจว่ากลุ่มของตัวเองจะออกมาปกป้องสถาบัน และพยายามใช้เป็นข้อกล่าวอ้างฟาดฟันฝ่ายตรงกันข้าม ว่าเป็นคนไม่จงรักภักดี
ทั้งๆ ที่ข้อหานี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะประการที่หนึ่งเป็นเรื่องในใจที่วัดกันได้ยากลำบาก และที่สำคัญไม่น่าเชื่อว่าจะคนไทยคนหนึ่งคนใด ที่ไม่รักและเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้แต่ถึงกลุ่มพันธมิตรฯ หรือพรรคประชาธิปัตย์ เองก็ตาม
เพียงแต่เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่พยายามแอบอ้าง เป็นคนที่หมดหนทางต่อสู้ อาจจะนึกหนทางไม่ออก หรือมีเป้าหมายที่คิดร้ายต่อบ้านเมือง
หวังที่จะสร้างความแตกแยก ดึงคนไทยที่จงรักภักดีออกมาเป็นพรรคพวก เพื่อหวังผลทางการเมือง หรือมุ่งสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น แบ่งคนไทยออกเป็นฝักเป็นฝ่าย ให้คนไทยเข่นฆ่ากันเอง
วิธีคิดของคนเหลานี้เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว และเคยใช้ปลุกระดมผู้คนได้ผลมาแล้วหลายครั้งหลายหนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่เกิดการนองเลือดมาคร้งแล้วครั้งเล่า
การรุกคืบที่ดูเสมือนว่าจะพยายามจุดชนวนความรุนแรง ที่เป็นเสมือนหนทางสุดท้าย ยังเสมือนเป็นการเชื่อเชิญให้ทหารเข้ายึดอำนาจการปกครองอีกครั้ง ด้วยความชอบธรรม
ขณะเดียวกันก็ชวนให้คิดว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองคงจะไม่เกิดความสงบขึ้นได้ง่ายๆ ตราบเท่าที่กลุ่มคนจ้องทำลายยังไม่เลิกรา และยังคงเล่นแรงขึ้นทุกวันเช่นนี้
คำถามที่ว่าเหตุการณ์วุ่นวายในบ้านเมืองจะมใข้อยุติลงตรงไหน อย่างไร ? คงเป็นคำถามในใจใครต่อใครหลายคน
เป็นไปได้อย่างที่มีบาวงคนวิเคราะห์หรือไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้สุกงอมเกินกว่าจะหลีกเลี่ยงการเผชอญหน้า หรือการปะทะกันได้เสียแล้ว
หรือจะต้องให้บาดเจ็บล้มตายกันไปข้างหนึ่ง ต้องเกิดความสูญเสียกันอีกคร้ง ย้านเมืองถึงจะกลับสู่สภาวะปกติได้อย่างนั้นหรือเปล่า
เพราะบนเงื่อนไขที่เป็นอยู่ในขณะนี้ การจะจับคน 2 ขั้ว ที่คิดต่างกันโดยสิ้นเชิง และขณะที่คนกลุ่มหนึ่งมีธงในการจ้องทำลายชัดเจน การพูดจาสมานฉันท์คงเป็นไปได้ลำบากยากยิ่ง
เหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคิดให้จงหนัก
หากจะหลีกเลี่ยงความเสียหายไม่พ้นจริงๆ แล้ว เห็นทีจะต้องเลือกหนทางที่เกิดความเสียหายน้อยที่สุดพี่น้องปรัชารชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต้องได้รับผลกระทบนจ้อยที่สุด และเศรษฐกิจของประเทศชาติต้องเสียหายน้อยที่สุด
หากใครก็ตามยังคงยุยงปลุกปั่น มีพฤติกรรมที่ส่อว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เห็นที่รัฐบาลจะต้องอกมาปราบปราม จัดการให้เด็ดขาดก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย ก่อนที่คนไทยจะหลงกลกระโดดลงไปร่วมวงแล้วหันหน้ามาเข่นฆ่ากันเอง
การฆ่าหมาซักตัวถึงจะบาป แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เที่ยววิ่งไล่กัดคนนะครับ...!!