WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, May 16, 2008

การเมืองกับกีฬา

กำลังนึกดีใจอยู่เชียวขณะนั่งดูฟุตบอลรายการหนึ่ง ว่านี่คงเป็นหนึ่งในเรื่องราวน้อยนิดที่ไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของการ “กระชับมิตร” ด้วยกีฬาล้วนๆ

กำลังอมยิ้มฝันหวานตกอยู่ในห้วงความรู้สึกอันสบายใจ ก็ปรากฏว่าจู่ๆ ก็เกิดการ “วอล์กเอาต์” ผู้เล่นฝ่ายหนึ่งเดินออกจากสนามไปหน้าตาเฉยเสียอย่างนั้น

ขนาดคนดูที่ไม่ได้เชียร์ฝั่งไหนเป็นพิเศษ ก็ยังอึ้งและเสียความรู้สึกขนาดนั้น แล้วคนที่ดูอยู่ในสนาม เดินลงสนาม เล่นอยู่ในสนาม (อย่างกำลังสนุกสนาน) จะเสียความรู้สึกมากแค่ไหน

ที่สำคัญ สุดท้ายนี่ก็กลายเป็นอีกครั้งที่ยืนยันว่า กีฬากับการเมือง ไม่ใช่คนละเรื่องเดียวกัน

เร็วๆ นี้ก็เพิ่งมีการตั้งประเด็นถกเถียงกรณีการประท้วงคบเพลิงโอลิมปิก ตลอดจนการบอยคอตจากคนสำคัญที่ปฏิเสธไม่ไปร่วมงานพิธีเปิด หรือร่วมในกระบวนการตามที่ทางการจีนเชิญไป ด้วยเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ นั่นคือ เรื่องราวข้อพิพาทระหว่างจีนกับทิเบต ที่มองว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนทิเบตอย่างร้ายแรง

บางคนมองว่าต้องแยกกันระหว่างการแข่งขันกีฬากับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสองคู่กรณีดังกล่าว แต่อีกจำนวนไม่น้อยเลยที่มีความเห็นว่าทุกเรื่องราวมีมิติสัมพันธ์กัน และควรใช้โอกาสนี้ส่งสัญญาณไปถึงจีน

ถ้าพฤติกรรมด้านหนึ่งยังไม่เป็นที่ยอมรับได้ จะให้ไปร่วมสังฆกรรมในอีกพฤติกรรมหนึ่ง ก็เต็มกลืน...ว่างั้นเถอะ

กลับมาที่สนามบอลเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศโลกที่สาม กับการแข่งขันแมตช์เล็กๆ ที่คงไม่เป็นข่าวใหญ่โตจนสามารถสร้างโอกาสทางการเมืองใดๆ ได้อย่างโอลิมปิก...แต่ในที่สุดก็ยังถูกใช้เป็นพื้นที่ในการประกาศจุดยืนหรือความคิดเห็นทางการเมือง (หรือความรู้สึกส่วนตัว) อย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง และ (เกือบจะ) เผ็ดร้อน ชนิดที่หลายคนหน้าจอทีวียังมึนงง ว่าเอากันจริงหรือนี่ กีฬากระชับมิตรเชื่อมสัมพันธ์ที่เป็นโอกาสให้ปล่อยวางเรื่องราวขัดแย้งทุกอย่างลงก่อนชั่วคราว มันไม่มีอยู่จริง ไม่มีทางเป็นไปได้จริงหรอกหรือนี่...

เช่นนี้แล้ว ยังจะมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใดอีกเล่า ที่จะเหลือให้คนที่ต้องต่อสู้กันในหน้าที่การงาน พักรบมาจับมือกันได้ หรือว่าไม่มีอีกแล้ว

เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ ในโลกที่ทุกวันนี้มิติทางสังคมต่างๆ เกี่ยวพันอีนุงตุงนังกันไปหมด แม้แต่กีฬาที่เคย (มีคนพยายาม) แยกขาดจากการเมืองก็อาจไม่มีข้อยกเว้น

แล้วต่อไป สนามกีฬาก็อาจกลายเป็นอีกพื้นที่หนึ่งในการปะทะ เพียงแต่มีกฎใบเหลือง-ใบแดงแตกต่างจากสนามการเมืองอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง