นายกฯ สุดทน ถูกสื่อกล่าวหา รัฐบาลนำเขาพระวิหารไปแลกผลประโยชน์กับกัมพูชา สั่งทนายฟ้องดำเนินคดีพรุ่งนี้ทันที ระบุมีคนจ้องทำลายรัฐบาลให้พังพินาศ โอดครวญมันอะไรกันนักหนา ถึงแต่งเรื่องกันแบบนี้ ประชาชนส่งซิกให้ปิด เอเอสทีวีไปเลย เพื่อตัดปัญหา วันนี้ (11 พ.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ตอนหนึ่งถึงข้อกล่าวหามีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ตอนหลังมีอีกหนึ่งฉบับ กล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีจะไปหากินกับเรื่องขุดน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนในกัมพูชาโดยจะเอาเขาพระวิหารไปแลก อย่างนี้ตนยอมไม่ได้ แต่วันนี้มีอีกฉบับเอาด้วย เป็นสารคดีว่าจะเอาเขาพระวิหารไปแลกกับผลประโยชน์ คือไปหากินกับการขุด ดังนั้น พรุ่งนี้ (12 พ.ค.) ทนายความของตนมีงานทำแน่นอน ตอนนี้ให้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเสร็จแล้ว ตนจะไม่ชี้แจงอะไรต้องไปศาลอย่างเดียว
“ทำไมถึงเอากันขนาดนี้ คนอย่างผมนะหรือจะเอาเขาพระวิหารไปแลกผลประโยชน์เพื่อที่จะไปขุด ไปยุ่งอะไรกับเขาก็ไม่ได้ยุ่ง เรื่องเขาพระวิหารตอนนี้เป็นเรื่องภายในของเขา เพราะกัมพูชาจะเอาเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก ของเราฝ่ายทหารและกระทรวงการต่างประเทศก็ดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด ถึงวันนี้ก็ไม่รู้อะไรกันนักหนาถึงได้แต่งเรื่องขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ เช้าขึ้นมาก็มีข่าวที่ไม่เป็นมงคล” นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร ยังชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เขาพระวิหารที่งอกออกไปนั้นเป็นส่วนของกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ทางกัมพูชากำลังรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการเลือกกันในเดือนกรกฎาคมนี้ ก็มีพูดว่าจะนำเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งตอนที่ตนได้ไปพบกับนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เขาก็บอกว่าไม่มีปัญหา เพราะเขาจะเอาแต่ตัวอาคารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ถ้าแค่นั้นก็ไม่มีปัญหา แต่ทางฝ่ายมรดกโลกกลับบอกว่าจะต้องขึ้นทะเบียนบริเวณพื้นที่ด้วย ไทยก็เลยบอกไปว่าถ้าเอาพื้นที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกไทยก็ต้องขึ้นด้วย เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนของสองประเทศ ถ้าหากจะขึ้นทะเบียนก็ต้องขึ้นด้วยกัน จากนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา นายซกอัน ก็มาเจรจากับ รมว.ต่างประเทศของเรา ก็ไม่มีปัญหาอื่นเลย
“แต่ไอ้คนที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดเรื่องคือหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย ปลุกปั่นกล่าวหาว่าผมจะเอาเขาพระวิหารไปแลกกับการผลิตน้ำมัน น้ำมันก็ไม่ใช่เรื่องของผม เขาพระวิหารก็ไม่ใช่เรื่องของผม เขาตกลงกันได้เรียบร้อยทุกอย่างว่า เขาพระวิหารด้านบนนั้นศาลโลก เขาตัดสินแล้วว่าเป็นของกัมพูชา เพียงแต่เวลาจะเอาพื้นที่โดยรอบไปขึ้นทะเบียน ไทยบอกไม่ได้เราต้องขึ้นทะเบียนด้วยเพราะเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่ดูแลด้วยกัน เรื่องมีเท่านี้ แต่ต้องการทำทุกวิถีทางที่ต้องการทำให้รัฐบาลชุดนี้มันพังให้ได้ ให้เสียหาย อย่างนี้คุณต้องขึ้นศาลแน่นอน ตอนแรกฉบับเดียวคราวนี้ต้อง 2 ฉบับ ก็ลองดูกันต่อไปว่าจะไปถึงไหนอย่างไร”นายสมัครกล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายมีประชาชนเสนอให้รัฐบาลปิดสถานีเอเอสทีวีไปเลยเพื่อตัดปัญหา นายสมัคร กล่าวว่า “ไม่ได้ เพราะศาลให้การคุ้มครองอยู่ แต่ยอมรับว่าด่ารุนแรงมากด่าทุกวันด่าเสียหายเหมือนผมเป็นคนร้ายที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองอยู่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอย่างไรถึงได้ทำอย่างนี้ได้”