สมัคร ลงนามตั้งแท่นสอบวินัยร้ายแรงข้อหาใหม่ หลังพบ หลายครั้งหลายคา หลบเลี่ยงแสดงความจงรักภักดี ส่อผิดอาญามาตรา 112 โทษหนัก 15 ปี
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามเห็นชอบตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพิ่มเติมในข้อหาใหม่อีก ตามที่นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอเรื่องขึ้นมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 51 หลังคณะกรรมการชุดนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เป็นประธานสอบสวนแล้วเห็นว่า มีมูลสมควรกล่าวหา เนื่องจากพบว่าในอดีตที่ผ่านมา มีการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอันไม่เหมาะสมและมิบังควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์หลายเรื่อง ปรากฎตามหนังสือ อาทิ
2.2.1 คือ เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 50 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรและประทับรักษาพระองค์อยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับ มีข้าราชการและประชาชนมาเข้าเฝ้าฯส่งเสด็จเป็นจำนวนมาก แต่ในวันดังกล่าว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้มาร่วมส่งเสด็จ ทั้งที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีหน้าที่สำคัญในการถวายอารักขาความปลอดภัย ถือ เป็นการเพิกเฉยต่อภารกิจดังกล่าว
2.2.2 เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 50 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ ณ ลานพระราชวังดุสิต ในการนี้ เลขาธิการพระราชวังได้มีหนังสือแจ้งให้ ผบ.ตร.ทราบเพื่อสั่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ และกองบัญชาการทหารสูงสุดได้มีหนังสือเชิญ ผบ.ตร.เข้าร่วมงานพิธีดังกล่าว เพื่อเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระเกียรติและแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปรากฏว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่ได้ไปร่วมงานพิธีอีก แต่กลับไปร่วมงานแสดงความยินดีกับนายบุญยงค์ กมลเลิศวรา (กลุ่มเพื่อนเสรี) เปิดสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพ และยังไปร่วมงานแต่งงานของบุคคลอื่นอีก
2.2.3 เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 50 สำนักงาน ก.พ.ประกอบพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกล่าวนำคณะรัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงของทุกส่วนราชการเข้าร่วมพิธี ในการนี้สำนักงาน ก.พ.ได้มีหนังสือเชิญ ผบ.ตร.เข้าร่วมพิธีในวันดังกล่าว แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่ได้เข้าร่วมพิธีด้วยตนเอง มอบหมายให้รอง ผบ.ตร.ไปร่วมพิธีแทน โดยอ้างว่าติดภารกิจที่จะต้องเป็นประธานในพิธี แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่มาเป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ในส่วนที่จัดขึ้น ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่ามีความรู้สึกอย่างไรต่อสถาบัน
2.2.4 เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 51 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เดินทางไปประชุมตำรวจในสังกัดกองบัญชาการสอบสวนกลาง ช่วงหนึ่งของการประชุมได้กล่าวพาดพิงสถาบันในลักษณะที่มิบังควรอย่างยิ่ง ทั้งที่งานรักษาความปลอดภัยแด่องค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นหน้าที่หลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น ย่อมแสดงให้เห็นว่า เหตุใด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงได้สั่งการโดยให้ถ้อยคำว่า “ควายหรือเปล่า” เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงถึงความจงรักภักดีที่สมควรงดจัดงานแข่งขันกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 51 ระหว่างวันที่ 21-28 มีนาคม 51”
ในหนังสือยังระบุให้คณะกรรมการสอบสวนแจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการต่อไป กรณีมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า พฤติการณ์และการกระทำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อาจเข้าข่ายการกระทำผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ระบุว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี