WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, May 12, 2008

คลังนัดถก'พลังงาน-อุตฯ' ใช้พลังงานทางเลือกเร็วที่สุด

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง เตรียมหารือกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อกำหนดมาตรการร่วมกันในการเร่งรัดให้เกิดการประหยัดพลังงานและการหันไปใช้พลังงานทางเลือกโดยเร็ว เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีมาตรการชัดเจนเพื่อจูงใจให้เกิดการประหยัดพลังงานมากขึ้น เพราะราคาน้ำมันยังพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง และการลดภาษีสรรพสามิตเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้น้ำมัน ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จะสูงขึ้นมาอยู่ที่กว่าร้อยละ 6 จากเดิมที่ระดับร้อยละ 4-5 ตามราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจมีผลให้การใช้จ่ายในประเทศโดยรวมชะลอตัวลงบ้าง แต่รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ทำควบคู่ไปกับการดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่รับได้ พร้อมทั้งรณรงค์การประหยัดพลังงานอย่างเต็มที่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงการคลังจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาตรการที่ 4 เร็วๆ นี้เช่นกัน เพื่อดูแลให้เศรษฐกิจเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มคนที่ได้รับประโยชน์ครั้งนี้จะเป็นวงกว้าง ส่วนจะใช่มาตรการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตร้อยละ 6 แน่นอน แม้ว่าราคาน้ำมันยังคงผันผวน แต่ทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามดูแลเรื่องเงินเฟ้อและราคาพลังงานอย่างเต็มที่ มั่นใจว่า ปัญหาเงินเฟ้อไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีปัญหาแต่อย่างใด

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า จากการเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติและองค์กรต่างๆ เช่น ธนาคารโลก หรือธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ เอดีบี ยังให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้รัฐบาลจะดูแลการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับไตรมาสละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 เพื่อรักษาให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ร้อยละ 6 โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมาก็ขยายตัวร้อยละ 6 เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของประชาชน นักลงทุนและภาคเอกชน หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดการลงทุน