วันที่ 15 พ.ค. เมื่อเวลา 10.30 น. ที่วัดพระยายัง ย่านอุรุพงษ์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 76 ปี โดยมีคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภริยา พร้อมด้วยพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรอง ผบ.ทบ. รวม ถึงนักการเมือง นักธุรกิจ และประชาชน เดินทางมาอวยพรด้วย ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าอวยพร พล.อ.ชวลิต ที่บ้านพักย่านซอยปิ่นประภาคม โดยมีรายงานว่า การพบกันครั้งนี้ได้มีการพูดคุยถึงประเด็นสถานการณ์การเมือง ที่หลายฝ่ายพยายามยั่วยุให้เกิดการปฏิวัติ วอนรัฐบาลมุ่งแก้ปัญหาชาวบ้าน จากนั้น พล.อ.ชวลิตให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ วุ่นวายของบ้านเมือง โดยเฉพาะในสภาขณะนี้ว่าไม่เป็นไร ให้มันยุ่งในนั้นดีแล้ว อย่าไปยุ่งที่อื่นเลย ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะการเมืองต้องมีเรื่องความขัดแย้งกัน หรือมีการต่อว่าต่อขานกันบ้าง อย่าถือเป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาอย่างนี้เกิดมาหลายทีแล้ว อย่าไปสนใจเรื่องดังกล่าว ไม่ควรแก่การสนใจ อย่างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ใช่จะต้องไปทุ่มเทอะไรมากมาย เอาชีวิตเอาชาติเอาประเทศไปอยู่ตรงนั้น มันไม่ใช่อยากจะแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญก็แก้กัน แล้วหันหน้ามาพูดจากัน เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว และก็มีรัฐธรรมนูญอีกฉบับหนึ่ง ถามว่าประเทศได้อะไร ดังนั้น เราควรจะเน้นหนักความเป็นอยู่ของประชาชน เท่าที่เห็นรัฐบาลพยายามทำอยู่ แต่เผอิญสื่อไม่ยอมให้เนื้อที่ข่าว มัวแต่ไปพูดเรื่องรัฐธรรมนูญ ทำให้ประชาชนเกิดความไม่สบายใจและสับสน ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีอะไร นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หรือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทยก็ดี รวมถึงรัฐมนตรีต่างๆก็พยายามทำแก้ไขปัญหาเรื่องความยากจนหรือปัญหายาเสพติด รวมถึงปัญหาที่ดิน แต่เผอิญไม่มีเนื้อที่ลงข่าวพวกนี้ มัวแต่ไปลงข่าวแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ม.237 และ 309 ซึ่ง รธน.ถือเป็นเรื่องสำคัญจริง แต่อย่าไปให้ความสำคัญ จนกระทั่งลืมประเทศชาติและลืมประชาชน ตอกย้ำคนไทยรักสถาบันสูงสุด เมื่อถามว่า การเมืองพยายามดึงสถาบันมาใช้เป็นเกมการเมือง พล.อ.ชวลิตตอบว่า สถาบันของเราเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นชาติ ฉะนั้น บางทีลูกหลานอาจจะไม่เข้าใจเราอยู่มาเป็นพันปี จะต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของเรา จะเป็นอื่นไม่ได้หรอก คนไทยรู้ดี ไม่ต้องห่วงหรอกอาจจะมีการดึงมาบ้าง หรือเข้าใจผิดกันบ้าง ความคิดก้าวหน้าแบบสาธารณะรัฐอาจจะมีบ้าง แต่ถือว่าน้อยมาก คงจะมาล้มล้างความเป็นไทยของเรา สัญลักษณ์ แห่งชาติของเรา ความเป็นเอกภาพของชาติเรา คงทำไม่ได้หรอก ดังนั้นอย่าไปหวั่นไหวอะไรยืนให้มั่นคง พอได้แล้วทหารยึดอำนาจ เมื่อถามว่าแต่ถ้าคนที่มีแนวคิดนี้และอยู่ในระดับผู้นำของประเทศ หรือเป็นผู้ที่สามารถผลักดันนโยบายน่าเป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.ชวลิตตอบว่าไม่มีอย่างนั้น แต่ อาจจะมีการผิดพลาดพลั้งเผลอไปบ้าง ก็ต้องว่ากันซะ พูดจริงพูดเล่นหรือเข้าใจหรือเปล่าที่พูดอย่างนี้ จริงๆต้องไปกราบพระบาทหรือออกมาพูดว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง ถ้าเราทำความเข้าใจอย่างนั้นคงไม่มีอะไร เพราะเรามองก็รู้แล้วสบายใจได้เรื่องนี้ เมื่อถามว่า มองอย่างไรถึงกระแสข่าวการปฏิวัติ พล.อ.ชวลิตตอบว่า ใครจะปฏิวัติอีกละลูก มันไม่ไหวแล้วนะ บอกหลายทีแล้ว มันไม่ใช่เป็นการปฏิวัติ แต่มันเป็นการยึดอำนาจหรือ คูเดตา ยึดอำนาจไม่ใช่ปฏิวัติ ปฏิวัติก็ดีสิ มันจะได้เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีขึ้นเสียที แจกหนังสือต่อต้านขบวนการชั่ว ผู้สื่อข่าวรายงานการจัดงานวันเกิดในปีนี้ พล.อ. ชวลิต ได้แจกพระพิฆเนศ และหนังสือ “แนวทางประเทศไทย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิถี การต่อสู้เอาชนะภัยความมั่นคงของชาติ” ทั้งนี้ ในหนังสือฉบับดังกล่าว พล.อ.ชวลิตได้เขียนปรารภในตอนหนึ่งว่า ได้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ดื้อรั้นบางกลุ่มหันมาใช้ยุทธวิธีแนวร่วม อย่างเต็มที่โดยพยายามใช้วิธี การต่างๆ เช่น ชุบตัวในสถาบันวิชาการ เข้าร่วมทำเศรษฐกิจทุนนิยมเข้าร่วมถืออำนาจรัฐยุยงให้ทั้งฝ่ายรัฐ และฝ่ายทุนทำผิดให้มากๆ จึงมีการกล่าวกันว่าปัจจุบันมีขบวนการบ่อนทำลายประเทศ โดยใช้ระบบเผด็จการรัฐสภาเป็นเครื่องมือดำเนินยุทธวิธีแนวร่วมเพื่อก่อสงครามกลางเมืองเพื่อเปลี่ยนรูปของประเทศจากราชอาณาจักรไปสู่สาธารณรัฐโดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นอาวุธหลักด้วยเหตุ และปัจจัยของความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงของผู้คนในสังคม ในปัจจุบันความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงของผู้คนในสังคมในปัจจุบันเป็นแรงผลักดันให้ตน และผู้รักชาติรักประชาธิปไตยไม่อาจทนนิ่งเฉย เพราะเป็นความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองเป็นภารกิจแห่งชีวิตที่จะต้องดำเนินการเพื่อยุติปัญหาทั้งมวลลง โดยเฉพาะกับความเห็นที่ผิดๆ หรือที่เรียกว่า “มิจฉาทิฐิ” ที่ก่อตัวขึ้นเป็นขบวนการบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติที่เรียกว่า “ขบวนการสาธารณรัฐ” มีความมุ่งหมายและดำเนินการ โดยยุทธวิธีแนวร่วมเพื่อล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า และในฐานะที่ได้ผ่านพิธีศักดิ์สิทธิ์ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา และเป็นหนึ่งของสมาชิกเหรียญรามาธิบดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ได้รับพระราชทานเหรียญชั้นมหาโยธิน จึงขอประกาศต่อสู้กับกลุ่มบุคคลทุกกลุ่มที่กระทำการกระทบกระเทือนและเป็นปรปักษ์ต่อสถาบันหลักของชาติ และมีลักษณะรบกวนเบื้องพระยุคลบาทไม่ว่ากรณีใดๆต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี