เสียงปฏิวัติอื้ออึง!
เป็น “เสียง” ที่อึงอลมาตลอดในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้
ไม่ว่าจะเป็น การเดินเกม ปล่อยข่าวโจมตี “ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง” ที่พ่นออกมาจากฟากฝั่ง พระแม่ธรณีบีบมวยผม
ไม่ว่าจะเป็น การปล่อยข่าว กองทัพตบเท้าเข้า “บ้านสี่เสาเทเวศร์” ตอนตี 1 วันเดียวกันกับที่ หัวหน้า 6 พรรคร่วมรัฐบาลกำลังดินเนอร์กันอย่างชื่นมื่น
ไม่ว่าจะเป็น ข่าวลือ การยอมสูญเสีย “เขาพระวิหาร” เพื่อแลกกับผลประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณอ่าวไทย
อันหมายถึง “น้ำมัน” และ “ก๊าซ”
และไม่ว่าจะเป็น ข่าวปล่อย สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ รายงานทุก 3 เดือน ก็ให้เชื่อมโยงไปว่า นายกฯ ลาออก!
เหล่านี้ที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดเป็นกระบวนการสร้างข่าว ปล่อยข่าว อย่างเป็น “รูปธรรม” ชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นฝีมือ “มือที่มองไม่เห็น”
หรือไม่ว่าจะเป็น “ไอ้หัวเถิก” ก็ตาม
ล้วนเป็น “กลิ่น” ของภาวการณ์ที่เหล่ากูรู ต่างตั้งข้อสังเกต
ประหนึ่งจะคล้ายๆ กับในห้วงภาวการณ์ก่อนเกิดรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
หรือแม้แต่ ปรากฏการณ์การมือง ที่ต่างค่อนขอดในกลิ่น “น้ำเน่า”
ไม่ว่าจะเป็น การโหวตเลือก ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ ชัย ชิดชอบ ท่ามกลางกระแส “แรงหนุน” และ “แรงต้าน” จาก “คนใน” พลังประชาชน ต่อยอดแรงกระเพื่อมไปถึง พรรคร่วมรัฐบาล
โดยเฉพาะ “เติ้ง เสี่ยว หาร” หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่ออกอาการ “มาก” ถึง “มากที่สุด”
จึงได้เห็น “เสียง” ที่ปรากฏ 283 ต่อ 158 งดออกเสียง 12
กับ 2 เสียงที่แปรพักตร์...
และไม่ว่าจะเป็น การติดเครื่องเดินหน้าผลักดันแก้ไข รัฐธรรมนูญ 2550 ที่ลดทอนกระแส “ฝ่ายหนุน” และ “ฝ่ายต้าน” ให้แผ่วบางลงอยู่บ้าง
ด้วยส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันในหลักการ “ต้องแก้” แต่จะแก้กันอย่างไร แบบไหน ก็ให้เป็นหน้าที่ของ สภาผู้แทนราษฎร ชัดเจนแจ่มแจ้ง!
และแน่แท้ที่จะมิทันในสัปดาห์สุดท้ายของการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ที่จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
เป็นห้วงเวลา 4-5 เดือนอาจลดทอน “ความรุนแรง” ในสถานการณ์ของบ้านเมือง
มิให้เป็นดังคำทำนายทายทักจะเกิดเหตุ “นองเลือด” ในเดือนพฤษภาคมนี้
ปรากฏการณ์...เหตุการณ์ เหล่านี้ ล้วนอยู่ใน “สายพระเนตร”
เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดมาจากคำพูดของ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.)
“พระองค์ท่าน ทรงสดับตรับฟังสถานการณ์บ้านเมืองทุกเรื่อง ทุกคนต้องทำให้ดีที่สุด เราควรจะรู้ว่า “สิ่งที่ดีที่สุด” ที่พระองค์ท่านอยากเห็นว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร...
...ฝากทุกคนทุ่มเททำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ก้าวก่ายงานของคนอื่น มีความซื่อสัตย์สุจริต ยึดแนวทาง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นมาตรฐานที่ทุกคนควรยึดเหนี่ยว เมื่อทุกคนปฏิบัติตามประเทศชาติก็จะเกิดความรุ่งเรือง
ขณะนี้ความสามัคคีของบ้านเมืองมีปัญหามากที่สุด...
โดยเฉพาะความแตกแยกของกลุ่มต่างๆ ดังนั้น ทุกฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากันและทำให้เกิดเป็นปึกแผ่น อย่าให้เขามาว่าคนไทยได้ว่าไม่มีความสามารถในการทำงานร่วมกันเป็น “ทีมเวิร์ก”
ทั้งยังออกมายืนยันในถ้อยคำ “ไม่มีการปฏิวัติ” และไม่มีใครมา “จุดชนวน” กองทัพได้
“อยากให้ทุกฝ่ายทำงานกันด้วยความระมัดระวังอยู่บนพื้นฐาน และบทบาทของตัวเอง แล้วประเทศชาติจะเรียบร้อย”
แม้เป็นถ้อยเรียงมาจาก ผบ.สส. แต่นั่นย่อมสะท้อนให้เห็นถึง “ความห่วงใย” ในชาติบ้านเมือง
แม้มิได้เป็น “คนไทย” ที่รักชาติบ้านเมืองสักเต็มประดา
แต่เมื่อ “ความจงรักภักดี” เกิดขึ้นในจิตใจ อันน้อมนำไปสู่ “สถาบัน” สูงสุด
เช่นนี้แล้ว จึงควรได้ “เปิดตา” และ “เปิดใจ”
และ “เปิดความคิด”...
อันจะเนื่องนำไปสู่ “ความเป็นหนึ่งเดียว” ...
เพื่อประเทศชาติ เพื่อคนในชาติ
และเพื่อ “สายพระเนตร” ที่เฝ้ามองลงมาจากเบื้องบน...
สายน้ำจันทน์ (แทน)