แม้เรื่องการนำสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือที่ฝ่ายต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงรัฐบาล จะออกมาพูด เล่าแจ้งแถลงไขตรงกันว่า เป็นการ “ดึงฟ้าต่ำ” ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะนำมากล่าวอ้าง...!!!
โดยเฉพาะดูจะเป็นแผนเพื่อแบ่งแยกคนไทย และก่อให้เกิดความรุนแรงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองในท้ายสุด ซึ่งทุกฝ่ายก็ควรจะหยุด โดยเฉพาะในซีกของฝ่ายการเมือง
ส่วนที่ได้มีการแจ้งความฟ้องร้องไปแล้ว ก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ควรขยายความให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท...???
มองแล้วก็น่าจะมาจากเหตุผลในหลายต่อหลายคดี โดยเฉพาะเมื่อกล่าวอ้างล้มล้างสถาบันเป็น 1 ใน 4 ข้อกล่าวหาที่มีต่ออดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ให้คณะนายทหารฉกฉวยโอกาสใช้กำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ของชาติเข้าทำการยึดอำนาจการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไปจากประชาชนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
แต่ท้ายสุดก็ได้รับการพิสูจน์จากศาลสถิตยุติธรรมแล้วว่า ไม่เป็นความจริง...!!!
แต่ก็สายไปเสียแล้วเช่นเดียวกัน เมื่อประเทศชาติและประชาชนกว่า 60 ล้านคน กลับต้องตกเป็นผู้รับกรรมต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาลจวบจนมาถึง ณ วันนี้
แล้วเหตุใดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงต้องออกมาให้สัมภาษณ์สดๆ ร้อนๆ กระหน่ำซ้ำเติม
ที่ดูราวจะหยิบยกเรื่องอ่อนไหวที่หากไม่ใช่ความจริงแล้ว จะสร้างความเสียหายให้แก่สังคมโดยรวม มาจุดเชื้อไฟขึ้นอีก แถมแทงกั๊กไว้ด้วยว่า ไม่อยากให้เป็นปัญหาทางการเมือง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า”กำลังเตรียมทำจดหมายถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับความกังวลต่อทัศนคติของนายจักรภพ ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงไม่อยากให้เป็นปัญหาทางการเมือง แต่ก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ และปกป้องสถาบันของชาติ”
แถมยังหยอดต่ออีกว่า หากใครมีโอกาสได้เห็นการถอดเทป ซึ่งตอนนี้ก็มีความพยายามที่จะเบี่ยงเบนว่า เป็นปัญหาที่การแปล พวกตนหลายคนคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ จึงเข้าใจประเด็นของการปาฐกถาเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าเป็นทัศนคติที่อันตราย แต่ก็ได้มีคนไปแจ้งความดำเนินคดีในเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
เลยเถิดไปถึงปูดข่าวว่า กำลังมีกระบวนการต่างๆ ที่ดำเนินการทางสังคมอยู่ เมื่อท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาลท่านต้องจัดการ...???
นายอภิสิทธิ์ คงลืมไปแล้วว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่จะสงบเงียบได้ ก็อยู่ที่พรรคฝ่ายค้านด้วย หากมีสปิริตหรือความรับผิดชอบต่อส่วนรวมจริง ซึ่งพรรคฝ่ายค้านควรเล่นอยู่ในกรอบ