ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงบ่ายวานนี้ (15 พ.ค.) มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดเรื่องมาตรการและนโยบายในการแก้ปัญหาราคาข้าว ที่นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ถามนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายจุติ ถามกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประกาศว่าขณะนี้มีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศถึง 6.7 ล้านตัน รออยู่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผย จึงอยากทราบว่า มีความต้องการมากขนาดนั้นจริงหรือไม่ จะให้ประเทศใดบ้าง และลงนามสัญญาเมื่อไร และที่ระบุว่า หากไม่มีใครซื้อข้าวเปลือกตันละ 14,000 บาท ทางกระทรวงพาณิชย์จะรับซื้อเองทั้งหมดนั้น อยากถามว่า จะนำเงินมาจากไหน ทำได้จริงหรือไม่ เพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก หากคิดมูลค่าการซื้อเพียงแค่ครึ่งเดียว จะต้องใช้เงินถึง 44,800 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเรื่องข้าวถุงที่กระทรวงพาณิชย์ได้นำมาจำหน่ายล็อตแรก ราคา 120 บาทต่อถุงนั้น มีจำนวนน้อยมาก ซึ่งไม่พอเพียง จึงอยากถามว่าจะมีมาอีกหรือไม่ และที่บอกว่ามีนโยบายไม่หากำไร เหตุใด ราคาจำหน่ายเมื่อเทียบกับราคาต้นทุนปรากฏว่ามีส่วนต่างถึงถุงละ 35 บาท
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศปริมาณ 6.7 ล้านตัน มีจริง มี 18 ประเทศที่ติดต่อขอซื้อข้าวมาแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด เพราะเกรงว่าจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากบางประเทศมีปัญหาภายในที่มีข้าวไม่พอเพียง และมีบางประเทศมีข้าวให้ประชาชนบริโภคได้แค่ภายใน 2 สัปดาห์ แต่ยืนยันว่า มีประเทศเจรจาสั่งซื้อแน่ อาทิ สิงคโปร์ มาเก๊า สหรัฐอเมริกา ประเทศในสหภาพยุโรป เซเนกัล ไนจีเรีย กานา ซาอุดีอาระเบีย ขณะที่มาเลเซียได้เซ็นสัญญาซื้อแล้ว 200,000 ตัน และยังขอเจรจาจะซื้อเพิ่มอีก ดังนั้น ตอนนี้ที่เป็นปัญหาคือ ผลิตผลอาจมีไม่พอกับปริมาณความต้องการซื้อ เพราะประเมินว่า ข้าวนาปรังจะมีผลผลิต 4 - 4.2 ล้านตัน แต่ตอนนี้อาจจะเหลือแค่ 3 ล้านตันเศษ
รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ข้องใจรัฐบาลจะนำเงินจากไหนในการซื้อข้าวในราคา 14,000 บาทต่อตัน ว่า ไม่ได้บอกว่าจะรับซื้อทั้งหมด ไม่เช่นนั้นอุตสาหกรรมข้าวจะพังทลายทันที ซึ่งตนจะต้องสร้างสมดุลระหว่างคน 3 ฝ่าย คือชาวนา พ่อค้า และผู้บริโภค ที่อยากให้ทุกคนแบ่งปันความทุกข์และความสุขร่วมกัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังรับที่จะเป็นผู้จัดหาเงินในส่วนนี้มาให้
นายมิ่งขวัญ กล่าวด้วยว่า กระทรวงพาณิชย์จะทำข้าวถุงราคาถูกขายไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าราคาข้าวจะปรับขึ้นไปเท่าไร และที่ตั้งราคาไว้ที่ 120 บาทนั้น เพราะมีค่าจัดทำ ค่าขนส่ง ค่าดอกเบี้ย ในขณะที่ต้นทุนข้าวเก่าอยู่ที่ 80-85 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากมีสต็อกข้าวเดิมที่ราคา 6,500 บาทต่อเกวียน แต่ต้องมาเฉลี่ยในส่วนราคาข้าวที่ปรับสูงขึ้นถึง 14,000 บาทต่อเกวียน จึงต้องขายในราคา 120 บาทต่อถุง ซึ่งเหมาะสมกับทุกฝ่าย