ต่อสถานการณ์การเมืองที่หลายต่อหลายคนกำลังจ้องเขม็ง พร้อมวิตกว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นนั้น เสียงเดิมๆ เหตุผลเดิมๆ ก็เริ่มคุขึ้นมาอีก พร ภัทร (แทน)
เพราะพลันที่กลุ่มเผด็จการอำนาจนิยมอำมาตยาธิปไตยพ่ายแพ้ต่อเสียงของประชาชน...!!!
ยุทธศาสตร์ “ตีหัว เอาตัวรอด” ก็ถูกงัดขึ้นมาใช้อีก และหนึ่งในนั้นก็คือ การโยนบ่อเกิดแห่งความวุ่นวายของบ้านเมืองทั้งหมดทั้งปวงให้กับคนคนเดียว และก็เป็นผู้ที่ถูกกระทำมากที่สุด
ที่ต้องนำมาพูดเป็นละครชีวิตอีกเรื่อง ก็เพราะว่า ไม่เพียงแต่ยุทธศาสตร์โยนกองความผิดให้กับคนคนเดียว จะถูกตั้งเป็นธงขึ้นมาจากกลุ่มหัวหอกพันมารแล้ว
เล่ห์กลบิดเบือนความจริง บิดเบือนความผิดของตัวเองเช่นนี้ กำลังถูกกกระจายออกไปอย่างน่าทุเรศ สอดรับกับสังคมไทยที่ยังไม่ค่อยยืนอยู่บนหลักการให้มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน
โดยเฉพาะเมื่อคอลัมนิสต์จากสื่อย่านบางนา เริ่มเขี่ยประเด็น บรรจงร่ายมนต์ ลากเรื่องยาวโยงใยให้เห็นถึงความขัดแย้งที่อาจจะรุนแรงขึ้นในขณะนี้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
ด้วยฝ่าย “นักเลงโต” ที่เคยเป็นผู้กระทำ ถึงครานี้ก็ตกอยู่ในอาการหวาดผวากลัวถูกล้างแค้น...!!!
ขณะที่ฝ่าย “สุภาพชนคนไทย” ที่เป็นผู้ถูกกระทำย่ำยี หลัง 19 กันยายน 2549 ถึงคราที่ลุกขึ้นได้ ก็ตั้งแนวรับพร้อมรุก ด้วยบทเรียนที่ล้ำค่า ที่ไม่อาจไว้ใจได้ต่อเล่ห์เหลี่ยม โกหก ตอแหล ของนักเลงโต
อาการทั้งหมดจึงมายืนจังงัง คุมเชิง ให้เกิดบรรยากาศหวาดหวั่นกันไปทั่ว...!!!
แล้วก็เขียนสรุปปิดท้ายด้วยการโยนกอง ให้ความผิด ความคุกรุ่นของสถานการณ์ที่อาจเกิดความรุนแรงขึ้นได้ทั้งหมด คือคนคนเดียวที่ก่อชนวนขึ้น
ก่อนหน้านี้ก็โยนบาปว่าคดโกง โยนบาปว่าใช้อำนาจแทรกแซง โยนบาปว่ากำลังทำลายสถาบัน โยนบาปว่าขายชาติ โยนบาปว่าเป็นคนที่ทำให้เกิดความแตกแยก โยนบาปว่าไม่มีคุณธรรม และโยนบาปไปถึงรัฐธรรมนูญ 2540 ว่าเปิดช่อง
เข้าแผนปล่อยไปไม่ได้ บ้านเมืองจะเสียหาย จำเป็นต้องลุแก่อำนาจ ยึดการปกครองประเทศด้วยกำลังอาวุธ อ้างยังกับคนไทยโง่ไปทั้งประเทศ...
แต่วันนี้ เมื่อความจริงปรากฏ เมื่อไม่สามารถทำลายอำนาจของประชาชนได้ เมื่อคราที่ตัวเองต้องพบกับทางตัน หาบันไดไม่เจอ จนหวาดผวา...
ก็ใช้ลูกไม้เก่า ปัดสวะความผิดขั้นมหันต์ให้พ้นตัว โยนบาปใหม่ โยนมันทั้งดุ้น โยนมันทั้งยวง ว่าคนคนเดียวนี่แหละที่ทำให้คนไทยแตกแยก
ก็อยากจะบอกเหมือนอย่างที่เคยบอกทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร 19 กันยายน มาจนถึงขณะนี้ว่า
เคยตอบตัวเองหรือไม่ว่า...คนคนเดียวที่กล่าวหาว่าเขาโกงกิน ถ้ามันมากมายอย่างที่โหมกระพือป้ายสีกันจริงๆ แล้ว
ทำไมประเทศชาติมันโตขึ้น เจริญขึ้น มีเงินมากขึ้น มีชื่อเสียงมากขึ้น คนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับประโยชน์มากขึ้น
เคยตอบตัวเองหรือไม่ว่า...ที่กล่าวหาว่าแทรกแซงองค์กรอิสระ แต่พอกลุ่มพวกพ้องตัวเองยึดอำนาจได้ ยิ่งทำหนักแบบหน้าด้านๆ “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” แต่งตั้งพวกตัวเองเข้าไปทั้งดุ้น โดยไม่แยแสเลยว่า
เคยถ่มน้ำลายอะไรไว้ แล้วต้องกลับมากลืนกินเสียเอง หรือแม้แต่โยกย้ายข้าราชการอย่างไม่ยุติธรรมเป็นว่าเล่น ก็หานำมาพูดไม่ เพียงกล่าวอ้างว่าเป็นกลุ่มอำนาจเก่าเท่านั้น
เคยตอบหรือไม่ว่า...ที่ศาลสถิตยุติธรรมพิพากษาให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำคุกในคดีหมิ่นประมาท พร้อมให้เหตุผลแห่งการตัดสินว่า ทั้งหมดที่กระทำเป็นการนำเอาสถาบันเบื้องสูงมากล่าวอ้าง
ขณะที่อัยการกลับสั่งไม่ฟ้องต่อข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หมิ่นสถาบัน ไม่มีมูลแต่อย่างใด
หรือแม้กระทั่งเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า...การโยนความผิดให้รัฐธรรมนูญ 2540 เปิดช่อง เป็นเพียงแค่วาทกรรมลวงโลกเท่านั้น
เพราะแท้จริงแล้ว รัฐธรรมนูญ 2540 คือรัฐธรรมนูญของประชาชน ที่ให้อำนาจแก่ประชาชน มิใช่ให้อำนาจแก่ขุนศึกศักดินา
และท้ายสุด เคยถามตัวเองหรือไม่ว่า...ทำไมคนทั่วบ้านทั่วเมืองจึงยังคงมีปฏิกิริยาต่อกลุ่มอำนาจเผด็จการที่ยึดอำนาจจากประชาชนไปอย่างไม่ลดถอย และจะยิ่งหนักขึ้นด้วย
ซึ่งหากตอบไม่ได้ หรือน้ำท่วมปาก ก็จะบอกให้ว่า...เพราะเขาชิงชัง เขารังเกียจต่อกลุ่มบุคคลที่ชอบหรือสนับสนุนให้มีการใช้กำลังทางทหารเข้าล้มล้างระบอบประชาธิปไตย อย่างน่าขยะแขยง
กฎหมายมีกลับไม่ใช้วิถีทางแห่งกฎหมาย กติกามีกลับไม่ดำเนินการให้ถูกกติกาบ้านเมือง เพื่อให้สังคมได้ตระหนักถึงความถูกต้อง
การยึดอำนาจแล้วฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 ของประชาชนทิ้ง ร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ของอำมาตยาธิปไตยเข้าครอบสังคมไทย ด้วยคนเพียงไม่กี่คนที่ลุแก่อำนาจ ที่ถึงวันนี้แล้วก็ยังไม่สำนึก ที่จะหาวิถีทางลบล้างความผิด ชดเชยความผิดที่ได้กระทำไว้อย่างแสนสาหัสกับคนไทยกว่า 60 ล้านคน
แต่ยังดันทะลึ่ง ดันทุรัง เอาชนะเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ยอมสำนึกในความผิดที่ตัวเองมีอยู่ ยังหน้าด้านที่จะโยนกองความผิดไปให้คนอื่นอีก สถานการณ์ทั้งหมดมันจึงต้องอุบัติขึ้น
อุบัติภายใต้ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ถูกโยนกอง “ไม่เกี่ยว” แต่เป็นธงของคนในระบอบประชาธิปไตย ที่มีหน้าที่ต้อง “กำจัดเชื้อร้ายแห่งระบอบอำมาตยาธิปไตยให้สิ้นซาก”
ความผิดมันมากมายอย่างมหันต์ เกินกว่าที่จะบิดเบือนสังคมได้ หรือที่คนไทยเขาบอกกันว่า “ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดไม่มิด”...มันเป็นละครชีวิตน้ำเน่าแบบเก่าๆ ที่หาความเจริญไม่ได้จริงๆ