WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, May 15, 2008

จัดทัพต้านพันธมิตร เตือน!ชาวนาถูกต้ม

* ‘ดีเอสไอ’จับตาอีเมลเถื่อนเชื่อสาวถึงต้นตอ

พวกจ้องล้มรัฐบาลยังคงเดินหน้าเป็นขบวนการ “มหาประชาชนฯ” ประกาศรวมพลนับแสน จัดทัพต้านพันธมิตรฯ เคลื่อนไหว แฉ! ที่ผ่านมาหลอกตำรวจ ทหาร คน กทม. ไม่สำเร็จ ต้องพุ่งเป้าหลอกชาวนา ชาวไร่ เตือนอย่าหลงกลลวง ขณะเดียวกันรุมถล่มยับอีเมลเถื่อน เนื้อหาอ้างเบื้องสูงปลุกระดมคนไทยแตกแยก ส่อเข้าข่ายกบฏ ด้าน “ดีเอสไอ” ระบุจับตามาแล้วหลายวัน ไม่นานสาวถึงต้นตอแน่ ฉะ “อภิสิทธิ์” ยื่นหนังสือจี้นายกฯ ปลด “จักรภพ” หวังผลทำลายรัฐบาล

ขบวนการขัดขวางการทำงานของรัฐบาล และคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังคงเคลื่อนไหวจุดประเด็นความวุ่นวายในบ้านเมืองไม่เลิกรา โดยล่าสุดในวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์อีกครั้งเป็นฉบับที่ 8 พร้อมกับออกมาแถลงกล่าวหาว่า ยังมีขบวนการคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์ ลามไปถึงกรณีปัญหาเขาพระวิหาร

รวมทั้งยังหยิบปัญหาราคาน้ำมันและราคาข้าวที่เป็นผลกระทบจากตลาดโลก มาเป็นข้ออ้างกล่าวหาว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารงานทางด้านเศรษฐกิจอีก และระบุว่าหากเกิดการรัฐประหาร กลุ่มพันธมิตรฯ ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล

ที่สำคัญในตอนท้ายของแถลงการณ์กลุ่มพันธมิตรฯ ยังเรียกร้องให้เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน ผู้บริโภค ผู้ประกอบการรายย่อย ข้าราชการชั้นผู้น้อยและประชาชนผู้ยากไร้ ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล

ฉะ!หลอกใครไม่เคยสำเร็จ
นายประชา ประสพดี แกนนำกลุ่มมหาประชาชนพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ปลุกระดมชาวไร่ ชาวนาออกมาเคลื่อนไหว ว่า ตั้งแต่กลุ่มพันธมิตรฯดำเนินการมาครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นการดำเนินที่หลอกใครไม่ได้อีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาเคยหลอกข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และกลุ่มคนในเมืองแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ จึงต้องออกมาปลุกระดมชาวไร่ ชาวนา ซึ่งตรงนี้เป็นการออกมาเพื่อทำร้ายตัวเอง

การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาแถลงเป็นกลลวงโลก เป็นพวกฝันกลางวัน การปลุกระดมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีผู้นำทั้ง 5 คนก็เกิดมาจากลูกชาวนาแต่กลับไปหลอกผู้ที่ให้กำเนิด เพราะคิดว่าชาวนาโง่ หลอกง่าย จึงไปโน้มน้าวชาวนาให้หลงเชื่อ โดยเอาเงินไปหลอกเพื่อสร้างแรงจูงใจให้หันมาเชื่อ การกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯเข้าข่ายปลุกปั่นยุยงส่งเสริมมีความผิดตาม มาตรา73

เคลื่อนคนนับแสนต้านพันธมิตร
ทั้งนี้อยากถามไปทางกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเคยกลับไปดูแลชาวไร่ชาวนาหรือไม่ ที่ใส่เสื้อผ้าของนอกแพงๆ ใส่รองเท้าโก้หรู อีกทั้งเกรงว่าชาวนาจะถือมีด ถือจอบ มาขับไล่พันธมิตรฯ เอง เพราะยังไงกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้

นายประชา กล่าวต่อว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร สำหรับการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ทั้งเรื่องใส่ร้าย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่เป็นหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงเรื่อง นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หากรัฐบาลไม่ดำเนินการทางพรรคพลังประชาชนจะเป็นฝ่ายดำเนินการเอง โดยรอดูท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไร

จากนั้นก็จะมีการเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งคาดว่าจะมีคนร่วมขบวนนับแสนแล้วเดินไปทางสะพานผ่านฟ้าเพื่อเข้าสนามหลวงแล้วย้อนกับมาที่อนุเสาวรีย์อีกครั้ง โดยมีรหัสเป็นสีโบเขียว

เตือนชาวนาอย่าหลงกลลวง
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ ไม่ควรดึงเอาสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงอยากฝากให้เกษตรกรชาวไร่ชาวนาอย่าหลงเชื่อกลลวงของกลุ่มพันธมิตรฯ ควรตั้งหน้าปลูกข้าวปลูกมัน ทำไร่ทำนา ไม่ต้องออกมาตะลอน ตากแดดตากลมให้เสียเวลา เพราะถึงยังไงพันธมิตรฯ ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ หากพันธมิตรฯ เป็นห่วงเกษตรกรจริง ต้องจัดตั้งพรรคการเมืองแล้วจัดตั้งรัฐบาล การที่พันธมิตรฯ อาศัยเกษตรกรมาเป็นเครื่องมือ ต้องถามว่าเกษตรกรจะได้รับประโยชน์อะไรจากพันธมิตรฯ

“รัฐบาลเองก็เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องชาวไร่ชาวนา คอยช่วยเหลือเกษตรกรอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา รัฐบาลแก้ปัญหาทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เกษตรกรควรตั้งหน้าตั้งตาหันไปทำไร่ทำนาจะดีกว่า ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าตอนนี้เกษตรกรกำลังถูกหลอก เพราะพันธมิตรฯ หลอกใครไม่ได้อีกแล้ว” นายประชากล่าว

ชี้ชัดพันธมิตรจ้องล้มรัฐบาล
ด้าน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศกำลังเอือมระอากับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งปัญหาต่างๆ ปกติรัฐบาลก็พร้อมจะตอบในสภาทุกครั้งอยู่แล้ว ไม่น่าออกมาเคลื่อนไหวนอกสภา

การกระทำของพันธมิตรฯ เป็นความพยายามในการขยายผล เพื่อโค่นล้มรัฐบาลให้ได้ ที่สำคัญในขณะนี้ยังมีการอ้างเบื้องสูง มาจัดการกับรัฐบาลซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง ในตอนนี้กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังสร้างความแตกแยกให้เกิดในบ้านเมือง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ

ดีเอสไอสาวต้นตออีเมลเถื่อน
ขณะเดียวกันนอกเหนือไปจากการปลุกระดมให้ชาวนาชาวไร่และประชาชนออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ แล้ว ก็ยังพบว่ามีการส่งต่ออีเมลเถื่อนตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา หลายฉบับ มีเนื้อหาอ้างสถาบันเบื้องสูงในทำนองเดียวกัน และนำเอาพระราชดำรัส และบทเพลงพระราชนิพนธ์ปลุกใจ มาเชื่อมโยงกล่าวอ้างให้คนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล

กรณีดังกล่าว นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า เรื่องนี้น่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาเพื่อเป็นการบั่นทอนอำนาจของรัฐบาล หรือสร้างกระแสความสับสนให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลคงไม่ปล่อยนิ่งเฉยอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดีทางดีเอสไอ เองทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และมีการเฝ้าดูการกระทำดังกล้าวมา 2-3 วันแล้ว โดยมีการหารือกับทางสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อหามาตรการดำเนินการโดยเด็ดขาด อันเนื่องมาจากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการก่อความไม่สงบปลุกระดมผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ดีเอสไอ สามารถดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องรอให้มีการยื่นเรื่องร้องเรียน และตนยังเชื่อมั่นในเครื่องมือและเทคโนโลยีของดีเอสไอว่ามีความทันสมัยมากพอที่จะสาวถึงต้นตอผู้กระทำผิดได้อย่างแน่นอน

ปลุกระดมคนส่อเข้าข่ายกบฏ
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีปลุกระดมคนผ่านอีเมลเพื่อโค่นล้มรัฐบาลว่า ในกรณีนี้หากมีการเคลื่อนไหวนอกรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องมีการดูและจัดการให้อยู่ในระบบ เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่เปิดโอกาสให้เคลื่อนไหวนอกระบบ

รวมทั้งการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เข้าข่ายผิดทั้งกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการเคลื่อนไหวนอกกรอบ เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องจัดการ

อีกทั้งรัฐบาลดูแลทั้งทหารและตำรวจคงไม่เปิดโอกาสให้มีการปลุกระดมแน่ แต่เมื่อกลุ่มคนพยายามปลุกคนให้ได้ถึงล้านคนเพื่อโค่นล้มรัฐบาล เป็นการกระทำที่เกินขอบเขตระบอบประชาธิปไตย เข้าข่ายทำตัวเป็นกบฏ ทั้งนี้หากเคลื่อนไหวในกรอบรัฐธรรมนูญ ตามปกติก็เป็นสิทธิที่สามารถสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องแยกแยะออกได้ว่าฝ่ายไหนทำถูกฝ่ายไหนทำผิด

เชื่อประชาชนไม่หลงลมพันธมิตร

ทางด่าน นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า เวลานี้มีความพยายามเล่นการเมืองนอกสภา มีกลุ่มการเมืองข้างถนนพยายามออกมาทำเรื่องต่างๆ ซึ่งต้องเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำควาเข้าใจกับประชาชน การกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำแบบนี้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง อีกทั้งตอนนี้ปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องปากท้อง เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ

หากมีการปลุกระดมประชาชนคงไม่เอา และไม่เข้าร่วมด้วย เพราะประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปลุกระดมประชาชนโดยผ่านช่องทางไหนก็แล้วแต่ ขอให้หยุดกระทำ เพราะว่าตอนนี้รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองควบคู่กันไป

จี้พันธมิตรยอมรับความพ่ายแพ้
อย่างไรก็ตาม การที่ประชาชน 1.5 แสนคน เข้าร่วมการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา เพราะประชาชนมีความเห็นว่าควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นความต้องการของประชาชน และ ส.ส.พรรคพลังประชาชนก็เห็นด้วยว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องมีกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอำนาจโดยตรงของ ส.ส. การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีเหตุผลใด จะออกมาปกป้องผลประโยชน์ที่มาจากเผด็จการ

“จะต้านตะบี้ตะบันไปทำไม หากประชาชนออกมาต่อต้านเพราะไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ เรื่องจะไปกันใหญ่ ขอให้พันธมิตรฯ ถอยเถอะ อย่าสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองอีกเลย ควรปล่อยให้เป็นระบบของรัฐสภา ควรยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะถึงยังไงก็มีคนเลือกให้เป็น ส.ส.แล้ว เพียงแต่ไม่ได้จัดตั้งเป็นรัฐบาลก็เท่านั้นเอง พันธมิตรฯ ต้องทำใจ ต้องรอให้มีการเลือกตั้งใหม่แล้วล่ะถึงจะได้จัดตั้งเป็นรัฐบาล” นายศุภชัยกล่าว

“ไอ้หัวเถิก”เป็นคนทำ
ทางด้าน ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ 2 กล่าวว่า ในประเด็นของอีเมลเถื่อนนั้น เป็นกระบวนการของไอ้หัวเถิก ที่มีเงินลงทุนมาสร้างข้อความ เพื่อชักนำประชาชน และหวังผลให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดเหมือน 19 ตุลาคม 2516 เพราะวัตถุประสงค์เดียวของคนกลุ่มนี้ คือการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550

ส่วน นายจตุพร พรหมพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า วิธีการรัฐประหารที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน 2549 บอกเหตุผลได้อย่างดีว่ามีสัญญานบอกเหตุอะไรบ้าง ที่นำไปสู่เหตุการณ์ดังกล่าว เหมือนกับลักษณะที่คุณทักษิณ เคยโดนเรื่องการหมิ่นต่อสถาบันเบื้องสูง และเรื่องอื่นๆ อีก 4 เรื่อง ซึ่งศาลก็ได้ตัดสินแล้วว่าไม่มีความผิด แต่คณะรัฐประหารก็ได้ยึดอำนาจไปแล้ว

ชี้แก้ รธน.ควรเป็นเรื่องของสภา
พร้อมกล่าวด้วยว่าเหตุการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ คือการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนนำไปสู่การโค่นล้มสถาบันเบื้องสูง หลังจากที่ได้มีการประกาศออกมาชัดเจนในครั้งที่มีการจัดประชุมที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในตอนนี้มีภาคประชาชนที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกลุ่มที่ออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะตอนนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่ารัฐบาลมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่จะเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ และที่บอกว่าเมื่อไรที่มีการยื่นเป็นวาระที่รัฐสภานั้นจะออกมาคัดค้าน ตนมองว่าหากพันธมิตรฯ ไม่เห็นด้วย ก็น่าจะกระทำตามกระบวนการประชาธิปไตยที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 291 ไม่ใช่ออกมาเล่นนอกเกมกันอย่างนี้

เชื่อ ปชช.รู้ใครอยู่เบื้องหลัง
ผมว่าเราควรจะเลิกอ้างเอาสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือได้แล้ว อย่างเรื่องของนายจักรภพที่ถูกหัวหน้าฝ่ายค้านออกมาโจมตี ท่านสมัครก็ได้ออกมาชี้แจ้งข้อเหตุจริงแล้ว หยุดกล่าวหาและนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายผู้อื่น เลิกการกระทำดังกล่าวได้แล้ว

ส่วนประเด็นเรื่องของอีเมลเถื่อน นายจตุพร ได้แสดงความเห็นว่า ทุกวันนี้ผลได้ปรากฏชัดเจนอยู่แล้วว่า ใครอยู่เบื้องหลังกระบวนการดังกล่าว ท่านนายกฯ ก็เคยพูดไปแล้ว กลุ่มไอ้หัวเถิกที่ออกมาสร้างความปั่นป่วน เพื่อขยายผลให้เกิดการนองเลือดของประชาชนคนไทยด้วยกันเอง อยากฝากให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและรับผิดชอบเรื่องดังกล่าว เพราะว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือเพื่อให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้ออกไปได้ หากจะกระทำการใดๆ ก็ตามต้องคำนึงถึงประชาชน และสถาบันเบื้องสูง เพราะเป็นสถาบันที่ประชาชนทุกคนเคารพรักและศรัทธามากๆ

สงสัยทำไมมากันเป็นขบวน
ขณะเดียวกัน มีประเด็นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กรณีนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาจุดชนวนหมิ่นเหม่ต่อสถาบันเบื้องสูงขึ้น โดยพุ่งเป้าไปที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และจะทำหนังสือถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ประเด็นดังกล่าว ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า เหตุใดนายอภิสิทธิ์จึงนำเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมือง ขณะที่ได้มีการยื่นฟ้องต่อนายจักรภพไปก่อนหน้านี้แล้วตั้งนาน ซึ่งควรรอพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมให้ชัดเจนก่อน อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตที่เรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของอีเมลเถื่อน และการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ฉะ "อภิสิทธิ์”ก้าวก่ายฝ่ายบริห่าร
เกี่ยวกับประเด็นนี้ อาจารย์วรพล พรหมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า หากนายอภิสิทธิ์จะยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้ถอดถอนนายจักรภพจริง คงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ในฐานะของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน เหมือนเป็นการชี้นำ ก้าวก่ายและแทรกแซงอำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งหากนายอภิสิทธิ์ต้องการยื่นเรื่องเพื่อให้มีการตรวจสอบ ก็สามารถทำได้หลายช่องทาง เช่น สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในการประชุมที่สภา หรือยื่นเรื่องให้วุฒิสภาเป็นผู้ตรวจสอบ ก็สามารถทำได้หลายช่องทาง จึงน่าสงสัยว่าทำไมต้องไปยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีด้วย

เชื่อ ปชป.หวังผลทางการเมือง

ดังนั้น การที่นายอภิสิทธิ์ต้องการยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรี จึงมองเป็นประเด็นอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นเรื่องของเกมการเมือง เพื่อสร้างภาพให้ประชาชนเห็นว่า นายกฯ ไม่พยายามทำหรือตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และยังปกป้องคนของตัวเอง ซึ่งการกระทำของนายอภิสิทธิ์ไม่ได้มุ่งหวังให้นายกฯ ออกมาจัดการเรื่องดังกล่าว แต่เป็นเหตุผลทางการเมืองมากกว่า และต้องการให้ภาคประชาชนมองภาพลักษณ์ของรัฐบาลไม่ดี

“การกระทำของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก และไม่มีจริยธรรม เพราะตัวเองเป็นถึงหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ที่อย่างน้อยก็มาจากการเลือกตั้ง และเป็นถึงหัวหน้าพรรค ควรจะคำนึงถึงความเหมาะสมให้การแสดงบทบาทของตัวเองด้วย” อาจารย์วรพล กล่าว

เจตนาชัดจ้องล้มล้างรัฐบาล
ด้าน ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) รุ่น 2 กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า การกระทำของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ มีวาระซ่อนเร้น ต้องการรุกรัฐบาลเพื่อปูทางไปสู่เป้าหมาย คือการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับที่เคยประสานมือกับกลุ่มบุคคลภายนอก นำไปสู่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่นำไปสู่การเมืองที่ตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ ซึ่งขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็จับมือกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และมีวัตถุประสงค์เหมือนกัน

ดร.เมธาพันธ์ กล่าวด้วยว่า การกระทำที่อ้างถึงสถาบันเบื้องสูง เป็นเพียงเครื่องมือของกลุ่มคนนี้เท่านั้น เพราะจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าทำอะไรก็จะนำการหมิ่นเบื้องสูงมาป้ายสีอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ได้มีการกระทำตามที่กลุ่มนี้กล่าวอ้างแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่จะมีน้ำหนักเพียงพอให้ทหารออกมาทำการปฏิวัติอีกครั้ง และเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักที่จะเข้ามายึดอำนาจและเปลี่ยนบทบาทของตัวเองที่เป็นฝ่ายค้าน มาเป็นฝ่ายรัฐบาล

“สุดท้ายนี้ผมอยากจะฝากบอกนายอภิสิทธิ์ว่า การจะกระทำการใดๆ นั้น ควรมีสติสัมปชัญญะ อยู่ในหลักของหิริโอตตัปปะ เล่นตามเกม และอย่าได้ดึงสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายฝ่ายตรงข้าม เพราะว่าไม่เหมาะสม” ดร.เมธาพันธ์ กล่าว

“อ.ประสิทธิ์” ชี้ยังไม่พบความผิด
ขณะที่ อาจารย์ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า การจะนำเสนอให้ถอดถอนนายจักรภพ ออกจากตำแหน่งในข้อหาไม่เคารพเบื้องสูงนั้น ปัจจุบันยังไม่มีความจริงออกมาตีแผ่ในเรื่องดังกล่าวให้เห็นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แล้วจะไปกล่าวหาแบบนั้นคงไม่ได้ ซึ่งควรรอให้มีการนำเสนอข้อเท็จจริงออกมาก่อน แล้วค่อยมาศึกษากันอีกทีว่ามีเจตนาที่จะลบหลู่หรือหมิ่นต่อสถาบันเบื้องสูงตามที่นายอภิสิทธิ์กล่าวอ้างหรือไม่

“เพราะเมื่อมีการพิสูจน์ออกมาจริงแล้ว อาจไม่มีความผิดเข้าข่ายไม่เคารพสถาบันเบื้องสูงก็ได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด และในทางกฎหมายนั้นก็ไม่มีผลอะไร เพราะยังไม่มีหลักฐานอ้างอิงที่ชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้” อาจารย์ประสิทธิ์ กล่าว