คอลัมน์ : บ้านเลขที่ 111
ดร.อดิศร เพียงเกษ
การรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งทั่วไป เป็นงานที่เหนื่อยมากงานหนึ่ง เพราะผู้พูดจะต้องไปตามเวลาที่เขากำหนดไว้ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค การพักผ่อนแทบจะไม่ได้พักผ่อน อาศัยงีบหลับตอนนั่งรถสิบนาที สามสิบนาที หรือสักชั่วโมงก็ยังดี
ยานพาหนะ หรือเรื่องรถยนต์ ต้องใช้รถที่ดี มีคนขับที่ไว้ใจได้ ไม่งีบหลับไปพร้อมหัวหน้าพรรคเป็นพอ ยานพาหนะ จะใช้กี่คัน จากจุดนี้ไปยังอีกจุดหนึ่ง จะใช้รถคันไหน ต้องเตรียมให้พร้อม
มีครั้งหนึ่ง ต้องปราศรัยเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม คุณสุชาติ โชคชัยวัฒนาการ ผู้สมัคร ต้องเตรียมระดมคนมาฟังปราศรัยให้เต็มอัตราศึก แต่ในช่วงนั้นชื่อเสียงของหัวหน้าพรรคคือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ประชาชนนิยมชมชอบมาก แม้จะเช้าสักเพียงไหน อากาศจะหนาวเย็นอย่างไร ประชาชนเขารักและศรัทธาเขาก็พากันหลั่งไหลมาฟังปราศรัยอย่างแน่นขนัด เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ
ผมถูกวางตัวให้เป็นผู้ปราศรัยก่อนหัวหน้าพรรคจะมา เป็นการปราศรัยปูพื้นเรื่องการเมืองทุกอย่าง เรื่องนโยบายพรรค เท่ากับเป็นการปราศรัยเพื่อรวมพล เตรียมความพร้อมทุกเรื่องให้แก่หัวหน้าพรรค ประชาชนเริ่มมีอารมณ์ร่วมในการปราศรัยจากการปูพื้นของผม ท่านหัวหน้าพรรคไม่ต้องออกแรงมาก เพียงทักทาย ส่งรอยยิ้มและปราศรัยเพิ่มอีกเพียงเล็กน้อย ก็เป็นการปราศรัยที่จัดได้ว่าดีแล้ว แต่บางครั้ง หัวหน้าพรรคก็ติดลมเหมือนกัน เห็นคนมาฟังการปราศรัยมาก ใจคงคึก เลยพูดยาวไปก็มีบ่อยครั้ง
การจัดล็อก จัดคิวกัน ในการปราศรัยใหญ่ประสานกันในแต่ละจังหวัดจึงมีความสำคัญ คนจัดคิวเขาต้องเอาคิวของหัวหน้าว่างเป็นหลัก เมื่อได้คิวแล้วก็จะแบ่งกันว่าจังหวัดไหนจะได้กี่จุดบ้าง คนเป็นหัวหน้าพรรค ผมเห็นใจมาก เพราะต้องแข็งแกร่ง ไม่มีสิทธิ์ป่วย ประเภทห้ามป่วยไปเลย เป็นไข้หวัดไม่ว่าหวัดเล็กหรือหวัดใหญ่จะต้องหาย มียาฉีดยากินอะไร ต้องรักษาให้หาย
คนที่มาจากการเลือกตั้ง จึงเหน็ดเหนื่อยมาก กว่าจะได้ ส.ส.แต่ละคน เลือดตาแทบกระเด็น ไม่เหมือนคนที่อยากได้อำนาจ แต่ไม่ยอมลงเลือกตั้ง เอารถถังซึ่งเป็นทรัพย์สินของราษฎร มาทำการยึดอำนาจ ทำการรัฐประหาร พวกเผด็จการเหล่านี้ จะไม่มีวันเข้าใจว่า การเลือกตั้งคืออะไร เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะเลือกตั้ง มิหนำซ้ำยังดูแคลนคนที่มาจากการเลือกตั้งว่า เป็นพวกซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งพวกเขาจะนำมาเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจของพวกเขาต่อไป
ศิลปะในการพูด จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจ ในรายละเอียดต่างๆ มากมาย ข้อสำคัญอยู่ที่ตัวของเราเอง
“อตฺตาหิ อตฺโน นาโถ” ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
การพูด ข้อสำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวของเราเอง เราต้องมีความพร้อม เตรียมตัวมาให้ดี การรับฟังความคิดเห็นจากบุคคลอื่น เป็นเรื่องรอง คำแนะนำจากบุคคลอื่น เรารับฟัง และต้องรับฟังอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อรับฟังมาแล้ว ต้องแยกแยะว่า จะรับมาได้หรือไม่ การพูด เป็นการเปล่งเสียงจากตัวเราเอง ไม่ใช่ไปยืมเสียงจากใครเอามาพูด ปากของเรา เราต้องบงการ บังคับบัญชาให้ได้
“การเตรียมตัวมาดี มีข้อมูล เพิ่มพูนประสบการณ์ ประมาณการผู้ฟัง รู้ภูมิหลังในเรื่องที่พูด ไม่สะดุดอยู่กับเรื่องไร้สาระ กะเวลาในการพูดอย่ายืดยาว รู้ข่าวสารบ้านเมือง ประเทืองปัญญาด้วยการอ่าน สืบสานวัฒนธรรมประเพณี สามัคคีกับทุกคน มวลชนสนับสนุน ค้ำจุนพรรคพวก สะดวกด้วยเงินตรา วาจาประกาศิต ลิขิตเขียนหัวข้อ ประมวลย่อได้ใจความ พยายามและพยายาม ติดตามรู้ติดตามงาน พูดจาฉะฉานน้ำเสียงดี ทุกอย่างเข้าที ความสำเร็จย่อมมี บันดาลใจ...”
การพูด ก่อนจะได้รับตำแหน่ง และหลังจากการได้รับตำแหน่งแล้ว ย่อมไม่เหมือนกัน ก่อนได้รับตำแหน่งเราไปแข่งขัน จนมีคนมาเลือกเรา และเราได้รับชัยชนะ ก่อนได้รับชัยชนะก็ยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้วกว่าจะผ่านพ้นด่านประชาชนมาได้ เลือดตาแทบกระเด็น
ฉลองชัยชนะอยู่ไม่นาน ชื่นชมยินดีกันไม่นาน คราวนี้ท่านต้องมารับผิดชอบในงานที่ท่านอาสาประชาชนมาทำ ท่านจะทำอย่างไรเมื่อท่านได้รับชัยชนะแล้ว
เมื่อท่านได้เป็น “นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด” แล้ว ได้เป็น “นายกองค์การบริหารส่วนตำบล” แล้ว ได้เป็น “สมาชิกเทศบาล” แล้ว ได้เป็น “สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล” แล้ว เมื่อท่านได้เป็น “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” แล้ว ท่านจะทำอย่างไร ท่านจะ “พูด” อย่างไร กับเพื่อนร่วมงาน “ใหม่” และ “เก่า” ของท่าน และ/หรือ ท่านจะพูดจาในสภาผู้แทนฯ อย่างไร
กล่าวเฉพาะการมาดำรงตำแหน่งเป็นฝ่ายบริหาร ไม่ว่าจะเป็น นายก อบต. นายกอบจ. นายกเทศมนตรี นายกเหล่านี้เป็นการเลือกโดยตรงจากประชาชน ภายในระยะเวลา 4 ปี ที่ดำรงตำแหน่งหากไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการผิดพลาด ไม่มีใครเอาท่านออกจากตำแหน่งได้ เว้นแต่จะสะดุดขาตัวเอง ไปกระทำผิดคิดทุจริตมิชอบ ประมูลรับเหมา โดยไม่คำนึงตัวบทกฎหมาย ที่ทุกวันนี้มักเรียกว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” (conflict of interest) ดีไม่ดี อาจจะติดคุกติดตะรางเป็นรางวัลชีวิต ก็อาจเป็นได้
การได้อำนาจรัฐ มีคนบอกว่า เป็นเรื่องที่ยาก แต่การบริหารงานรัฐนั้น กลับเป็นเรื่องที่ยากมากกว่า
เช่นเดียวกัน การได้ตำแหน่งนายก อบจ. นายก อบต. นายกเทศมนตรี เป็นเรื่องที่ยากมาก กว่าจะได้รับชัยชนะ ต้องผ่านคมหอกคมดาบ ผ่านการต่อสู้กันมาอย่างโชกโชน แต่การที่จะบริหารงานในตำแหน่งหน้าที่ กลับเป็นงานที่ยากยิ่ง มากกว่าการได้มาซึ่งตำแหน่งเสียอีก
สมัยหาเสียงเราเป็นผู้ขอคะแนนจากประชาชน พูดจาให้คนมาลงคะแนนให้แก่เรา พอได้รับชัยชนะแล้ว เรากลายเป็นคนสองฐานะ ฐานะหนึ่งคือเป็นตัวแทนของเขา มาทำหน้าที่เป็น นายก อบต. แต่อีกหน้าที่หนึ่ง ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาของบรรดาพนักงาน เจ้าหน้าที่ บรรดาข้าราชการ ลูกจ้าง ในองค์การบริหารที่ท่านเข้าไปดำรงตำแหน่งอีกด้วย
ความรู้ความสามารถของท่าน จะต้องแสดงให้ปรากฏ
จะบริหารตน บริหารคน และจะบริหารงาน อย่างไร เป็นงานท้าทายท่านอย่างยิ่ง
จะพูดจากับ “ตนเอง” อย่างไร เพราะต่อไปนี้ ตัวเองมีตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรนี้แล้ว จะจัดความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอง กับครอบครัว ญาติพี่น้องอย่างไร จะให้สามีหรือภริยา และญาติๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานในหน้าที่ของเราหรือไม่ ความสัมพันธ์ตรงนี้ สำคัญ เพราะตามสังคมชนบทการไปมาหาสู่กัน ความสัมพันธ์กัน อาจจะมาติดต่อกับท่านนายก ที่บ้านบ้าง ไปหาที่ทำงานบ้าง แล้วแต่ความสะดวกของประชาชน เขาคิดจะไปหาที่ไหนเขาก็ไป มาหาที่ทำงานคงไม่ลำบากนัก เพราะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิคมประชาสัมพันธ์ คอยให้การต้อนรับขับสู้อยู่ แต่ไปหาที่บ้านนี่สิ หากไม่ให้สามี ภริยา และญาติพี่น้องมายุ่งเกี่ยวเลยใครจะเป็นผู้ต้อนรับประชาชน อย่างไรเสีย สามี ภริยา ญาติพี่น้อง คงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง ตามสถานะ และโอกาสตามประเพณีไทย “แขกไป ไทยมา ต้องต้อนรับ” หน้าบ้าน มักจะเห็นป้ายคำว่า “ยินดีต้อนรับ” อยู่หน้าบ้านเสมอ เพื่อชี้ถึงความจริงใจ ที่จะต้อนรับ ที่จะรับใช้ชาวบ้าน มีอยู่ตลอดเวลา (มีคนมักจะพูดเล่นๆ ว่ามีบางคนได้รับการเลือกตั้งแล้ว หน้าบ้าน เปลี่ยนป้ายเป็นว่า “ระวังหมาดุ” ถ้าเป็นเช่นนี้จริง การเลือกตั้งคราวหน้า มีหวังสอบตกล้านเปอร์เซ็นต์) การบริหารตน เป็นเรื่องสำคัญ เพราะตนเองมีสองฐานะ ทั้งเป็นตัวแทน และเป็นผู้บริหาร ตื่นนอนแต่เช้าไปทำงาน ไปประชุมตรงเวลาหรือไม่ ต้องปรับปรุงตัว เพราะขณะนี้คุณคือ “ผู้นำ” ขององค์กรแล้ว ไม่ใช่ไปกินเหล้าเมายาเหมือนเดิม หามรุ่งหามค่ำเช่นเดิม นิสัยอย่างนั้นต้องลด ละ และเลิกเสีย ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อการเป็นผู้นำของท่านเอง