WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, November 8, 2008

หยุดให้ร้าย ‘ตำรวจ’ยกระดับม็อบถ่อย (รายปักษ์) (ฉ.2)

ป้ายขี้ตำรวจ
8 ตุลาคม 2551

เหตุการณ์ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาลและนำไปสู่การสลายการชุมนุม ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกย้อนกลับมากล่าวหาตำรวจราวกับเป็นจำเลย

นายวีระ กล่าวว่าวันนี้คงอดที่จะพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร คงต้องรอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการอิสระ

แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ต่างได้พิพากษากันไปหมดแล้วเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีการเชิญนักวิชาการออกมาถล่มกันไม่มีชิ้นดี ตำรวจก็มีความผิด รัฐบาลก็ผิด ไม่ต้องฟังเหตุผลไม่ต้องดูหลักฐาน

วันนี้ยังไม่มีการพิสูจน์เรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงอยากจะขอร้องว่าอย่าเพิ่งไปวิจารณ์ในสิ่งที่ยังไม่มีผลพิสูจน์ที่ออกมาชัดเจน ขอความเป็นธรรมให้แกทางเจ้าหน้าที่บาง อย่าทำเหมือนกับนายแพทย์ประจำโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

นายก่อแก้ว เสริมว่ารองผบ.ชน.ได้ออกมาแถลงข่าวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยชี้แจ้งว่าภาพของชายโดนระเบิดที่แขนขวาขาด และมือซ้ายได้กำระเบิด สิ่งนี้ท่านชี้แจ้งว่าไม่ได้เป็นผลจากการยิงแก๊สน้ำตา

นายจตุพร กล่าวเช่นเดียวกันว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะตอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่ออีกมือหนึ่งของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีระเบิดอยู่ในมือ จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด นอกจากนั้นทางโมเดิร์นไนท์ทีวีได้นำเสนอภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้าย

พธม.ไม่มีทางจงรักภักดีเท่าตำรวจ
9 ตุลาคม 2551
นายวีระ ยังคงกล่าวถึงเหตุการณ์ในวันที่ 7 ตุลาคม โดยบอกว่า 2-3 วันมานี้ผมตำรวจถูกนักวิชาการ ถูกสื่อสารมวลชน กลุ่มพันธมิตรฯ กับถูกพรรคประชาธิปัตย์ รวม 4 กลุ่มรุมถล่ม เพราะว่าทั้ง 4 กลุ่มไม่เห็นมีใครพูดว่าตำรวจเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้างเลย ไม่เห็นคุณประโยชน์ของตำรวจเลยแม้สักคนเดียว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคมผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าถ้าไม่มีตำรวจแล้วสังคมไทยจะเป็นอย่างไร ผมเห็นว่าตำรวจที่ทำหน้าที่ในวันนั้นควรได้รับการเห็นใจ ใส่ใจ ไม่ให้ด้อยกว่าฝ่ายอื่นๆ
13 ตุลาคม 2551

นายวีระ พูดถึงตำรวจอีกครั้งในโอกาสวันตำรวจถึงกรณีที่พันธมิตรฯพยายามปั่นเรื่องเพื่อใส่ร้ายตำรวจ จนทำให้ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกลายเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว ต้องขอบอกว่าพันธมิตรฯไม่ได้มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน เท่ากับทหาร ตำรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่มาเป็นอย่างดีตลอดชีวิต กลับถูกกล่าวร้าย ซึ่งตรงกันข้ามพันธมิตรฯบางรายเคยเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นเสมือนโจร ซึ่งสิ่งที่ตนต้องการคือ ให้ทุกฝ่ายสามัคคีกันเอาไว้
15 ตุลาคม 2551

นายจตุพร เปิดประเด็นว่าคือผมเองเห็นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการในวันนี้พาดหัวด้วยความไม่สบายใจ อยากให้ท่านทั้งหลายได้ดู “ร่วมงานไว้อาลัยสารวัตรจ๊าบแน่นวัด แม้วทุ่มเงินล้มสถาบัน” และก็มีพาดหัวรองบอกว่า “สนธิชี้ระบอบทักษิณใช้เงินทุ่มซื้อบิ๊กทหาร-ตำรวจ เป้าหมายล้มล้างสถาบันเบื้องสูง”

นายสนธิได้ปราศรัยเมื่อคืนนี้ในทำเนียบรัฐบาลบอกว่า ที่มันเอาเงินไปซื้อรากหญ้า ไปซื้อตำรวจและทหารที่มีอำนาจบางคน ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะแม้แต่ประชาชนถูกฆ่า มันก็ไม่ออกมา เห็นเกมของพวกมันแล้วหรือยัง จำได้หรือไม่ที่เคยบอกว่า ราชบัลลังก์มีแต่พวกเราเท่านั้นที่คอยป้องปก ถ้าพวกเอ็งไม่ยอมรับสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไสหัวออกไปจากประเทศไทย เพราะพวกเราต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์และปกป้องชีวิต

นายสนธิยังระบุอีกว่า นี่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเป็นการต่อสู้ที่เอาพระมหากษัตริย์กับฝ่ายที่ไม่เอาพระมหากษัตริย์ ให้เลือกเอาและนี่คือสงครามครั้งสุดท้าย เราถอยไม่ได้แม้แต่เพียงก้าวเดียว...

นายวีระ เสริมว่าฟังคำพูดของบุคคลนี้แล้ว ทำให้ผมสงสัยเป็นอย่างยิ่ง คืออยากให้แพทย์ได้ตรวจสอบสภาพจิต ตรวจสอบสภาพการทำงานของสมอง เพราะผมไม่เชื่อเลยนะครับว่าคนที่มีจิตใจปกติหรือมีสมองปกติ จะไม่สามารถนำคำพูดเหล่านี้มาพูดในที่สาธารณะ

ผมไม่อยากจะกล่าวว่า ที่คุณกล่าวมาทั้งหลายทั้งปวงทั้งหมด ก็เพื่อปกป้องตัวคุณเองให้พ้นจากคุกตะราง ที่คุณทำผิดอยู่ ใครจะทำอย่างไรไม่ว่า ไม่ทราบ ผมก็จะกล่าวของผมว่า การที่ตำรวจตั้งข้อหาไปเบื้องต้นว่าคุณก่อการกบฏนั้น เรื่องนี้ยังไม่จบถึงแม้ว่าศาลอุทธรณ์จะถอนหมายจับ แต่เมื่อคืนนี้ผมก็ได้อ่านให้พี่น้องประชาชนได้ฟังแล้วว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 เขียนไว้ว่าอย่างไร

ผมเอากฎหมายมาอ่านเพราะไม่ต้องการที่จะมาพูดเอาเอง แล้วก็จะเห็นชัดเชียวว่าใครใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขู่เป็นเหตุให้รัฐบาลบริหารแผ่นดินไม่ได้ หรือใช้กำลังประทุษร้ายข่มขู่เป็นเหตุให้รัฐสภาทำงานไม่ได้ ทั้งสองกรณีนี้ถือว่าเป็นกบฏแล้ว คุณว่าผิดกฎหมายเล็กๆ น้อยๆ ความเป็นจริงไม่ได้เล็กน้อยหรอกครับ การละเมิดโดยการล่วงล้ำเข้าไปในสถานที่ราชการอย่างทำเนียบรัฐบาลแล้วยึดอยู่กันมาเป็นเวลาแรมเดือนนั้น คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติหรือครับ

หยุด!อ้างสถาบันทำลายตร.-ทหาร
ผมขอเรียนกับท่านผู้ชมว่า สิ่งที่น่าห่วงในเวลานี้คือการหยิบยกเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาทำลายทหาร ทำลายตำรวจ มาทำลายคนอื่นที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับตัวเอง เป็นเรื่องที่ไม่สมควร และเราก็ได้มีการอธิบายความกันมาว่าตั้งแต่เราเรียกร้องควรจะถอดเสื้อสีเหลืองออกมาจากกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะว่าเสื้อสีเหลืองนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี

เวลานี้นายสนธิกำลังจะแบ่งแยกพี่น้องประชาชน ไอ้นี่แหละครับคือการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เลวร้ายที่สุด ผมจึงบอกกับประชาชนว่าวันนี้เราต้องตั้งสติ พันธมิตรฯ เขาพยายามบอกว่าเขาเป็นพวกเดียวเท่านั้นที่มีความจงรักภักดี ปกป้องราชบัลลังก์ นายทหาร นายตำรวจที่เขาต้องปฏิญาณตน ต้องดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาในความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในสายตาของนายสนธิกลายเป็นคนที่ไม่จงรักภักดี

กลายเป็นว่านายทหาร นายตำรวจเป็นผู้ล้มล้างราชบัลลังก์ ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น

อยากให้จำไว้เป็นพื้นฐานว่าก่อนที่ตำรวจเขาจะสลายม็อบนั้น เป็นม็อบที่กระทำความผิดแล้วความผิดโทษฉกรรจ์ ไม่ใช่ธรรมดา เพราะว่าการไปล้อมรัฐสภา ขัดขวางมิให้สมาชิกรัฐสภาปฏิบัติหน้าที่ได้ อันนี้เข้าข้อหากบฏ และบังเอิญวันที่ 7 ตุลาคม เป็นวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ถ้ารัฐสภาทำงานไม่ได้ รัฐบาลแถลงนโยบายไม่ได้ ก็เท่ากับว่าขัดขวางการทำงานของรัฐบาล ให้รัฐบาลบริหารแผ่นดินไม่ได้ ก็เป็นอีกข้อ เป็นกบฏอีก

เพราะฉะนั้นเมื่อพื้นฐานเป็นเช่นนี้แล้ว ตำรวจก็มีความจำเป็นต้องสลายม็อบ การสลายของเขาจะผิดหรือถูก ต้องสอบสวนกันต่อไป ไม่ใช่พิพากษากัน เพราะฉะนั้นจะไปดูว่าใครต้องการจะบี้ตำรวจกันกี่คน ดูแล้วว่าเข็มมุ่งไปที่ ป.ป.ช.

ชิ้นแรกที่ได้มา นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่ ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการขึ้นไต่สวน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณหน้ารัฐสภาโดยใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ จนเป็นเหตุให้คนเสียชีวิตและบาดเจ็บ

บอกว่าขณะนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้สรุปว่าตำรวจทั้ง 3 นาย มีความผิดชัดเจนอย่างที่สื่อมวลชนเสนอไป แต่ว่าเป็นการมีข้อเท็จจริงและหลักฐานเบื้องต้นว่ามีส่วนร่วมในการสั่งการสลายการชุมนุม ซึ่งสามารถตั้งกรรมการไต่สวนได้ แต่ยังไม่ใช่การชี้มูลความผิด เพราะฉะนั้นนายวิชาบอกว่าในวันที่ 15 ตุลาคม จะเร่งหาตัวคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน

ผู้สื่อข่าวได้ถามไปไกลว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาให้ถ้อยคำด้วยหรือไม่ นายวิชาตอบว่าขึ้นอยู่กับความเห็นของอนุกรรมการ แต่ใครที่เกี่ยวข้องต้องออกมาให้ถ้อยคำทั้งหมด และใครที่ให้การเป็นประโยชน์ก็จะกันไว้เป็นพยาน เรื่องนี้ผมจะต้องให้ความเห็นกันเสียก่อน คนที่ออกมาเต้นเรื่องนี้คือ นายวิชา มหาคุณ คุณจตุพรพอจะยืนยันได้มั้ยละครับว่าที่เราพูดเรื่องคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช.นั้น จะต้องไม่เป็นลูกจ้างใคร และถ้ามีหลักฐานปรากฏว่าไปเป็นลูกจ้างใครเข้า คำว่าลูกจ้างนั้นเอาตามความหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนตัดสิน

หลังจากนั้น ป.ป.ช.ก็รับลูกจากพรรคประชาธิปัตย์ทันที วันนี้ นายวีระ สมความคิด ก็ตามเข้าไป ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.ก็แต่งตัวรอเหมือนกัน ก็มีการตั้ง นายวิชา มหาคุณ รับลูก ประธานคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ ผมจึงบอกว่าการตั้งโจทย์เดียวในการสอบ คือการเอาตำรวจ เอารัฐบาลมาเป็นจำเลยซะก่อน แทนที่จะหาข้อเท็จจริงก่อน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ผมมองว่าคนที่จะมาสอบตำรวจคราวนี้ขาดคุณสมบัติที่จะเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพราะไปเป็นลูกจ้าง เราได้พูดเรื่องนี้กันมานานแล้ว เราก็มีหลักฐานมายืนยัน