คอลัมน์ : มารศาสนา
โดย สอาด จันทร์ดี
ความวุ่นวายทางการเมืองของประเทศไทย พรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเป็นต้นตอทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา โดยเริ่มมาจากคำพูดเพียงประโยคเดียว “ระบอบทักษิณ” หลังจากนั้น คำพูดประโยคนี้ได้ขยายความหมายที่น่าสะพรึงกลัว หาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นประธานาธิบดี?!
จากคำพูดประโยคนี้ ได้กลายเป็นอสรพิษพ่นใส่คนไทย ทำให้สังคมไทยที่กำลังจะก้าวหน้า พลันถอยหลังพังครืน การเมืองล้มระเนระนาด กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย นักการเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นคน “มีสภาพกลายเป็นควาย” อย่างไม่น่าเชื่อ พวกควายพวกนั้นไล่ฆ่าคนไทยด้วยกันเหมือนหมูเหมือนหมา หาความยุติธรรมไม่ได้
ใครเป็นคนทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน
ตอบได้เลย...หนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์!
สอง...พันธมิตรฯ และสันติอโศก!!
ทั้ง 2 กลุ่มนี้ ร่วมกันห้ำหั่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนลืมความถูกต้อง ลืมความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย กล่าวคือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเรียกร้องให้พันธมิตรฯ ถอนตัวออกมาจากทำเนียบรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเอ่ยปากห้ามปรามว่าอย่าบุกรัฐสภา
พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทำหน้าที่ปกป้อง
ตรงกันข้าม มีแต่ก่นด่ารัฐบาล
ด่าแล้วด่าอีก ไม่รู้จะด่าไปถึงไหน?
ผมขอเขียนถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคประชาธิปัตย์คือเจ้าของ “ต้นตอ” ความวุ่นวาย ซึ่งไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร รู้แต่ว่าประเทศไทยนับวันแต่จะจมดิ่งลงสู่ความหายนะ
ความหายนะที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ได้แก่ พวกพันธมิตรฯ และสันติอโศก ประกาศกึกก้องว่าพวกเขาทำไปเพื่อการรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการอ้างเอาสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือในการชักจูงให้คนไทยที่เต็มไปด้วยความจงรักภักดี หลงเข้าใจผิดคิดว่าสถาบันจะไม่ปลอดภัย ก็จะพากันเห็น “พวกเสื้อแดง” เป็นศัตรู ประหนึ่งมิใช่คนไทยด้วยกัน
สิ่งที่เกิดขึ้น มาจากต้นตอพรรค “ปชป.”!
ผมนั่งสยองใจอยู่คนเดียว ไม่เชื่อว่า “ประชาชนที่รักทักษิณ จะแห่ทำลายสถาบันได้” ทั้งนี้ เนื่องจากพวกเขาก็รักพระเจ้าแผ่นดินประหนึ่งชีวิตของตนเองเหมือนกัน แล้วเหตุไฉน คนเหล่านั้นจึงจะกลายเป็นภัยต่อสถาบัน
ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ไม่เคยมีพสกนิกรชาวบ้านกลุ่มใดยึดพระราชอำนาจได้ ต่อให้พสกนิกรรวมกันเป็นล้านๆ ก็ไม่อาจทำได้!
คนที่จะทำได้ ได้แก่ พวกอำมาตย์ที่มีกองกำลังอยู่ในมือ เช่น นายทหารใหญ่ แม่ทัพใหญ่ หากคิดไม่ซื่อขึ้นมาเมื่อใด ก็จะสามารถทำการปฏิวัติรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองได้ทันที คนพวกนี้ต่างหากที่น่ากลัวมากที่สุด
ดังนั้น ในการเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ในกองทัพ “ท่านแม่ทัพทั้งหลาย” ต้องสาบานตนว่าจะมีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เสมอด้วยชีวิต
ดังนั้น...ในแง่ของทฤษฎีแห่งความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ประชาชนคือผู้ที่ ไม่มีพิษ ไม่มีภัย ไม่มีอะไรที่จะต้องหวาดกลัวเลย
คนที่มีอำนาจสั่งกองทัพได้ต่างหาก น่ากลัว?!!
เรื่องที่น่ากลัวในวันนี้มิใช่เรื่องมือที่มองไม่เห็น ความจริงเราเห็นมือและใบหน้าอย่างชัดเจน เช่น มือของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มือของ นายชวน หลีกภัย และมือของพวก 9 แกนนำพันธมิตรฯ นอกจากมือดังว่า ยังมองเห็นใบหน้าอย่างเต็มตาอีกด้วย
พรรคประชาธิปัตย์บอกให้พันธมิตรฯ ออกไปจากทำเนียบสิครับ บอกให้หยุดการกระทำ อันบ้าบิ่นหมิ่นเหม่ที่จะทำให้คนไทยฆ่ากันเอง ขอให้พรรคประชาธิปัตย์บอกกับพวกพันธมิตรฯ อย่าเรียกร้องประชาชนให้ออกมาปกป้องสถาบันกษัตริย์
สถาบันกษัตริย์ไม่มั่นคงตรงไหน?
จึงกู่หาประชาชนให้ออกมาปกป้อง
ผมเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ ตกต่ำย่ำแย่ ไม่มีมาตรฐานของพรรคการเมืองเก่าแก่หลงเหลืออยู่เลย มันย่ำแย่เสียกระบวน จนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นพรรคที่ดีต่อไปได้
ใช่...ผมไม่เถียง พรรคประชาธิปัตย์ยังมีแฟนไม่ใช่น้อย ดังจะเห็นได้จากชัยชนะของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. และการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. อีกคนก็ชนะ นี่ย่อมหมายถึงคะแนนนิยม
แต่คะแนนนิยมที่นั่งทับความหายนะเลวทราม นั่งทับความอยุติธรรม ผมรับไม่ได้ ผมอยากบอกกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ปรุงอาหารถูกปลด เป็นกบฏถูกปล่อย”
“ยึดทำเนียบไม่มีความผิด” พิลึก?
“พันธมิตรฯ แทงตำรวจไม่มีโทษ” ได้ไง!
ขอถามหน่อย...พรรคประชาธิปัตย์คิดยังไง จึงหนุนพันธมิตรฯ สุดตัว หรือว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นลูกกระจ๊อกของพันธมิตรฯ เขายึดทำเนียบร้ายแรงเพียงนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่เคยตำหนิพันธมิตรฯ เลย...! กลัวพันธมิตรฯ มากใช่ไหมครับ?!
ปชป. รู้ตัวไหมว่า ตัวเองเป็นต้นตอความวุ่นวาย!