‘คนเสื้อแดง’ เฮลั่น! ‘จตุพร-ณัฐวุฒิ’ พูดเป็นเสียงเดียว ปัดฝุ่น!เทปโฟนอิน ‘ทักษิณ’ จ้อผ่านความจริงวันนี้ ระบุคนรักประชาธิปไตยต่างจับจ้อง NBT รอฟังเสียงอดีตนายกฯขวัญใจคนจน ด้าน ‘โฆษกรัฐบาล’ ย้ำไม่ได้สร้างความแตกแยก พร้อมไขปมวิพากษ์ ‘ตุลาการภิวัฒน์’ ไม่ใช่หมิ่นศาลฯ แย้มเสื้อแดงสัญจรครั้งที่ 3 โผล่เชียงใหม่-อุดรฯ จวกซ้ำพรรคมาร ปชป.หยุดข่มขู่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
จากแนวคิดการนำเทป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเปิดในรายการความจริงวันนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้คุยกับผู้จัดรายการ แต่ว่าทางรายการมีความคิดที่เอามาออกอากาศอยู่แล้ว ซึ่งมีคนที่ไม่เห็นด้วยและแสดงความเห็นต่างกันอยู่ ก็ต้องดูกันว่าเมื่อถึงเวลาจริงผู้จัดรายการจะนำมาเผยแพร่ออกอากาศหรือไม่
ต่อข้อถามว่า หากมีการนำเทปโฟนอินออกอากาศ จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศอย่างไร นายณัฐวุฒิ ชี้ว่า ในความคิดเห็นส่วนตัว เนื้อหาสาระที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดมาไม่ได้สร้างความแตกแยกหรือส่งผลกระทบต่อความขัดแย้งในบ้านเมืองแต่อย่างใด รวมถึงการจัดงานในวันที่ 1 พ.ย.ด้วย ทั้งที่ก่อนจัดงานก็มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความเป็นห่วงว่าเดี๋ยวจะรุนแรง จะเข่นฆ่ากัน จะลงมือกัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีก็เป็นการชุมนุมแบบอารยะ
ส่วนคำพูดคำจาของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่วิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมต้องแยกให้ออกว่า วิพากษ์กระบวนการยุติธรรมหรือศาลสถิตยุติธรรม เมื่อเป็นการวิพากษ์ศาลสถิตยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควร แต่ถ้าพูดถึงกระบวนการยุติธรรมก็คิดว่าสามารถพูดได้ เพราะกระบวนการที่ดำเนินเกี่ยวกับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกระบวนการพิเศษที่แตกต่างจากคนอื่น
เมื่อถามว่า ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้มีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คิดว่าผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้เดินเลยไปเกินจุดที่จะเกิดความหวาดกลัวการฟ้องร้องไปนานแล้ว และพร้อมที่นำเสนอข้อมูลที่เชื่อว่าจริง และพร้อมที่จะรับผิดชอบเมื่อมีการพิสูจน์ ไม่ว่าจะในข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายก็ตาม ฉะนั้นจึงคิดว่าอะไรก็ตามที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ต้องให้ความเคารพกัน
ส่วนการที่กองทัพจับตาการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะมีการหมิ่นเหม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวย้ำว่า กองทัพก็รับผิดชอบว่าอะไรที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันหรือละเมิดกฎหมาย ก็ต้องดูแลก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าวิตกกังวลอะไร เพียงแต่คิดว่ากองทัพก็น่าจะมีเวลาในการพิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อกองทัพแสดงความกังวลต่อกลุ่มคนเสื้อแดง และคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่อีกมุมหนึ่งกองทัพก็ต้องแสดงความกังวลต่อการเคลื่อนไหวคนที่อยู่ในทำเนียบฯด้วย วันนี้ในทำเนียบฯกำลังตั้งเป็นกองกำลังติดอาวุธ
“วันนี้ใครก็ตามที่พูดไม่เข้าหูกลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะถูกโจมตี ถูกกล่าวหาให้ร้าย อย่างสาดเสียเทเสีย เรื่องนี้กองทัพหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องหยิบยกมาพูดเช่นกัน สำหรับพันธมิตรขณะนี้ พูดผิดหูโดนด่า คนแปลกหน้าโดนยิง ฉะนั้นต้องช่วยกันทุกฝ่ายไม่ว่า กองทัพ ตำรวจหรือรัฐบาล”
ชี้‘สน.พันธมิตร’กองกำลังติดอาวุธ!
โฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยยังไม่มีท่าทีชัดเจนในการเปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล่าสุด พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งตนไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้เพราะกลัวว่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง
ทั้งนี้ กรณีการวางระเบิดกลุ่มพันธมิตรฯรายวันนั้น มองเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯเองหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนพูดเช่นนั้นไม่ได้ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตุว่า วันนี้คงมีคนต้องการผลประโยชน์ทางการเมืองจากความวุ่นวายของสถานการณ์ และคิดว่ามีมือที่ หนึ่ง สอง และสามพยายามเติมเชื้อของความวุ่นวายเข้ามาในสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา แต่จะเป็นกลุ่มไหนคงพูดไม่ได้ เพราะต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป ตนพูดไม่ได้พูไปไม่เข้าหูจะโดนด่า
นอกจากนี้ กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯจะตั้งพื้นที่ในทำเนียบและบริเวณโดยรอบเป็น สน.พันธมิตร นายณัฐวุฒิ ระบุชัดว่า เท่าที่ทราบมีการตั้งไปแล้ว ขณะนี้เป็น “สน.พันธมิตร” ผู้ปฏิบัติงานมีตั้งแต่ผู้หมวด ผู้กอง เขาตั้งกันเอง และพกปืนได้ เรื่องนี้กองทัพก็น่าจะคุยกันในเรื่องนี้บ้างเพราะน่าเป็นห่วง เพราะขณะนี้ในกรุงเทพฯกลางเมืองหลวงมีกองกำลังอิสระติดอาวุธ
ส่วนเรื่องที่กลุ่มคนรักเชียงใหม่บุกเข้าปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ TPBS ที่เชียงใหม่ นั้นเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่พอใจถึงการเสนอข่าวว่ากลุ่มคนที่ไปร่วมชุมนุมได้รับเงินหัวละ 2,500 บาท จึงเกิดความไม่พอใจ ซึ่งทางสถานีได้ทำการขอโทษไปแล้ว ทุกอย่างจึงยุติลงด้วยดี ถือว่าเป็นการเคารพซึ่งกันและกัน ประชาชนที่บริโภคข้อมูลข่าวสารหรือแหล่งข่าว และสื่อสารมวลชนที่เป็นผู้ที่มีหน้าที่เสนอข้อมูลข่าวสารก็ต้องเคารพในคำว่าประชาชน ขณะเดียวกันประชาชนก็ต้องเคารพในคำว่าสื่อมวลชน แต่เมื่อเกิดการล้ำเส้นกันมันก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบโต้ อย่างที่ได้ปรากฏ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวดีใจที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง บานปลาย กระทบกระทั่ง หรือทำร้ายกัน หรือเกิดเหตุที่ละเมิดกฎหมายอย่างรุนแรง เมื่อเกิดขึ้น และจบลงได้ ก็ถือเป็นจุดยืนร่วมกัน ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้จะต้องมีการระมัดระวังทั้งสองฝ่าย ประชาชนก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ส่วนสื่อมวลชนก็เสนอข่าวอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง หรือละเมิดกฎหมาย
'จตุพร'แย้มความจริงสัญจรครั้งที่ 3 จัดอุดร-เชียงใหม่
ด้านนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน อดีตแกนนำแนวร่วมประชิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติห(นปก.) กล่าวก่อนเข้าประชุมที่พรรคพลังประชาชน ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงท่าทีเป็นห่วงว่าหากรายการความจริงวันนี้นำภาพ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เผยแพร่จะเป็นการนำสื่อของรัฐมาใช้เป็นกระบอกเสียงให้กับตนเอง ตนมองว่าสถานีข่าวทุกสถานี หนังสือพิพ์ทุกฉบับได้เสนอข่าวไปทุกแง่มุมแล้วซึ่งโดยหนังสือพิมพ์บางฉบับก็ถอดทุกคำพูดที่อดีตนายกพูดจึงไม่มีอะไรทีจะเป็นความลับอีก เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะกลัวอะไร
“รายการความจริงวันนี้ในฐานะที่ตนเป็นผู้จัดและผู้รับผิดชอบจะนำมาออกในรายการมันไม่สมควรตรงไหน ส่วนกรณีที่ส.ส.ประชาธิปัตย์ได้โทรไปข่มขู่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ไม่ให้เผยแพร่ภาพรายการความจริงวันนี้สัญจรเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น อยากให้นายอภิสิทธิ์อบรมสมาชิกในพรรคด้วยอย่าให้มาใช้สิทธิความเป็น ส.ส. ข่มขู่คนอื่น”ส.ส.พรรคพลังประชาชน กล่าว
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรี ขอพระเมตาตาจากในหลวง ก็ย่อมทำได้ในฐานะคนไทยคนหนึ่งเมื่อยามตกทุกข์ได้ยาก เพราะมีสิทธิ์จะนึกถึงในหลวง หากจะกล่าวหาว่าการที่อดีตนายกฯพูดขอพระเมตตาจะเป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาท แล้วการที่นายอภิสิทธิ์ไปเสนอขอนายกพระราชทาน ตามมาตรา 7 ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นไม่รบกวนเบื้องพระยุคลบาทอย่างนั้นหรืออย่างไร
ส่วนรายการความจริงวันนี้สัญจรที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 นั้นอยู่ในช่วงการคิดรูปแบบสัญจรโดยอาจจะเลือกไปต่างจังหวัดแต่จะเป็นจังหวัดไหนนั้นต้องดูความสะดวกในนการเดินทางของประชาชน ซึ่งที่เตรียมไว้หลักๆมีจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอุดรธานี โดยจะจัดหลังจากงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา ส่วนจะมีการโฟนอินกับอดีตนายกรัฐมานตรีหรือเปล่านั้นยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ตอก‘ม็อบโกเต๊กซ์’จิตทราม-กักขระ
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่การ์ดของพันธมิตรฯใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นที่ขับรถยนต์เข้ามาบริเวณถนนราชดำเนินจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควร และพันธมิตรไม่มีสิทธิที่จะพกพาอาวุธและยิงใส่ประชาชนที่เข้ามาในถนนราชดำเนินเพราะถนนเส้นดังกล่าวเป็นเส้นทางของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์
อีกทั้งเส้นทางดังกล่าวประชาชนทุกคนก็มีสิทธิเข้าไปด้วยเช่นกัน ทั้งนี้โดยส่วนตัวมองว่าการกระทำของกลุ่มพันธมิตรเลยเถิดมามากแล้ว เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พันธมิตรทำตัวเป็นพวกอนาธิปไตยซึ่งไม่มีใครหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานไหนที่จะใช้กฎหมายบังคับได้ และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนของกลุ่มพันธมิตรใช้อาวุธปืนยิงใส่ประชาชน เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ก็ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว ซึ่งเราคงยอมไม่ได้ที่จะให้กลุ่มพันธมิตรแสดงพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไป
ส่วนในกรณีที่กลุ่มพันธมิตรออกมาระบุว่าจะขอใบอนุญาตพกพาอาวุธนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นเรื่องของคนไร้สติ เพราะไม่มีสิทธิที่จะพกพาอาวุธในสถานที่สาธารณะส่วนการขอใบอนุญาตต้องขอที่กระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากมีคนออกให้ก็แสดงว่าคนบ้ากับคนบ้ามาเจอกัน และทุกวันนี้พันธมิตรทำตัวใหญ่เกินใครแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังทำอะไรไม่ได้ ตำรวจก็อยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดแล้วประเทศจะอยู่ต่อไปอย่างไร
นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯกล่าวบนเวทีปราศรัยว่าได้มีกลุ่มพันธมิตรนำผ้าอนามัยของผู้หญิงที่ใช้แล้วไปวางไว้ใต้ฐานพระบรมรูปทรงม้านั้น เป็นพฤติกรรมของคนที่มีจิตทรามเป็นเรื่องไม่สมควรเพราะพระบรมรูปทรงม้าเป็นสิ่งที่ประชาชนกราบไหว้กันทั้งบ้านทั้งเมือง คนไทยมีสติดีพอคงไม่ปล่อยให้คนบ้าอย่างนายสนธิชี้นำเรื่องเลวทรามเช่นนี้
ส.ส.ปชป.ปิดปากเงียบ!
เหตุ'ม็อบถ่อย'ปิดเส้นทางเสด็จฯ
นายถวิล ไพรสนฑ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯยังไม่มีท่าทีชัดเจนในการเปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ว่าตนไม่ทราบข้อเท็จริงกรณีดังกล่าว เท่าที่ทราบ พธม.ได้เปิดเส้นทางไว้แล้ว แต่ทั้งนี้ตนไม่ขอตอบ เนื่องจากไม่สามารถเดาจิตใจใครได้ ส่วนการกระทำของพันธมิตรฯเหมาะสมหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่ขอตอบเพราะตนไม่เคยไปเวทีพันธมิตรฯ