พฤติกรรมเสียสติของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ที่เริ่มหลุดโลกความเป็นจริง และหมิ่นเหม่ต่อเรื่องศาสนาจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะนายสนธิ ไปหลงในลัทธิเถื่อนสันติอโศก แบบเดียวกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ คู่หูดูโอ ได้ปรากฏให้เห็นเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนตำรวจเกรงว่าอาจจะนำตัวนายสนธิไปดำเนินคดีไม่ได้ เพราะอาจเข้าข่ายเป็นคนวิกลจริต เมื่อนายสนธิได้ปลุกระดมบนเวทีพันธมิตรฯ ถึงการทำคุณไสย ที่ฐานพระบรมรูปทรงม้าที่ระบุว่าตัวเองได้แก้เคล็ดด้วยการนำผ้าอนามัยใช้แล้วไปวางเอาไว้โดยรอบ 5 จุด
ขณะเดียวกันก็ปลุกระดมเรื่องรูปปั้นใต้ฐานพระประธาน ที่กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้มีการปั้นรูปหน้าตัวเองเอาไว้ และยังโกหกประชาชนว่าพระประธานถูกตั้งชื่อว่าพระชินวัตรมุนี ทำให้มีกลุ่มพันธมิตรฯ นับพันแห่ไปปิดล้อมวัดและแสดงอาการไม่เหมาะสมกับพระสงฆ์ จนต่อมามีผู้เกี่ยวข้องออกมาโต้กลับจนหน้าหงาย นั้น
เครือข่ายพุทธจ่อฟันสันติอโศก
อ.เสถียร วิพรมหา เลขาธิการองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กล่าวว่า ทางองค์กรชาวพุทธได้เฝ้าระวังเหตุการณ์ทางการเมือง เป็นห่วงว่าจะเกิดความรุนแรง และเห็นด้วยกับแนวคิดของ นปช. และความจริงวันนี้ ที่จัดงานไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในการแก้ไขสถานการณ์ทางการเมืองโดยสันติวิธี และแนวคิดแบบอหิงสา ซึ่งต่างจากสันติอโศกของกลุ่มพันธมิตรฯ
ทั้งนี้ จะเสนอเรื่องเข้าคณะกรรมาธิการศาสนาเพื่อตรวจสอบให้ชัดเจน เนื่องจากกองทัพสันติอโศกเป็นแกนหลักของกลุ่มผู้ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลที่ละเมิดศาสนาอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งไม่ยินยอมทำตามคำสั่งของศาล เมื่อปี 2542 กรณีอ้างตัวเป็นพระสงฆ์มาเทศนาประชาชน
ในขณะเดียวกันทีมนักกฎหมายขององค์กรชาวพุทธ กำลังดำเนินการว่าจะเอาผิดได้อย่างไรบ้าง ซึ่งองค์กรชาวพุทธได้รับการประสานงานจากกลุ่มที่สนับสนุนทั้งทางภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยฝ่ายปกครองจะเจริญพระพุทธมนต์เพื่อมาให้ความรู้และเตือนสติ ให้ทุกฝ่ายได้นึกถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเขจ้าอยู่หัวในการปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตย และยึดมั่นความถูกต้องตามหลักกฎหมาย และจะชุมนุมกันอย่างสงบ
หลังพระราชพิธีเดินหน้าจัดการ
องค์กรชาวพุทธจะดำเนินการโดยใช้หลักศาสนายึดกฎกติกาของสังคม และเห็นด้วยกับระบอบประชาธิปไตย การเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองด้วยระบบรัฐสภา โดยไม่เห็นด้วยกับการเล่นเกมนอกสภาอย่างกลุ่มพันธมิตร และไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารเพราะจะทำให้บ้านเมืองเสียหาย
อย่างไรก็ตาม การประชุมขององค์กรชาวพุทธกับนักกฎหมายจะดำเนินการภายหลังภารกิจของรัฐบาลที่สำคัญคืองานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งจะจัดกิจกรรมใหญ่
ส่วนกรณีที่ฝ่ายพันธมิตรฯ กล่าวหาอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำไสยศาสตร์ ปั้นรูปหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ที่วัดบางละมุง จ.ชลบุรี โดยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จัดทำขึ้นเพื่อสะกดดวงเมืองของประเทศไทยทำให้กลุ่มสนับสนุนพันธมิตรหลงเชื่อได้รวมตัวกันบุกไปยัง วัดดังกล่าว เพื่อเรียกร้องให้ทางวัดทำลายรูปปั้นซึ่งความจริงแล้ว ผู้ที่ปั้นรูปของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ นายสำรวย เอมโอษฐ์ ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าเป็นพุทธศิลป์ ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นความชื่นชอบศิลปะส่วนบุคคล
ทำตัวเป็นคนนอกศาสนา
ส่วนกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาบอกว่าได้มีการนำผ้าอนามัยที่ใช้แล้วไปวางไว้ที่ฐานพระบรมรูปทรงม้านั้น อ.เสถียรกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากที่คนไทยที่เป็นชาวพุทธแท้ๆ กลับขาดสติไปแล้ว รวมถึงการทำลายศาสนา หรือการกระทำดังกล่าวขอให้ทุกคนยั้งคิดให้มากกว่านี้ และคนที่อ้างว่าเป็นพันธมิตรฯ คิดไตร่ตรองให้ดีว่าตกเป็นเครื่องมือแสวงหาอะไรบางอย่างอยู่หรือไม่
สำหรับลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นสถานที่ที่คนเอาไว้รำลึกว่าได้มีการเลิกทาส มีพสกนิกรจำนวนมากที่คอยดูแลสถานที่ดังกล่าว นอกจากนี้ยังอยากเรียกร้องให้กรมศิลป์ หรือเจ้าหน้าที่ที่มีความเกี่ยวข้องได้เข้ามาดูแล รวมไปถึงเจ้าหน้าตำรวจที่จะเข้ามาเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
“คนที่เข้าไปละเมิดทำให้เกิดความเสียหาย เป็นคนนอกศาสนา และกลุ่มคนพวกนี้เรียกว่า เดรัจฉานวิชา เป็นผู้กระทำ เปราะบางทางสติปัญญา”อ.เสถียร กล่าว
ซัดไม่รู้จักศิลปะแล้วออกมาพูด
ทางด้านช่างพื้นบ้านเมืองเพชรเจ้าของงานปั้นใต้ฐานพระประธานวัดบางละมุง นายสำรวย เอมโอษฐ์ ออกมายืนยันว่างานปั้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ และนักการเมืองใต้ฐานพระประธานไม่เกี่ยวกับคุณไสยหรือการสะกดดวงประเทศ โดยระบุว่า รูปปั้นดังกล่าวเป็นวิธีบอกและเล่าเรื่องด้วยภาพบนฐานพระ เพราะศิลปะจะต้องมีองค์ประกอบ พระเอก นางเอก ตัวโกง มีเสนา และมีตัวโจ๊ก เหมือนกับเราดูภาพยนตร์หรือละคร จะต้องมีสิ่งเหล่านี้ประกอบ
ถ้านำเอาพระเอกคนเดียวมาแสดงเพียงอย่างเดียวรับรองไม่มีคนดู ต้องเข้าใจองค์ประกอบตรงนี้ด้วย ฉะนั้นในการปั้นจึงต้องใส่ตัวละครดัง อาทิ หม่ำ จ๊กมก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เพราะในยุคที่ปั้นพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ นั้น ก็ต้องปั้นลักษณะมือหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ อีกมือหนึ่งถือถุงเงิน บ่งบอกถึงเส้นทางทำมาหากินของเขา ไม่เกี่ยวกับคุณไสย เวทมนตร์ หรือสะกดดวงเมืองตามที่นายสนธิกล่าวอ้างสร้างความเข้าใจผิดแต่อย่างใด
สำหรับงานดังกล่าวลงมือปั้นรูปในปี 2546 เสร็จสิ้นในปี 2547 เจ้าอาวาสได้ว่าจ้างให้ทำลวดลายและฐานพระประธาน และให้ออกแบบตามใจชอบ การปั้นจึงไม่มีร่างแบบ ปั้นตามจินตนาการทั้งหมด
จ่อปั้นอีก “สนธิ” เฝ้าป่าช้า
นายสำรวย กล่าวต่อว่า งานศิลป์ก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ปูนปั้นที่ปั้นไว้บริเวณใต้ฐานพระประธานในพระอุโบสถวัดบางละมุง จะมีหลายบุคคล อาทิ นายสมชาย คุณปลื้ม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถือค้อน นายบรรหาร ศิลปอาชา หม่ำ จ๊กมก นายเนวิน ชิดชอบ ทำท่าเชือดไก่ให้ลิงดู เพราะตอนนั้นมีการทุจริตกล้ายาง
ด้านฝ่ายค้านก็มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน การปั้นหลายๆ คนบางคนจะจำหน้าไม่ค่อยแม่น เลยมีสัญลักษณ์เข้ามาประกอบ อย่างนายบัญญัติ ปั้นโดยการใส่ชุดมโนราห์ บ่งบอกถึงความเป็นชาวใต้
"ส่วนกรณีที่บอกว่าเป็นการทำคุณไสยนั้นหากเป็นการทำคุณไสยจริงๆ แล้วทำไมพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไปอยู่ต่างประเทศ ทำไมไม่ดีขึ้น จะลองไหม เดี๋ยวผมจะปั้นนายสนธิ แบกฐานพระบ้าง แล้วคุณจะต้องถูกพระกราบไหว้ทุกวันบ้าง ถ้าไม่ดีจริงถ้าคุณเป็นคนพูดปดแบบนี้คุณซวยแน่นอน และผมเตรียมปั้นรูปนายสนธิเฝ้าป่าช้าไว้แล้ว และก็มีสถานที่ปั้นแล้วด้วย แต่ไม่ขอบอกว่าที่ใด" ช่างสำรวยกล่าว
ช่างปั้นไม่ถือ-ยิ่งทุบยิ่งดัง
นายสำรวย กล่าวต่อว่า นายสนธิต้องการตี พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่สนใจว่าจะเกิดความเสียหาย หรือเสียความรู้สึกกับใครอย่างไร นายสนธิถือว่ามีแม่ยกเยอะ เป็นแบบแม่ยกลิเกไม่มีผิด ใครว่าเป็นต้องทะเลาะกับเขาทุกครั้ง
สำหรับความรู้สึกส่วนตัวที่ถูกนำไปพาดพิงนั้นรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้เดือดร้อนใจ ยิ่งทุบเป็นกลอง ยิ่งทุบยิ่งดัง มองว่าเป็นการเอางานศิลป์ไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง พยายามจะค้นหาอะไรที่จะเป็นเครื่องมือได้เขาจะทำทุกอย่าง พูดง่ายๆ เขาเป็นพระเอกแล้ว มีเพลงและแม่ยกเป็นของตัวเอง ตนเคยชอบในตัวนายสนธิ เคยนำจานเอเอสทีวีมาติดดู แต่ดูไปดูมามองว่านายสนธิ กำลังทำให้มิตรกลายเป็นศัตรู
"สาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่ผมปั้นรูปอดีตนายกฯ ทักษิณ เนื่องจากขุ่นเคืองเรื่องค่าโทรศัพท์มือถือ โดยก่อนหน้าที่จะปั้นนั้นเป็นหนี้ค่าโทรศัพท์ระบบเอไอเอส ที่ใช้มาไม่นานแต่ไม่ได้ไปจ่ายค่าบริการ และก็หยุดใช้ โดยค่าบริการประมาณ 1 พันบาท แต่ต่อมามีจดหมายมาทวงหนี้เป็นเงินถึง 6 พันบาท ก็ไปจ่ายและก็เคืองในใจ เนื่องจากเบอร์ก็ไม่ได้ใช้ แถมเสียเงินเพิ่มขึ้น ก็เลยปั้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้น
ยันทำงานศิลปะไม่ได้รักทักษิณ
สาเหตุหนึ่งที่ปั้นรูปบุคคลสำคัญไว้ที่ใต้ฐานพระเพราะทั้งพระและชาวพุทธต้องกราบไหว้เป็นประจำ แม้แต่กระดูกผีเขายังไม่ให้เอาไปไว้เพราะกลัววิญญาณจะตกนรก ส่วนมากเขาจะเอาไปไว้รอบๆ อุโบสถมากกว่า จึงต้องการจะรู้ว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นคนดีหรือเปล่า
ถ้าเป็นคนดีก็จะมีแต่ความเจริญ แต่ถ้าหากไม่ดีก็มีแต่เจ๊ง เพราะอย่างคนธรรมดาให้พระมาไหว้เราถามว่าเราจะยอมไหม ตรงนี้คนที่เขาคิดถึงแต่เรื่องคุณไสยเขาไม่เข้าใจ เพราะเขาเรียนสูงแต่ความรู้น้อย เราไม่เคยไปโจมตีคนอื่น เราปั้นไปตามความรู้สึกของเราเท่านั้น
แม้ว่าบางสิ่งเขาโกงแบบถูกกฎหมาย และเราก็มีความรู้สึกว่าเราถูกโกงถูกเอาเปรียบ การรักษามันโกหก ผมเป็นโรคไต บัตรทอง 30 บาทเดี๋ยวใช้ได้เดี๋ยวใช้ไม่ได้ จนก็ต้องมาพึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อย่างนี้ให้ไปปั้นรูปเหยียบย่ำสถาบันได้อย่างไร"
ถ้าเป็นคนดีคงดูข้อเท็จจริงก่อน
นายสำรวยกล่าวต่อว่า จะไม่หยุดลักษณะนี้อย่างแน่นอน ยิ่งมีเรื่องก็ยิ่งปั้นมากขึ้น จะได้บ่งบอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่งของสังคม เปรียบเสมือนการเขียน ถ้าเขียนแบบไม่มีเรื่องราวใครเขาจะมาอ่านหรือดู ขอติติงผู้ที่ออกมาวิจารณ์ว่าไม่มีความรู้ในด้านศิลป์ แล้วออกมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ เพราะถ้าคนที่มีความรู้ดี มีจรรยาบรรณ เขาต้องสืบถามถึงแหล่งที่มาก่อนว่าใครปั้น ใครจ้างให้ปั้น มีความเป็นมาอย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร
"อยู่ๆ ไปยิงปืนเปรี้ยงๆ 3 นัด แล้วก็มาบอกว่าผมไปแก้อาถรรพ์มาแล้วเพื่อขู่พระราหู ความจริงพระราหูที่เขาสร้างไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากฮ่องกงและคนทั่วไปที่ชอบมาสะเดาะห์เคราะห์ขอโชคลาภ ทางวัดก็จะนำเงินที่ได้รับบริจาคมาสร้างอุโบสถ ลำพังนักการเมืองไม่ได้ให้อะไรวัดเลย หากพ.ต.ท.ทักษิณให้วัดได้สร้างโบสถ์ป่านนี้พระอุโบสถคงสร้างเสร็จไปนานแล้ว นี่ไม่เคยมาเลย ที่สำคัญพ.ต.ท.ทักษิณ จะรู้จักวัดบางละมุงหรือเปล่าก็ไม่รู้"
รูปปั้นเหมือนบันทึกปวศ.
นายสำรวยกล่าวว่า การปั้นรูปนักการเมืองหรือบุคคลทั่วไป ก็เปรียบเสมือนเขียนการ์ตูนล้อเลียนบุคคลในหนังสือพิมพ์ เขาเขียนทุกวันไม่เห็นเป็นอะไร งานปั้นก็เป็นการเล่าเรื่อง การเขียนการ์ตูนก็เป็นการเล่าเรื่อง การที่มองว่าไปปั้นรูปคนแล้วเหมือนกับให้คนอื่นไปกราบไหว้ ตนคิดว่าอยู่ที่การกระทำของคนมากกว่า มันไม่ได้อยู่ที่รูปปั้น เพราะถ้าคิดอย่างนั้นขณะที่มีสัตว์เลี้ยง แมว หมา หรือสัตว์อื่นๆ ไปนอนในบริเวณที่พระประดิษฐานอยู่ ก็คิดว่าไปกราบไหว้ทั้งหมด มันไม่เกี่ยวกันเลย อย่าไปเหมาเอามารวมกัน
นั่นมันเป็นงานศิลป์ที่ปั้นด้วยปูน ในหลายๆ วัดเขามีทั้งปั้นรูปฝรั่ง คนญี่ปุ่น และอีกหลายๆ วัดมีรูปนักการเมืองที่เป็นบุคคลสำคัญอยู่เยอะแยะ ไม่เห็นจะมีปัญหา สำหรับช่างปูนปั้นในไทยก็คงมีตนเพียงคนเดียวที่กล้าปั้นแบบนี้ ถ้าจะไปปั้นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาก็มีมากอยู่แล้ว ปั้นไปคนทั่วไปก็ไม่ค่อยสนใจ หากปั้นเป็นบุคคลสำคัญขึ้นจะได้มีจุดสนใจมีการวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น ในยุคนั้นสมัยนั้นมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้าง ยืนยันหลังจากนี้จะปั้นให้มากกว่าเดิม
แฉอ้างมั่วหาพระชื่อชินวัตรมุนี
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับพระประธานในโบสถ์ที่มีการกล่าวหาทางวัดบางละมุงก็ไม่ได้ตั้งชื่อพระประธานในโบสถ์ว่าพระประธานชินวัตรมุนีตามที่นายสนธิกล่าวอ้างแต่อย่างใด สำหรับนายสำรวยนั้นเคยเป็นช่างที่ร่วมงานปั้นในพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จ.สมุทรปราการ
ส่วนความคืบหน้าของวัดบางละมุง หลังจากมีการเจรจาร่วมระหว่างอำเภอบางละมุง คณะกรรมการวัด และตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรชลบุรี ล่าสุดได้ข้อสรุปโดยจะให้ช่างทุบหน้ารูปปั้นของนักการเมืองออกจากฐานของพระประธานออกทั้งหมด เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย และไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากม็อบพันธมิตรชลบุรีฮือบุกวัด ปรากฏว่าประตูทางเข้าพระอุโบสถทั้ง 6 ทุกด้าน ทางวัดได้นำไม้ตีปิดทางเข้าออกอย่างแน่นหนา รวมทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยรักษาความปลอดภัยพระประธานอย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าอย่างเด็ดขาด
เจ้าอาวาสเครียดหารูปปั้นแทน
พร้อมทั้งติดป้ายประกาศข้อความเขียนไว้ว่าทางวัดมิได้มีเจตนาไปเกี่ยวข้องกับการเมืองและไสยศาสตร์ รูปปั้นทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของช่างในการก่อสร้างนั้น แต่เกิดความไม่สบายใจของประชาชนทั่วไป ทางวัดจึงได้ยินดีปรับปรุงแก้ไข
นางกิมฮะ พึ่งกลั่น อายุ 80 ปี กล่าวว่า อยู่วัดนี้มานาน จึงรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเรื่องทุกอย่างได้คลี่คลายไปทางที่ดีก็รู้สึกดีใจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รู้สึกหนักใจในเรื่องของงบประมาณก่อสร้างตกแต่ง แต่เมื่อกลุ่มพันธมิตรรับปากว่าจะนำผ้าป่ามาทอดให้ทางวัด จึงอยากขอฝากให้ทางกลุ่มพันธมิตรให้รีบดำเนินการโดยเร็ว
ส่วนบรรยากาศโดยทั่วไปพบว่ามีประชาชนเดินทางมาเยี่ยมชมวัดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริเวณหน้ากุฏิของพระครูสุวัฒน์ชลธาร เจ้าอาวาสวัดบางละมุง มีคณะกรรมการวัดได้นั่งหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไข รวมทั้งเรื่องการพิจารณาว่าจะปั้นรูปอะไรทดแทนรูปปั้นที่ถูกทุบทิ้งไปด้วย