WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, November 4, 2008

เอา “ทักษิณ” กลับมา เอา “พันธมิตรฯ” คืนไป


คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว

โดย อัฐศิริ


อุบัติการณ์สำแดงพลังของคนเสื้อแดงที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เป็นปรากฏการณ์ “ตีนตบสยบมือตบ” เสียราบคาบ หลังจากปล่อยให้เหิมเกริมมาช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้แกนนำพันธมิตรฯ ต้องหยุดปากพล่อยไปทันที ซึ่งก่อนหน้านี้กัดดะ ไม่ว่าจะเป็นใครหรือยิ่งใหญ่มาจากไหนก็ตาม ถ้าออกมาพูดให้พันธมิตรฯ ไม่พอใจ จะถูกตอบโต้กลับไปอย่างเสียๆ หายๆ ในทันทีทันใด

มีการตั้งข้อสังเกตว่า หลังวันแดงเดือดที่หัวหมาก พันธมิตรฯ ดูมีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
ไอ้ที่เคยพูดจาสามหาว ด่ากราดชาวบ้าน ก็มีน้ำเสียงที่ดูใกล้จะเป็นอย่างที่ “คน” เขาพูดกันบ้าง
จากที่ปฏิเสธทุกข้อเสนอ กลายมาการเป็นแบ่งรับแบ่งสู้

ทั้งนี้ ไม่ใช่อื่นใด เป็นเพราะรู้ชะตาตัวเองดีว่า ถ้ายังดึงดังไปก็เท่านั้น สู้มาหาทางลงจะไม่ดีกว่าหรือ ถึงเสียฟอร์มไปบ้าง ก็ยังอ้างได้ว่า เพื่อเห็นแก่บ้านเมืองจะได้เกิดความสงบเรียบร้อยเสียที

เพราะประเมินดูแล้ว ที่พยายามปลุกเร้า ปลุกระดม สร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความรุนแรง แล้วให้ทหารออกมาจัดการบ้านเมือง ก็ได้แต่รอแล้วรอเล่า...เฝ้าแต่รอ

จนมีข่าวกระเส็นกระสายออกมาว่า “นัดแล้วทำไมไม่มา”

ผมว่าใครมาทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจตามเสียงเชียร์ของพันธมิตรฯ นั้นไม่บ้าก็เมา เพราะความบอบช้ำเสียหายของประเทศในวันนี้ เป็นบทเรียนอันเจ็บปวดที่เห็นอยู่ตำตา

ทาง นปช. ก็ยืนยันว่า ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง นั่นไม่ใช่วิสัยของนักสู้เพื่อประชาธิปไตย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่บ้านเมืองวิกฤติมาจนทุกวันนี้ เป็นเพราะ คมช. เข้าไปยึดอำนาจ เพื่อต้องการจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการกวาดล้างระบอบทักษิณให้สิ้นซาก

เพราะนับวันจะได้รับการยอมรับจากพี่น้องประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับรากหญ้า ที่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ลูกหลานก็มีโอกาสเรียนหนังสือ เจ็บไข้ได้ป่วยก็มีบัตรทองมาดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาล คนมีงานทำ เศรษฐกิจไปโลด
ด้วยเหตุนี้ฝ่ายที่สูญเสียอำนาจจึงร่วมมือกับกลุ่มอำมาตยาธิปไตย พรรคการเมืองที่สะกดคำว่า “ชนะ” การเลือกตั้งเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศไม่เป็น ผสมโรงกับคนที่มีความแค้นเป็นการส่วนตัว เนื่องจากขออะไรแล้วไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยออกมาสดุดีว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด คนเหล่านี้ได้หลอมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อรับใช้และสืบทอดอำนาจเผด็จการ

ความแค้นนั้นทำให้หูหนวกตาบอด คิดอะไรสั้นๆ เพียงเพื่อได้แก้แค้นเป็นพอ ซึ่งเรื่องนี้ทางแกนนำพันธมิตรฯ ด้วยกันก็อ่านเกมกันออก หลังจากหลวมตัวมาเข้าเป็นพวก ซึ่งนับวันมีแต่เสียกับเสีย

เรื่องสำคัญคือ รายได้ที่จะนำมาใช้ในการก่อม็อบ ก็เอาไปใช้เพื่อเลี้ยงดูลูกน้องบริวารของตัวเอง ส่วนคนที่เข้ามาเป็นตัวตั้งตัวตี ประเภทมักน้อย ตบะเริ่มแตกแล้ว...แกนนำเริ่มคิดอ่านไปคนละทิศคนละทาง

เพราะฉะนั้นเรื่อง “กู้ชาติ” เป็นเรื่องที่อุปโลกน์ขึ้นมา เพื่อให้ดูดีมีราคา ให้คนเชื่อว่าไม่ได้ทำเพื่อตนเองก็เท่านั้น
“การเมืองใหม่” ก็มีปัญหา เจอทางตัน ถูกต่อต้านว่านี่ไม่ใช่ “ประชาธิปไตย” ไม่ได้ให้สิทธิประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน แต่เป็นการดูถูกคนไทยด้วยกันว่า ไม่ประสีประสากับเรื่องการเมือง

ผมเห็นว่า ทุกวันนี้คนที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาลมีสภาพเหมือนคนที่ “ติดคุก” จะออกไปไหนก็ไม่ได้ ซึ่งต่างกับ “คนเสื้อแดง” ไปจัดงานที่ไหนก็มีคนแห่ไปร่วมอย่างเต็มใจกันล้นหลาม ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง ที่สำคัญคือได้สาระความจริงมาประเทืองปัญญาอีกด้วย

จากการดื้อดึงเพื่อเอาชนะโดยไม่ยอมฟังเหตุผลของพันธมิตรฯ นั้น ผลออกมาเป็นอย่างไร ผมว่าพี่น้องคนไทยทุกสาขาอาชีพรับรู้อยู่เต็มอก เพราะต้องประสบอยู่ทุกวัน ไหนจะได้รับผลกระทบที่เกิดจากต่างประเทศ ที่ต้องรับเต็มๆ เพราะเราจะขาดรายได้จากการส่งออกจำนวนมหาศาล จึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หรือทำกันเล่นๆ เด็ดขาด

อยากให้พันธมิตรฯ โผล่ออกมาจากทำเนียบรัฐบาล แล้วจะรู้ว่าเพื่อนร่วมชาติได้รับความเดือดร้อนสาหัสสากรรจ์แค่ไหน แต่ก็ไม่ทราบว่าคนส่วนใหญ่จะยอมรับนับญาติกับพันธมิตรฯ ด้วยหรือเปล่านะ

ในขณะที่รัฐบาลเอง พยายามหามาตรการมาเยียวยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนนี้ แต่กลับได้รับการต่อต้านจากลิ่วล้อพันธมิตรฯ

นี่ขนาดเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนขนาดนี้ ถ้าเป็น “การเมืองใหม่” ที่ลากถูลู่ถูกังกันมามีอำนาจ “เสียงของประชาชน” จะมีความหมายสำหรับพวกเขาหรือ

จากการคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2552 ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤติโลก หรือเรียกว่า เผาจริง ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งหามาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะมาตรการทางการคลัง ซึ่งยืนยันได้ชัดเจนประการหนึ่งคือ จะไม่มีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มในทุกประเภทภาษีของกรมสรรพากรแน่นอน

และอาจมีข่าวดีคือ มีแนวคิดจะปรับลดภาษีนิติบุคคลลงจากปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 30% ของกำไรสุทธิ อาจปรับลดลง 5% เหลือ 25% โดยคิดเป็นรายได้ที่รัฐบาลจะสูญเสียประมาณปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่จะได้รับตามมา

เพราะการลดภาษีจะช่วยชะลอการปลดคนงาน และเป็นแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนใหม่หรือขยายการลงทุนได้ นอกจากนี้อาจปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ปกติจัดเก็บอยู่ที่ 5-37% ลงมาด้วย แต่อยู่ระหว่างศึกษาว่าควรปรับลดลงมาที่อัตราใด หรือช่วงเวลาใด เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และทำให้คนไม่เลี่ยงการเสียภาษีอีก

รายได้ที่สูญไปจากกลุ่มนี้อาจจะทดแทนด้วยการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันและเหล้าเพิ่มเติม เพราะเหล่านี้คือสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงอาจต้องเพิ่มการขาดดุลงบประมาณมากขึ้นในช่วงแรกๆ ของปีที่ปรับลดภาษี แต่ถ้าในระยะยาวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั่วประเทศรวม 1 ล้านคน คนละ 500 บาท รวมปีละ 6 พันล้านบาท เพื่อเป็นเงินสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุและกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าไปในตัว

จึงไม่แปลกที่คนไทยส่วนใหญ่จะคิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขวัญใจคนรากหญ้า
มีหลายประเทศที่เชิญอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยคนนี้ไปเป็นที่ปรึกษาเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเชื่อในมันสมองและฝีมือ แต่ประเทศไทยกลับมีคนส่วนน้อยพยายามเสือกไสไล่ส่ง ด้วยการวางแผนที่แยบยลเป็นขั้นเป็นตอน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นศัตรูตัวฉกาจของผู้ที่ไม่เอาประชาธิปไตย

แต่สำหรับคนไทยที่ไม่เอาเผด็จการ ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมากู้เศรษฐกิจของประเทศ กู้ความศรัทธายอมรับของนานาประเทศ ครับผม