WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, November 4, 2008

วีรบุรุษหรือทรชน


คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย สักวันหนึ่งเรื่องราวต่างๆ จะถูกเปิดโปงออกมาให้เห็นเป็นประจักษ์ต่อหน้าสังคมไทยและสังคมโลก นี่คือสัจธรรม ไม่ว่าใครทำอะไรเอาไว้ย่อมหลีกหนีไม่พ้นความจริง ซึ่งปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ในยุคปัจจุบันได้มีความคืบหน้าไปมาก

เกริ่นมาเสียยืดยาว เพียงเพื่อนำทางไปสู่ผลคดีชันสูตรพลิกศพของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ “สารวัตรจ๊าบ” ที่ได้มีการเปิดเผยออกมาในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง

"พบคราบเขม่าเคมี RDX ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวผสมสารดินระเบิดแรงสูงที่นำมาประกอบเป็นระเบิด หลงเหลืออยู่บริเวณรอบๆ รถ หลังจากรถถูกไฟไหม้ไปแล้วแต่ไม่หมดที่ยังหลงเหลือคราบเขม่า เศษชิ้นส่วนผนังพิง เศษกระจกข้าง ถูกแรงดันระเบิดกระเด็นแตกออกมา พบเชื้อปะทุไฟฟ้า 1 ดอก กองทับในซากที่ไหลไปตามน้ำอยู่บริเวณหน้าล้อรถ ซึ่งสันนิษฐานว่าเชื้อปะทุดังกล่าวไฟไม่ไหม้ หรือเสื่อมคุณภาพ หรือวางอยู่ใกล้ ทำให้ถูกแรงระเบิดปลิวออกมา นอกจากนี้ยังพบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ปลิวออกนอกรถ และบางส่วนเสียบที่ตัวผู้ตาย จึงสันนิษฐานได้ว่า พ.ต.ท.เมธี น่าจะทำเกี่ยวกับระเบิด เพราะขณะระเบิดน่าจะถือระเบิดไว้ในมือเพราะมือขาด พบขาขวาอยู่ในรถและร่างกายอยู่นอกรถตรงล้อหลังด้านซ้าย สันนิษฐานว่าตำแหน่งของระเบิดอยู่ด้านซ้ายประตูยุบโก่งงอ ประตูขวาไม่ชำรุด แรงระเบิดจากภายในทำให้เกิดแรงดันประตูเปิดทั้ง 4 บาน ใบหน้า พ.ต.ท.เมธี แหลกหายไป ขณะเกิดเหตุเชื่อว่าน่าจะก้มลงอยู่ ส่วนจะเป็นคาร์บอมบ์นั้นไม่ชัด และไม่น่าจะมี"

ขณะที่ผลการตรวจค้นภายในรถจี๊ปคันนี้ พบระเบิดทีเอ็นที ระเบิดซีโฟร์ และน้ำมันโซลาร์ผสมแอมโมเนียมไนเตรด หรือแอนโฟร์ ซึ่งล้วนเป็นระเบิดที่มีอานุภาพทำลายล้างทั้งสิ้น

ข้อมูลชันสูตรศพโดย พญ.จิตตา อุดหนุน แพทย์ประจำหน่วยนิติเวช และ พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปรี้ยวนิ่ม แพทย์นิติเวช และหัวหน้าหน่วยนิติเวช คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า

"เป็นชายผมสั้นสีดำ ยาว 2-3 เซนติเมตร สภาพศพฉีกขาดและไหม้เกรียมเกือบทั้งตัว ใบหน้าตั้งแต่คางขึ้นไปด้านแขนขวา แขนซ้าย ต้นขาขวาขาด และไหม้เกรียม บริเวณหน้าอกและหน้าท้องฉีกขาดจนถึงอวัยวะภายในทั้งหมด บริเวณขาขวาสวมถุงเท้ามีอักษร NISSAN? เหลือติดอยู่ ตรวจพบเศษวัสดุและเศษโลหะหลายขนาดจำนวนมากฝังกระจายอยู่ตามร่างกาย พบรอยต่อของกะโหลกศีรษะเชื่อมติดกันทั้งหมดแล้ว พบเนื้อสมองบางส่วนบริเวณรอบๆ ศพ ที่คอพบคราบเขม่าจำนวนมาก ลิ้นและกล่องเสียงไม่พบคราบเขม่าภายในหลอดลม ช่องอก-กระดูกสันอกหัก กระดูกซี่โครงหักทั้งหมด เยื่อหุ้มหัวใจและปอดซ้ายฟกช้ำและมีเลือดออก ไม่พบความผิดปกติของหลอดเลือดแดงเลี้ยงหัวใจ ช่องท้องภายในกระเพาะอาหารพบอาหารย่อยบางส่วนสีเหลืองประมาณ 300 ลูกบาศก์เซนติเมตร ม้าม ตับอ่อน ต่อมหมวกไส้ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ไส้ติ่ง หลอดเลือดแดงและดำใหญ่ และกล้ามเนื้อด้านหลังฟกช้ำ แขนขา-ต้นแขนขวา แขนซ้าย ต้นขาขวา ต้นขาซ้าย ดำเกรียม สาเหตุตายจากสมองและอวัยวะทั่วร่างกายฉีกขาด สันนิษฐานว่าเกิดจากแรงระเบิด"

ขณะที่ผลการพิสูจน์ออกมาแล้วขัดแย้งกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กล่าวหาว่าตำรวจยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ทั้งที่ไม่มีสะเก็ดระเบิดบริเวณรอบรถคัดดังกล่าวแต่อย่างใด

“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” ใครต่อใครที่ไปยกย่องเชิดชูเป็น “วีรชน” กับบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ชุมนุมโดยพกพาอาวุธร้ายแรงนานาชนิด เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน กระทำการนอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครอง

ความจริงประจักษ์ออกมาดังนี้แล้ว สมควรเรียก “ทรชน” มากกว่า “วีรชน” ไหม?