WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, November 3, 2008

นักวิชาการหนุน เสื้อแดงโชว์พลังอีก * BBC ทึ่ง!ขนาด PAD ยังปลุกระดมไม่ขึ้น


“นักวิชาการ” ชื่นชมปรากฏการณ์คนเสื้อแดง ที่ชุมนุมโดยสงบและเป็นไปอย่างสุภาพเรียบร้อย ต่างจากม็อบถ่อยพันธมิตรฯ ที่หยาบคาย กักขฬะ แถมสะสมอาวุธ ราวฟ้ากับเหว แถมยังถือเป็นการพัฒนากระบวนการปรชาธิปไตยในการชุมนุมภายใต้กรอบกฎหมาย แสดงออกชัดว่ายังมีพลังเงียบอีกจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมยืดเยื้อทำร้ายชาติบ้านเมือง และไม่เอาการปฏิวัติรัฐประหาร เชื่อหากทหารคิดก่อการอีกครั้งมีหวังเกิดสงครามกลางเมืองแน่ ด้านสำนักข่าว BBC ชี้คนรวมตัวกันมากเป็นประวัติการณ์ แม้แต่กลุ่ม PAD ที่พยายามปลุกระดมคนหลายครั้งหลายหน ก็ไม่เคยทำได้ขนาดนี้

การรวมพลังของคน “เสื้อแดง” เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นับเป็นปรากฏการณ์อันสำคัญทางการเมืองที่ได้รับการกล่าวถึงไปทั่วโลก ทั้งในความยิ่งใหญ่ที่ผู้คนจำนวนเรือนแสนเดินทางมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้มีการกะเกณฑ์ และทุกคนมาด้วยจุดประสงค์อันเดียวกันคือต่อต้านการรัฐประหาร อีกทั้งเป็นการชุมนุมโดยสงบและเป็นระเบียบเรียบร้อย

อีกทั้งการชุมนุมดังกล่าวยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับคนอีกกลุ่มที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง อย่างกลุ่มพันธมิตรฯ ที่แม้จะมีความพยายามจัดตั้งคนเข้ามาร่วมการชุมนุม มีพรรคการเมืองบางพรรคสนับสนุนการขนคน ก็ยังไม่เคยมีคนมากได้เท่านี้ ที่สำคัญคนกลุ่มดังกล่าวยังไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ แต่มีข่าวออกมาเป็นระยะว่ามีการทำร้ายร่างกายผู้อื่นและมีการสั่งสมอาวุธ


นักวิชาการชมพัฒนาปชต.

ดร.ปณิธาน วัฒนายากร คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงรายการ “ความจริงวันนี้สัญจรต้านรัฐประหาร” ว่าการชุมนุมของประชาชนจำนวนมากเช่นนี้ถือเป็นการพัฒนากระบวนการประชาธิปไตย เพราะบริบทของประชาธิปไตยต้องให้สิทธิของชุมนุมที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งรายการดังกล่าวก็ดูแลไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แม้จะมีคนมาชุมนุมเป็นจำนวนมากก็ตาม

“หากจะมีการจัดชุมนุมอีกเป็นครั้งที่ 3-4 ก็สามารถทำได้ แต่ต้องระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนไปเลยว่าจัดเพื่ออะไร เพื่อใคร และต้องระมัดระวังไม่ให้มีการหมิ่นกระบวนการยุติธรรม และ สถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย ซึ่งหลายฝ่ายกังวลในจุดนี้มากกว่าเรื่องอื่น”

อย่างไรก็ตาม ดร.ปณิธาน กล่าวว่า แม้จะเป็นการชุมนุมอย่างสงบ แต่ตนก็เป็นห่วงว่าจะมีการนำประเด็นต่างๆ ไปต่อยอดเพื่อหวังผลทางการเมือง ซึ่งไม่อยากให้เกิดภาพแบบนั้น

ชื่นชมการชุมนุมไร้ความรุนแรง

ทางด้านอาจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าในสังคมเรามีประชาชนที่มีความคิดเห็นที่ต่าง เพราะว่าที่ผ่านมามีคนเพียงกลุ่มเดียวที่ออกมาให้การสนับสนุนกัน

แต่การชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ทำได้ และเป็นสิ่งที่ดีที่ไม่ได้มีเหตุการณ์บานปลายหรือร้ายแรงแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นการออกมาเคลื่อนไหวของทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือทางภาครัฐเอง ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ปะทะ หรือเหตุการณ์ที่รุนแรงเนื่องจากว่าจะมีกลุ่มคนในสังคมที่ออกมากำกับและไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น

“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นว่า ในวันนี้การที่พรรคการเมืองหนึ่งสั่นคลอน หรือได้รับผลกระทบเข้า ก็เกิดผลสะท้อนกลับไปยังประชาชนที่ให้การสนับสนุนเขา ที่อยากออกมาปกป้องพรรคการเมืองของเขาจริงๆ” อาจารย์สมชายกล่าว

เทียบกันไม่ได้กับม็อบถ่อย

รศ.ดร.วรพล พรหมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ กล่าวว่างานดังกล่าวมีอยู่ 3 ประเด็นที่จะนำมาเปรียบเทียบกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ

ประเด็นแรกคือ ท่าที บุคลิกไม่ว่าจะเป็นทั้งแกนนำและประชาชนที่มาเข้าร่วมงาน แสดงให้เห็นว่ามีวินัย มีความสงบ ดูแลความปลอดภัยได้อย่างดี ไม่มีการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ซึ่งต่างจากพันธมิตรฯ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความก้าวร้าว มีท่าทีที่รุนแรง และพกพาอาวุธ แสดงอาการรุนแรงต่อนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล และพยายามยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด

อีกประเด็นคือการจัดหาสถานที่ จะเห็นได้ว่าสถานที่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการทำหนังสือแจ้งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดูแลพื้นที่ และมีการขออนุญาตใช้สถานที่อย่างถูกต้อง และได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเช่นเดียวกัน แต่สถานที่ของพันธมิตรฯ ไม่ว่าจะเป็นสะพานมัฆวาน ทำเนียบรัฐบาล ล้วนแต่ใช้ความรุนแรงโดยการยึดพื้นที่ และบุกเข้าไปอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

เสียงสะท้อนประชาธิปไตย

สุดท้ายคือเรื่องของจำนวนประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม จะเห็นว่าจำนวนประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาล นปช. และประชาธิปไตยได้มารวมตัวกันที่งานความจริงวันนี้สัญจร ซึ่งล้วนแต่เป็นตัวแทนของอำนาจประชาธิปไตยทั้งประเทศ เป็นประชาชนส่วนใหญ่ที่ออกมาแสดงพลัง แต่พันธมิตรฯ เป็นคนกลุ่มน้อยอย่างเห็นได้ชัดและเป็นคนกลุ่มน้อยของเผด็จการด้วย

“เป็นที่เห็นได้ชัดในสังคมแล้วว่ามีคนที่รักประชาธิปไตยขนาดไหน และมีคนต่อต้านรัฐประหารมากแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการทำลายกำลังใจของพันธมิตรฯ อย่างมาก”

ส่วนเรื่องของการที่พ.ต.ท.ทักษิณ โทรศัพท์ข้ามประเทศให้สัมภาษณ์ระหว่างการดำเนินการปราศรัยนั้น ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัด คือข้อความที่กล่าวปราศรัย ทำให้เห็นในอุดมการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งเชื่อมั่นในพระบารมี และเชื่ออำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยในระดับแรก และเชื่อมั่นมากกว่าตัวบุคคลในกระบวนการยุติธรรม

ท้าพธม.จัดคนให้เท่าเสื้อแดง

การที่ นายพิภพ ธงไชย หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นำสถาบันเบื้องสูงมาเกี่ยวข้อง รศ.ดร.วรพล กล่าวว่า เป็นการเบี่ยงเบนประเด็น เพราะการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวนั้นเป็นการแสดงความจงรักภักดี
อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งนายพิภพเคยนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากล่าวอ้างบนเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯ ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อความดังกล่าวแล้ว มีการดัดแปลงถ้อยคำ เพื่อให้กลุ่มตนเองได้ประโยชน์ในทางการเมือง ตรงนี้ต่างหากที่มองว่านายพิภพกำลังจาบจ้วงสถาบัน

ส่วนการที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาแถลงยินดีเจรจากับรัฐบาล มองว่าเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นมากกว่า อีกทั้งการที่พลตรีจำลองท้าให้จัดงานความจริงวันนี้สัญจร ให้ได้ทุกวันเหมือนอย่างที่พันธมิตรฯ ทำนั้น ตนไม่แน่ใจว่าหากทางพันธมิตรฯ จัด ASTV สัญจรแล้วใจะมีประชาชนมาสนับสนุนมากเท่ากับคนเสื้อแดงได้หรือไม่

ถ้าปฏิวัติมีสงครามกลางเมืองแน่

ด้าน นายกิตติพงษ์ สุ่นประเสริฐ อดีตเจ้าหน้าที่บีบีซีภาคภาษาไทย ประจำกรุงลอนดอน กล่าวว่าในมุมมองของสำนักข่าวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวบีบีซี สำนักข่าวรอยเตอร์ หรือสำนักข่าวเอเอฟพี และสำนักข่าวต่างประเทศอื่นๆ ต่างมองว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมา และวิเคราะห์กันอีกว่าพ.ต.ท.ทักษิณคือตัวเร่งที่สำคัญของประเทศ

อย่างสำนักข่าวบีบีซีมีการรายงานว่าการระดมคนของความจริงวันนี้สัญจรต้านรัฐประหาร มากกว่าของพันธมิตรฯ อย่างล้นหลาม มีบางสำนักที่วิเคราะห์ว่าอาจเกิดสงครามกลางเมืองได้ หากทหารจะทำรัฐประหาร เนื่องจากคนที่ไม่เห็นด้วยออกมาแสดงตนอย่างมากมาย

สำนักข่าวอีก 2 แห่ง ยังเสนอเรื่องที่มีงานรวมคนเสื้อแดงครั้งนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังช่วยรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกกดดันอย่างหนักจากหลายๆ เรื่อง อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวต่างประเทศยังตีข่าวเสนอในเรื่องเดียวกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขอพึ่งพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทั้งนี้ บีบีซีระบุถึงกระแสหลังการโฟนอินของอดีตนายกฯ ว่าแม้จะถูกให้ร้ายจากพันธมิตรฯ อย่างต่อเนื่อง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังอยู่ในใจคนทั่วไป และถือได้ว่าเป็นชัยชนะ

พร้อมจัดรายการสัญจรต่อเนื่อง

ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้ร่วมดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้” กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากๆ ที่มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่เข้ามาร่วมงาน การที่มีมวลชนมากมายขนาดนี้เป็นเสียงสะท้อนออกมาจากคนเบื่อสถานการณ์ในปัจจุบันมาก และไม่อยากให้คนบางกลุ่มมาเป็นเจ้าความคิดแทนคนทั้งประเทศ

ส่วนที่จะมีการดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้ต่อไปหรือไม่นายก่อแก้วกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เนื่องจากว่าหลายท่านก็ยังเหน็ดเหนื่อยในการเตรียมภารกิจที่ผ่านมา แต่โดยส่วนตัวผมมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความสุขปนสาระที่คนชอบและก็รู้สึกประทับใจ

“ส่วนประเด็นที่ว่าจะมีการจัดอีกหรือไม่ ผมมองว่าอาจจะมีการจัดอีกหลายครั้ง เพราะว่าประชาชนเรียกร้องกันมาก แต่ยังไม่ได้มีการคุยรายละเอียดว่าจะมีลักษณะรูปแบบเป็นอย่างไร เพราะว่าก็มีประชาชนอีกจำนวนมากที่อยากมาแต่ก็ไม่ได้มา คนที่อยู่ต่างจังหวัดก็เรียกร้องกันเยอะ ทุกคนมาด้วยใจกันจริงๆ” นายก่อแก้วกล่าว

แสดงพลังชัดไม่เอารัฐประหาร

ทางด้าน นายอดิศร เพียงเกษ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวว่า รู้สึกดีใจมาก เพราะว่ามีประชาชนเข้ามาร่วมงานเป็นแสนคน เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่า มีประชาชนจำนวนมากที่ออกมาต่อต้านรัฐประหาร และออกมาเรียกร้องรักษาระบอบประชาธิปไตย เรียกร้องให้มีการยึดในหลักของกฎหมาย เป็นปรากฏการณ์ของพลังเงียบที่มีเสียงข้างมากที่สุด และทุกๆ คนมาด้วยใจจริงๆ

“นอกจากจะได้รับความสนุกสนาน ก็ถือว่าเป็นอาหารสมอง และผมเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ที่นานๆ ครั้งจะเกิดขึ้น และเสียงสะท้อนออกมาว่าสิ่งที่พันธมิตรฯทำมันมากเกินไป เหิมเกริม และไม่เกรงใจใคร ทำให้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามไม่พอใจและออกมารวมตัวกัน”

นายอดิศรกล่าวต่อไปว่า คนที่ต้องการหรือคิดที่จะออกมาเรียกร้องการทำรัฐประหาร ต้องคิดให้หนักเพราะว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่สามารถที่จะชักจูงใจให้ใครมาร่วมงานกันได้ง่ายๆ เป็นพลังของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับคนที่ทำผิดที่เข้าไปยึด ทำเนียบ

คนอีสานรอ “ทักษิณ” กลับมา

นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ซึ่งนำสมาชิก 1,350 คนมาร่วมงาน ความจริงวันนี้ต้านรัฐประหาร กล่าวว่า งานครั้งนี้มีพี่น้องประชาชนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมากเรือนแสน ถือว่าเป็นประวัติการณ์ ที่แสดงให้เห็นถึงพลังเสื้อแดงจากทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจว่าต่อไปนี้เผด็จการคงจะไม่มีอีกแล้วเพราะฝ่ายประชาธิปไตยมีความเข้มแข็ง

ดังนั้นใครที่คิดหรือสนับสนุนเพื่อให้เผด็จการเข้ามายึดอำนาจ มาฉีกรัฐธรรมนูญ จะต้องคิดให้ดีว่า มีคนที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมากพร้อมจะออกมาต่อต้านขัดขวาง และ คิดว่าฝ่ายทหารเองก็คงไม่กล้าออกมาทำการรัฐประหารมายึดอำนาจ ตามที่กลุ่มพันธมิตรฯ พยายามจะให้เกิดขึ้น

นายขวัญชัยกล่าวอีกว่า เมื่อเช้าวันที่ วันที่ 2 พฤศจิกายน ตนได้จัดรายการสถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดร และเปิดสายให้ประชาชนโทรเข้ามาในรายการ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจที่ได้รับฟังเสียงของ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ท่านบอกว่ามีปัญหากับกระบวนการยุติธรรม ทำให้ท่านต้องมีสภาพอย่างทุกวันนี้ ซึ่งทุกคนแสดงความเป็นห่วงและให้กำลังใจท่าน และยังรอวันที่ท่านจะกลับมาเมืองไทย มาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ

พลังเงียบอีสานเริ่มเปิดตัว

นายลออ เปียทอง แกนนำคนโคราชรักประชาธิปไตย กล่าวว่า ได้นำสมาชิกของชมรมมาร่วมงานด้วยรถบัส 10 คัน และรถตู้รถและมีคนโคราชที่มารถส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่งต่างหาก เพื่อแสดงให้สังคมเห็นว่า คนที่รักความจริง ความถูกต้องนั้นยังมีอีกมาก

“แม้ว่าที่จังหวัดนครราชสีมาจะดูไม่เข้มแข็งเหมือนอย่างที่อื่นเช่นที่จังหวัดอุดรธานี เนื่องจากยังเป็นพลังเงียบ แต่เมื่อถามว่าจะร่วมกิจกรรมกับทางชมรมคนโคราชรักประชาธิปไตยหรือไม่ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พร้อม แต่ตอนนี้ยังไม่อยากเปิดตัว เนื่องจากบางคนมีหน้าที่การงาน มีธุรกิจ ที่ไม่อยากจะทำให้ธุรกิจได้รับความเดือดร้อนจากคนที่ไม่มีเหตุผล ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ตรงนี้ยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่น่าดีใจที่มีนักเรียนนักศึกษาที่มาร่วมงานกับเรามากขึ้น”

นายลออ กล่าวว่า งานวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทุกคนมาด้วยความสมัครใจ ด้วยความคิดถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กันเป็นแสนคนนั้น ตนคิดว่าพลังเงียบทั้งหลายเขาคงกล้าเปิดตัวแล้ว คนที่โคราชจะตื่นตัวมากขึ้น เพราะพิสูจน์ให้เห็นว่า คนส่วนมากยังรัก พ.ต.ท.ทักษิณ

พธม.กล่าวหาทำรากหญ้าแตกคอ

ด้าน นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมากล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าโจมตีกระบวนการยุติธรรม และหากประชาชนคล้อยตามไปกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะเกิดความแตกแยกในระดับรากหญ้า ทั้งยังกล่าวหาอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

อีกทั้งในการปราศรัยครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณที่จะไม่ยุติการต่อสู้ทางการเมือง เหมือนกับที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่หยุดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจะต้องมีการดึงเอาประชาชนในระดับรากหญ้ามาร่วมชุมนุมอีกแน่นอน

นายพิภพ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีไม่ควรใช้สื่อของรัฐในการถ่ายทอดสัญญาณรายการความจริงวันนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษ สะท้อนถึงภาวะการขาดความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี

ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงมีแนวร่วมผลัดกันขึ้นเวที ปราศรัยโจมตีนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างต่อเนื่อง

มาร์คบอกทักษิณต้องยอมรับผิด

ทางด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามสร้างกระแสทางการเมือง และไม่ยอมรับการกระทำของตัวเอง ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนกรณีที่ศาลแพ่งพิจารณาคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ตนคิดว่าศาลต้องพิจารณาด้วยความเป็นธรรม ถ้าทรัพย์สินส่วนใดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีมาแต่เดิม ก็มีโอกาสมากที่จะได้รับคืนสูงมาก แต่ถ้าส่วนใดที่ได้เพิ่มมาจากการใช้อำนาจหน้าที่มาแสวงประโยชน์ ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า สำหรับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะให้สังคมให้อภัยนั้น ตนคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องสำนึกผิดและรับผิดเสียก่อน การให้อภัยส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อตัวคนทำผิดต้องสำนึกผิด ยอมรับโทษแล้วการให้อภัยจะเกิดขึ้น ถ้าคิดอย่างนี้ ทุกอย่างก็เดินไปได้ แต่ถ้าคิดบนสมมติฐานว่าไม่ได้ทำผิดแต่กลายเป็นคนอื่นและกระบวนการยุติธรรมผิดหมด ตนยังนึกไม่ออกว่าจะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าได้อย่างไร ทั้งนี้ ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ปล่อยใจให้ว่างแล้วทบทวนข้อเท็จจริงว่าความไม่เป็นธรรมเกิดจากอะไร ซึ่งตนเห็นว่าง่ายมาก