“ทักษิณ” เตรียมโฟนอินบอกเล่าการตัดสินใจทางการเมือง 10 ธ.ค.นี้ ผ่าน “ความจริงวันนี้” ที่สนามศุภชลาศัย เชื่อเป็นการบอกเล่าทิศทางการเมืองไทยในอนาคต ระบุหาก พปช.ถูกยุบพรรคจริง ไม่กระทบมากเพราะเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว โดยอาจให้นายกฯ ชิงลาออก พร้อมยอมรับข่าวผลักดัน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นทายาทรุ่น 3 มีความเป็นไปได้
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน (พปช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ จะเห็นการตัดสินใจทางการเมืองที่ชัดเจนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะโทรศัพท์สายตรง (โฟนอิน) เข้ามายังรายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 4 ซึ่งจะจัดขึ้นที่สนามศุภชลาศัย
"ผมเชื่อว่าความชัดเจนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องทิศทางการเมือง วันที่ 10 ธันวาคม น่าจะมีความชัดเจน เราต้องยอมรับความจริงว่าประเทศไม่ปกติตั้งแต่ 19 กันยายน 49 มีทุกอย่างที่ไม่ปกติมากภายใต้กติกานี้ ที่ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ (ที่ฮ่องกง) เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งคุณทักษิณ จะพูดอีกทีวันที่ 10 ธันวาคม ทุกอย่าง ถ้าจะฟังต้องรอวันนั้น เรื่องหลักคือบ้านเมือง ทิศทางการเมืองของไทย และคุณทักษิณจะเดินต่อไปอย่างไร" นายจตุพรกล่าว
ส่วนความพร้อมรับมือของพรรคพลังประชาชนหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรคนั้น นายจตุพร เชื่อว่า หากพรรคถูกยุบจริงก็จะไม่เกิดผลกระทบมากนัก เพราะเตรียมการรับมือไว้แล้วเนื่องจากเป็นที่เชื่อกันว่าพรรคจะไม่รอดจากการถูกยุบแน่นอน ด้วยการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะเกิดการยุบพรรค
"ก่อนการยุบพรรค (พปช.) มีข้อเสนอกันว่า เมื่อรู้วันเวลาชัดเจน (ที่จะถูกยุบ) ก็หานายกฯ คนใหม่ที่ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรค เพราะฉะนั้นยุบพรรคก็ไม่ได้กระเพื่อมอะไร ขณะที่นั่งฟัง(คำตัดสินจากศาล) การยุบพรรค เราก็มีรัฐบาลใหม่ที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคยุบพรรคก็ไม่ได้กระทบกระเทือนมากมาย เพราะได้เตรียมการไว้ก่อน และยอมรับความจริงว่าไม่ได้คิดหวังว่าจะรอดจากการยุบพรรค เพราะเห็นกระบวนการบิดเบี้ยวมาตั้งแต่ต้น" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า มีความพยายามของบุคคลบางกลุ่มเพื่อจะวางเกมให้พรรคพลังประชาชนถูกประหารทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็ตาม ซึ่งมีทั้งเรื่องการยุบพรรค เรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ทั้งนี้ยอมรับว่าในความเป็นจริงแล้วต้องการจะได้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยเข้ามาช่วยบริหารประเทศก็ตาม แต่ทั้งหมดได้ถูกประหารทางการเมืองไปแล้ว ดังนั้น บุคลากรที่เหลืออยู่แม้จะสู้ไม่ได้กับบุคลากรชุดก่อน แต่พรรคก็จำเป็นต้องเลือก
"หากคุณต้องการประหารทางการเมือง ต้องการให้คณิตศาสตร์ทางการเมืองเสีย และประเทศบอบช้ำ เราก็จะแก้ไขปัญหาตามแนวที่คุณต้องการจะฆ่าเรา เราต้องการจะรักษาชีวิตให้คนที่ต้องการฆ่าเราให้ดู แม้ว่าคนใหม่จะไม่เท่าคนเก่า แต่เมื่อไม่มีทางเลือก เราจำเป็นต้องเลือกเพื่อมีชีวิตเดินหน้าต่อไป ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง" นายจตุพร ระบุ
ส่วนแนวคิดที่จะดึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นแกนนำรุ่นที่ 3 ด้วยการส่งลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหากบุคลากรที่พรรควางตัวไว้ เช่น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นต้น ต้องเจอกับคดีปราสาทเขาพระวิหารนั้น นายจตุพร กล่าวเพียงว่า แนวคิดนี้ก็มีความน่าจะเป็นไปได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ยืนยันว่า จากที่ได้หารือกันในพรรคทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าจะไม่ใช้ทางออกเรื่องการยุบสภาอย่างแน่นอน เพราะแม้จะยุบสภาไปแล้ว แต่ปัญหาเดิมๆ ก็ยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การใช้กติกาบ้านเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมคือปี 2550 ดังนั้น การยุบสภาจึงไม่ใช่ทางออกของปัญหา