WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, November 18, 2008

ถึงคราวคน กทม.‘Change’


คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

ในที่สุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิด กรณีรถและเรือดับเพลิง มูลค่าหลายพันล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องราวใหญ่โตมาแต่ก่อนที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน จะลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ภายใต้ชื่อเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ 4 ปีก่อนโน้น

พรรคประชาธิปัตย์ คัดค้านเรื่องราวของรถและเรือดับเพลิง เพราะมีการร้องเรียนจากอีกบริษัทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการประมูลครั้งนี้ โดยคนของพรรคซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น เดินเกมอย่างถึงพริกถึงขิงที่จะยกเลิกโครงการ และที่สำคัญเห็นว่าเป็นสิ่งที่จะเรียกคะแนนเสียงกลับคืนมาได้ จึงตัดสินใจป่าวประกาศไม่เห็นด้วยกับโครงการดังว่ามีการเข้ามายกเลิกการเปิดแอลซี ไม่มีการเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญา มีเพียงเจรจาเพิ่มประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ

มีการเปิดแอลซีใหม่ ประเด็นสำคัญที่อ้างคือถูกบีบจากกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่จดหมายจากกระทรวงมหาดไทย เปิดกว้าง “แล้วแต่ดุลพินิจของผู้ว่าฯ กทม.”

แอลซีคือหนังสือที่จะนำของเข้ามา โอนเงินให้กับคู่สัญญา และตามสัญญาแฝงความหมายเอาไว้คือการเปิดให้มีการดำเนินการเริ่มต้นสัญญาอย่างเป็นทางการนั่นเอง

ซ้ำร้ายกว่านั้น การเปิดแอลซี แล้วไม่ยอมเซ็นรับของ มีการจ่ายเงินงวด 2-3 ปล่อยให้รถดับเพลิงจอดเกลื่อนลานท่าเรือ ทำให้งบประมาณจากภาษีอากรสูญเปล่าไปฟรีๆ หลายพันล้านบาท แต่ของไม่ได้นำออกมาใช้

น่าเสียดายที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการสืบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ไม่ได้สืบเสาะลงไปให้ลึก ว่าการโกงกันนี้มีการกระทำกันแล้วมีสิ่งแลกเปลี่ยนอย่างไร

เพราะข่าวฉาวๆ ที่ว่าพูดกันเยอะแยะทั้งในและนอกพรรค งานนี้อาจจะแบ่งเปอร์เซ็นต์กันร่วมๆ 2 พันล้าน “พรรคครึ่งหนึ่ง ผู้ว่าฯ ครึ่งหนึ่ง” มีมูลความจริง ความเท็จ หรือไม่ เพียงใด เพราะช่วงที่กลับมาเซ็นเปิดแอลซี นั้นเป็นช่วงของการเลือกตั้งทั่วไปพอดิบพอดี

อาจจะมี คนตัวดำ คนหน้าดำ ต้องการหาบารมีในพรรคเพื่อโค่นอีกกลุ่ม จึงหาเงินมา “โปะ” ให้กับคนที่คิดว่าจะได้เป็น ส.ส. แม้ไม่อยู่ในโควตาของตนเอง เพื่อหวังผลหลังเลือกตั้งจะเปลี่ยนผู้นำพรรคคนใหม่ให้ได้ แล้วเปลี่ยนได้จริงๆ ว่ากันว่างานนั้นหมดไป 500 เหลือเก็บอีก 500 ส่วนที่เหลืออีก 1,000 เขาเอาให้เป็นหลักประกัน ค่าวิ่งคดี และค่าติดคุก รวมๆ แล้ว 2,000 พอดีเป๊ะ เรื่องราวเหล่านี้จริงเท็จขนาดไหนเพียงใด เป็นเรื่องที่หลายคนยังสงสัยและเรียกร้องให้มีการติดตามล้วง แคะ แกะ เกา เงินก้อนนี้ออกมาให้ได้ มีก็บอกว่ามี ไม่มีก็บอกว่าไม่มี...เมื่อนั้นจะได้เห็นพรรค “ถูกทุบ” (เขียนไม่ผิด) ไม่ใช่ “ถูกยุบ” โดยประชาชน

แม้จะไม่ได้ข้อมูลหลักฐานที่ร่ำลือกันดังว่า คือ “เงินสินบน” แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว เรายังไม่เห็นท่าที่ของ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคต้นสังกัดของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการ กทม. ที่ส่งลงแข่งขันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมานี่เอง จะประกาศความรับผิดชอบแต่อย่างไร มีแต่หน้าหนาบอกว่าจะส่งคนลงแข่งขันอีก

“ยกหางตัวเอง” เปรียบเป็น “โอบามา” ในนโยบายหาเสียงที่เรียกสั้นๆ ว่า “Change” หรือ “การเปลี่ยนแปลง” ผู้คนเขาสงสัย อาจจะมีอีกหลายโครงการที่ “ซุกขยะไว้ใต้พรม” เช่น เมกะโปรเจ็กต์ 1.98 หมื่นล้านบาท งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ งบระดมทุน ฯลฯ ... คนกรุงเทพมหานคร ถึงคราว “Change” อย่างแท้จริงเสียแล้วกระมัง ให้โอกาสอีกฝ่ายเข้าไปตรวจสอบจะดีกว่า