เพื่อไทย
Thursday, November 20, 2008
"กล้านรงค์"ไม่รู้ไม่ชี้เมียปกปิดทรัพย์สิน
"กล้านรงค์"ทำใจดีสู้เสือ แอ่นอกรับแทนเมีย ขึงขังหากผิดจริงพร้อมทิ้งเก้าอี้ แต่ขอเวลาตรวจสอบก่อน อ้างขี้หลงขี้ลืม พร้อมขอบคุณ"เสวก"ที่ช่วยเตือนความทรงจำ
จากกรณีที่ พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ และเพื่อนร่วมรุ่น นรต. 26 กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบันว่าตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีการลงทุนของนางพันทิพา จันทิก คู่สมรส ที่ถือหุ้นบริษัทภานันทน์ จำกัด
วันนี้ (20 พ.ย.) นายกล้านรงค์ ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า ตนจำรายละเอียดเกี่ยวกับการยื่นบัญชีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ช.ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมาค้นดูแล้ว บริษัทภานันท์ จดทะเบียนตั้งแต่ ปี 2532 ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารอยู่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ พล.ต.ต.เสวก ด้วยที่มายื่นให้ตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบคนอื่น ก็ต้องพร้อมให้คนอื่นมาตรวจสอบเราได้ด้วย แต่ยืนยันว่าเกี่ยวกับรายละเอียดนั้น ตนจำไม่ได้จริงๆ แต่ว่าเรื่องนี้ก็มีหลักฐานอยู่ ถ้ามีหุ้นอยู่จริงก็จะมีหลักฐาน ถ้าไม่แจ้งก็คือไม่แจ้ง
"คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีอำนาจที่จะพิจารณาเรื่องนี้ได้ และหากมีการวินิจฉัยว่าผมจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตนก็พร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบ ถึงแม้ว่าจะรู้หรือไม่รู้เรื่องด้วยก็ตาม "
เมื่อถามว่า คิดว่าการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่ เพราะพล.ต.ต.เสวก เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ตนไม่คิดอย่างนั้น แต่คิดว่าต้องขอบคุณจริงๆ ที่มายื่นให้ตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมาตนก็ไม่ทราบ จึงต้องรอให้มีการนำเอกสารหลักฐานมาตรวจสอบก่อน เท่าที่ทราบคือบริษัทดังกล่าวได้เปิดกิจการประมาณ 2-3 ปี ก็ขาดทุน จากนั้นตนก็ไม่ทราบรายละเอียดในการดำเนินการ
“ต้องดูรายละเอียดว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร ถ้าจะวินิจฉัยว่าผิด ผมก็พร้อมทุกอย่าง จะให้ออกจากตำแหน่งก็ได้ เพราะผมไม่ได้ติดยึดตรงนี้ การมาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ก็ไม่ได้วิ่งเต้นใครมาเลย ถ้าผมผิดก็คือผิด ไม่มีการช่วยเหลือกัน แต่ผมยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดบัญชีทรัพย์สินเลย ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ต้องไปพิสูจน์และวินิจฉัยต่อไป”นายกล้าณรงค์ กล่าว