คอลัมน์ : ละครชีวิต
โดย ลวดหนาม
ผมเคยได้คุยกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หรือ เสธ.แดง กับการออกมาจองกฐินพวกพันธมิตรฯ ในทำเนียบรัฐบาลหลังงานพระราชพิธี
เสธ.แดงบอกว่า คำขู่ดังกล่าว ไม่ได้หมายถึงไปลงมือปาระเบิด แต่เป็นการใช้หลักจิตวิทยา ที่ต้องการให้พวกมารออกจากทำเนียบ
กรณีเหตุระเบิดที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อคืน 20 พฤศจิกายน หลายคนมุ่งมาที่เสธแดงว่าเป็นคนกระทำหรือไม่ ?
กลุ่ม 40 ส.ว.จอมเพี้ยน นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสมชาย แสวงการ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ออกมากดดันให้กองทัพบกเล่นงาน เสธ.แดง ทันที
ผมมองว่าเรื่องนี้ ไม่ยุติธรรมกับ เสธ.แดง เพราะคนที่ต้องการเล่นงานพันธมิตรฯ ในทำเนียบรัฐบาลมีมากมายเหลือเกิน
คนหมั่นไส้กันทั่วประเทศ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดระเบิดอีกกี่ครั้ง ก็ไม่สมควรที่จะโทษใครคนใดคนหนึ่ง เพราะคนที่หมั่นไส้พันธมิตรฯ จริงๆ ไม่จำเป็นต้องออกมาประกาศแบบ เสธ.แดง ให้เป็นเป้าหรอก
ผมเข้าไปดูข้อมูลจากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ระบุหัวข้อว่า “ลึกแต่ไม่ลับ ระเบิด พันธมิตรฯ เรื่องของคนกันเอง” ซึ่งน่าสนใจมาก
ผู้ให้ข้อมูลท่านนี้ระบุว่า การ์ด พธม. ระดมกำลังทุกทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อกันตำรวจที่จะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ
ปมลึกของเหตุระเบิด เกิดจากระหว่างการปราศรัยของของแกนนำบนเวทีได้ร้องรำทำเพลง โดยมีผู้ร่วมชุมนุมลุกเต้นกันอย่างสนุกสนานรวมทั้งการ์ดพันธมิตรฯ คนหนึ่งที่อยู่ในอาการเมามาย ระหว่างนั้นกลุ่มนักรบศรีวิชัยที่ติดตามแกนนำ ได้เข้ามากันการ์ดนายนี้ออกไป
ต่อมาเกิดการโต้เถียงจนเกือบบานปลาย แต่ทางแกนนำขอร้องไว้ ภายหลังจากเหตุทะเลาะวิวาทประมาณ 10 นาที ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและตายดังกล่าว ส่วนการ์ดพันธมิตรฯ คนดังกล่าวได้หายตัวไปจากที่ชุมนุม
ทั้งนี้ คาดว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ทำลายหลักฐานบริเวณที่เกิดเหตุทั้งหมด และแถลงข่าวว่า มีการยิงระเบิด M79 มาจากด้านนอกของทำเนียบรัฐบาล
พร้อมกล่าวหาว่ารัฐบาลต้องมีส่วนรับผิดชอบ และคนลงมือปฏิบัตการน่าจะเป็นนายทหารชื่อดังที่ถูกกองทัพตรวจสอบวินัย ในขณะนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า ภายในทำเนียบรัฐบาล กลุ่มผู้ชุมชุมค่อนข้างบางตา เหลือเพียงผู้สูงอายุเท่านั้น อีกทั้งมีข่าวเรื่องเงินสนับสนุนที่น้อยลง เนื่องจากผลมาจากพิษเศรษฐกิจและผู้คนที่เคยสนับสนุนพันธมิตรฯ เริ่มกลับเข้าสู่ทางสายกลางเป็นจำนวนมาก และไม่เห็นด้วยกับการชุมชุมที่ ขาดเป้าหมายที่ชัดเจนและข้อเรียกร้องมีมากมาย
พร้อมทั้งมีกระแสข่าวตลอดเวลาว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล อาจถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุกในเร็ววันนี้ และกระแสที่นายสนธิอาจหนีคดีไปอยู่ที่จีนก็เป็นได้
ดังนั้น พันธมิตรฯ จึงปลุกระดมเพื่อชุมนุมวันที่ 23 พฤศจิกายน ซึ่งได้ประกาศว่าเป็นการชุมนุมใหญ่ ครั้งสุดท้ายของสุดท้าย และจะสิ้นสุดแบบม้วนเดียวจบ ไม่มีม้วนต่อไป
จากข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ แสดงให้เห็นการเชื่อมโยงของ “เผด็จการ” ที่หวังกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และฝ่ายประชาธิปไตยไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด
แม้ผมจะมีความคิดเห็นตรงกันข้ามกับ นายเจนจิต กลัดสาคร พันธมิตรฯ ผู้เสียชีวิตจากระเบิด แต่ก็รู้สึกเสียใจไม่ใช่น้อย
เพราะนายเจนจิตคือ “เหยื่อ” ของเผด็จการจอมอำมหิตที่ต้องการเพียงแค่ทำลายประชาธิปไตย แค่นั้นเอง!