WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, November 20, 2008

ศาลคุ้มครองเงิน"โอ๊ค-เอม"สั่งแบงก์ระงับจ่ายสรรพกร 1.2 หมื่นล.


ศาลปกครองกลาง สั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามแบงก์ไทยพาณิชย์ส่งเงินบัญชี "โอ๊ค-เอม" จ่ายภาษีให้สรรพากร 1.2 หมื่นล้านบาท จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาคดีธนาคารไทยพาณิชย์ร้องขอเพิกถอนคำสั่งกรมสรรพากร ออกคำสั่งอายัดทรัพย์ซ้ำซ้อน คตส.

วันนี้ (20 พ.ย.) ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ระงับการส่งเงินในบัญชีเงินฝากของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) มีคำสั่งวันที่ 11 มิ.ย.50 ให้อายัดเงินในบัญชีฝากธนาคารที่ครอบครัว บุตร บริวาร ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน) ให้แก่กองทุนเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ กับกรมสรรพากร ผู้ถูกฟ้อง จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

โดยคดีนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ ฯ โดยนายวุฒิพงษ์ เวชยานนท์ ผู้รับอบอำนาจ ยื่นฟ้อง กรมสรรพากร เป็นผู้ถูกฟ้องเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา เรื่องพิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอให้ศาลทบทวนคำสั่งกรมสรรพากร ที่มีคำสั่งอายัดห้ามธนาคาร จำหน่าย จ่ายหรือโอนสิทธิ เรียกร้องเงินในบัญชีเงินฝากของนายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา และมีคำสั่งให้ธนาคารนำส่งเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร เพื่อชำระค่าภาษีอากรค้าง เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มที่คำนวณจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.50 ของนายพานทองแท้ จำนวน 6,075,498,993.21 บาทและ น.ส.พินทองทา จำนวน 6,075,236,235.38 บาท ซึ่งเป็นคำสั่งอายัดซ้อนกับคำสั่งอายัดของ คตส.

โดยธนาคารเห็นว่าหากปฏิบัติตามคำสั่งของกรมสรรพากร อาจทำให้ธนาคารมีความผิดตามกฎหมาย จึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งอายัด ลงวันที่ 30 พ.ย.50 ของกรมสรรพากรและคำสั่งกรมสรรพากร ลงวันที่ 22 ส.ค.51 ที่ให้ ธ.ไทยพาณิชย์ ส่งเงินในบัญชีเงินฝากดังกล่าวเพื่อชำระภาษีอากร พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตราคุ้มครองชั่วคราวด้วย

ทั้งนี้ ศาลปกครอง พิจารณาคำฟ้องและเอกสารที่ได้จากการไต่สวนคู่ความและบทบัญญัติกฎหมายแล้ว ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนว่า คำสั่งอายัดของ คตส. ลงวันที่ 11 มิ.ย.50 อาศัยอำนาจตามประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 30 ก.ย.49 ส่วนคำสั่งอายัดของผู้ถูกฟ้อง อาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 จึงเห็นได้ว่า หน่วยงานทางปกครองทั้งสองแห่ง อาศัยอำนาจตามกฎหมายคนละฉบับออกคำสั่งอายัดในทรัพย์สินรายการเดียวกัน

โดยปรากฏภายหลังที่ คตส. มีคำสั่งอายัดแล้ว เมื่ออัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลย ว่าร่ำรวยผิดปกติ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ขอให้ทรัพย์สินที่ คตส. สั่งอายัดไว้ พร้อมทั้งดอกเบี้ยของทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดิน และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาฯ โดยยังไม่มีการเพิกถอนคำสั่งคตส.

ขณะที่ผู้ฟ้องยังรักษาเงินในบัญชีเงินฝากของบุคคลทั้งสอง ประมาณ 30,000 ล้านบาทไว้ก่อนโดยให้ผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย ซึ่งจากการไต่สวนยังพบว่าผู้รับมอบอำนาจของผู้ถูกฟ้อง ให้ถ้อยคำต่อศาลว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ผู้ค้างภาษี ได้อุทธรณ์การประเมินภาษีต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งคณะกรรมการฯ มีอำนาจวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงจำนวนภาษีและเบี้ยปรับได้

จึงเห็นว่าหากผู้ฟ้องจะส่งเงินในบัญชีเงินฝากให้กับผู้ถูกฟ้อง หรือระงับการส่งเงินให้ผู้ถูกฟ้อง ย่อมอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี เนื่องจากทั้ง คตส.และผู้ถูกฟ้องต่างออกคำสั่งอายัดทรัพย์รายการเดียวกันโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย ผู้ฟ้องจึงอยู่ในฐานะยากลำบากต่อการปฏิบัติทางใดทางหนึ่ง ประกอบกับขณะนี้คดีที่เกี่ยวพันกับการบังคับทรัพย์สินดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองและศาลฎีกาฯ

ดังนั้น หากให้ผู้ฟ้อง ส่งเงินในบัญชีเงินฝากนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ที่ถูก คตส. อายัดไว้ให้กับผู้ถูกฟ้อง แล้วถ้าภายหลังผู้ฟ้องต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ อาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ฟ้อง ซึ่งยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลังเนื่องจากเป็นเงินจำนวนสูงมาก อีกทั้งหากศาลปกครองมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีผลกระทบต่อการบริหารงานของรัฐ กรณีจึงมีเหตุอันสมควรที่ศาลจะกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาตามคำขอผู้ฟ้องคดี

ศาลจึงมีคำสั่งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ ระงับการส่งเงินในบัญชีเงินฝากของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว ของ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งถูก คตส. มีคำสั่งวันที่ 11 มิ.ย.50 อายัด ให้กับกรมสรรพากร จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น