WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, November 20, 2008

พธม.เสี้ยมสื่อป้ายขี้บก.ใหญ่นสพ.หัวสี

“พันธมิตร” เหิมหนักขึ้นทุกวัน ล่าสุด “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ออกมายกหางสื่อพวกเดียวกัน พร้อมทั้งเปิดฉากถล่มใส่สื่อหัวสี กล่าวหาบรรณาธิการอาวุโส รับเงิน “ทักษิณ” เพื่อเขียนข่าวรับใช้ ซ้ำยังไปเขียนกระแนะกระแหนม็อบบนหน้า 3 หนังสือพิมพ์อีกเล่มในค่ายเดียวกันที่มีสโลแกนเน้น “คุณภาพ” ซ้ำยังเล่าความเท็จได้เป็นฉากว่ามีการซื้อตัวตั้งแต่ระดับเจ้าของ บรรณาธิการ ไปจนถึงนักข่าว

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงกรณีรัฐบาลในอดีตข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนว่า ใช้วิธีการแทรกแซงด้วยการเข้าไปขอร้องให้ปิดคอลัมน์ที่โจมตีรัฐบาลได้หรือไม่ และถ้าขอร้องไม่ได้ เขาจะส่ง ปปง.เข้าไปตรวจสอบรายการบัญชีของหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ที่มีจุดยืนมั่นคงที่สุดคือ กรุงเทพธุรกิจ ส่วนหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ และหนังสือพิมพ์แนวหน้า ได้ต่อสู้ร่วมกันมายาวนานถึง 8 ปี แล้ว ดังนั้น หนังสือพิมพ์ทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวจึงเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณ แต่เป็นมิตรที่ดีของประชาชน

“นอกจากนี้ยังมีแทรกแซงรายการวิทยุ โดยเฉพาะนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ทำให้พี่น้องประชาชนเห็นใจ จึงลงคะแนนเสียงให้นายบุญยอดชนะการเลือกตั้งมาแล้ว 2 รอบ แสดงว่าสื่อมวลชนไหนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการแล้วเข้าไปทำลาย ก็จำให้สื่อมวลชนนั้นเป็นที่ต้องการของประชาชน โดยจะเห็นได้จากรายการโทรทัศน์ที่ลือลั่นที่สุด นั่นก็คือรายการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งถูกระบอบทักษิณ สั่งปิดรายการในเดือน ก.ย.2548 จึงทำให้เกิดการปราศรัยขึ้นที่หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ และที่สวนลุมพินี” นายสมเกียรติ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า มีคนอยู่ 3 กลุ่ม คือ 1.เจ้าของ หรือนายทุนหนังสือพิมพ์ 2.บรรณาธิการอาวุโส ซึ่งคอยกรองข่าวที่นักข่าวส่งเข้าไป โดยเฉพาะข่าวกรองจากเหตุการณ์ 7 ต.ค.ว่า นายตี๋ที่มือขวาขาด แต่มือซ้ายที่ถือกุญแจ กลับบอกว่าเป็นลูกระเบิด นี่คือบทบาทการกรองข่าวของบรรณาธิการอาวุโส

ส่วนกลุ่มที่ 3.คือ ผู้สื่อข่าว ซึ่งเชื่อถือได้มากที่สุด เพราะเวลาที่เราแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวเหล่านั้นก็จะส่งข่าวเข้าไปในสำนักพิมพ์ แต่บรรณาธิการที่รัยข่าวกลับพลิกข่าวและบิดเบือน ฉะนั้น นายทุน กับนักการเมือง จึงต้องซื้อบรรณาธิการเอาไว้ แล้วคบไว้เป็นเพื่อน เช่น หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งบรรณาธิการชอบบินไปกินข้าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง แล้วเอาภาพข่าวของนายตี๋ ที่มือซ้ายถือกุญแจ แต่เขากลับระบุชัดเจนว่าเป็นระเบิด

“นอกจากนี้ ยังมีบรรณาธิการของหนังสือบางฉบับที่สนิทสนมกับคนเดือนตุลา และสนิทกับคนของระบอบทักษิณ ซึ่งไปเอาภาพของกษัตริย์เนปาลมาออกวารสารรายสัปดาห์ แล้วบอกว่าเป็นกรณีศึกษา ซึ่งคล้ายๆ กับจะเตือนประเทศไทยใช่หรือไม่ คนพวกนี้ถ้าเราจะศึกษาเขา ก็จะพบว่านักการเมืองให้เงินเดือนเขาเหล่านั้น ทำให้หนังสือฉบับดังกล่าวเชียร์นักการเมืองคนที่ให้เงิน จนคล้ายๆ ว่านักการเมืองคนที่ถูกเชียร์กลายเป็นเทพเจ้า รวมทั้งโชว์คำขวัญว่า รวยแล้วไม่โกง แต่ปัจจุบันนี้คนไทยไม่เชื่ออีกแล้ว”

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า เมื่อสื่อมวลชนถูกแยกออกจากกัน เวลาเขาซื้อ เขาจะซื้อเจ้าของหนังสือพิมพ์เป็นอันดับแรก ฉะนั้นจะมีเจ้าของหนังสืออยู่ 3 สำนักพิมพ์ ปรากฏว่า เป็นหนังสือพิมพ์หัวสี 2 สำนักพิมพ์ โดยจะมีหนังสือพิมพ์ที่อ้างว่ามีคุณภาพอยู่ 1 สำนักพิมพ์ ซึ่งคนเหล่านี้ชอบเข้าไปพบผู้มีอำนาจ หรือเชิญผู้มีอำนาจไปกินข้าวที่กองบรรณาธิการเพื่อสร้างภาพ ดังนั้นสื่อพวกนี้จึงสร้างภาพว่า คนรวยแล้วไม่โกง แต่วันนี้เรารู้กันแล้วว่า คนรวยโกงหรือไม่ ดังนั้นสื่อเหล่านี้จึงเป็นสื่อเทียม ซึ่งคอยปั่นภาพเสมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสมมติเทพมาโปรดมนุษย์ และพยายามที่จะบอกว่า คนรวยดังกล่าวไม่โกงเด็ดขาด แต่โกงในระดับ 2 แสนล้านบาทขึ้นไป

“บรรณาธิการอาวุโสคนหนึ่ง เขียนเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ในหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกอาการ เวลาที่ไปพูดที่ไหนก็จะอ้างว่า ให้ไปอ่านหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว มีเหตุผล และเป็นสื่อมวลชนที่มีคุณภาพ แต่พอมาถึงรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งพูดถึงเรื่องพระราชอำนาจ กลับถูกถอดรายการทันที ฉะนั้นสื่อมวลชนวันนี้ จึงเป็นผู้เสนอข่าวความจริง และเสนอข่าวเท็จ เราต้องแยกให้ออกโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ซึ่งสื่อโทรทัศน์เทียมที่ชัดเจนที่สุดก็คือ รายการความจริงวันนี้ ฉะนั้นสื่อที่ดีที่สุดคือ สื่อที่เสนอความจริง แล้วร่วมเปลี่ยนแปลงสังคม ส่วนสื่อที่ร่วมมือกับระบอบทักษิณนั้น ตอนนี้หนังสือพิมพ์ที่วางตามแผงนั้น เหลือจำนวนมาก”

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า สื่อที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคือ สื่อโทรทัศน์ โดยจะเห็นการที่เราออกรายการ 2 เม.ย.2549 ปรากฏว่าคนลงคะแนนโนโหวตกว่า 10 ล้านเสียง อีกทั้งประชาชนที่ไปลงคะแนนยังจงใจกาให้ผิด แล้วเขียนด่าลงไปอีกประมาณ 3 ล้านคน ฉะนั้นขณะนี้เขาจึงต้องพุ่งไปที่ชนบท นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลเร่งรีบตัดงบประมาณ เพราะคาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอนาคต นั่นแปลว่าเขาเตรียมเอาเงินของประชาชนไปซื้อเสียง แต่สวรรค์มีตา ฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แทนที่เขาจะเดินเข้าสภา แต่เขาต้องเดินเข้าคุกแทน