พันธมิตรฯประกาศชุมนุมใหญ่ 23 พ.ย. จัดการขั้นเด็ดขาดรัฐบาล หลังเจอบึ้ม ตาย 1 บาดเจ็บกว่า 20 คน "จำลอง" ฟันธงไม่ยืดเยื้อ ม้วนเดียจบ "สนธิ" ลั่นไม่กลัว ตายเป็นตาย "เสธ.แดง" ขู่ต่อมียิงทุกวันใครแจม 23 พ.ย.จองวัดได้เลย
พธม.เรียกชุมนุมใหญ่ 23 พ.ย.เผด็จศึกรัฐบาล "จำลอง" ลั่นม้วนเดียวจบ "เสธ.แดง" ขู่มียิงทุกวันใครแจมจองวัดได้ พันธมิตรฯประกาศชุมนุมใหญ่ 23 พ.ย. จัดการขั้นเด็ดขาดรัฐบาล หลังเจอบึ้ม ตาย 1 บาดเจ็บกว่า 20 คน "จำลอง" ฟันธงไม่ยืดเยื้อ ม้วนเดียจบ "สนธิ" ลั่นไม่กลัว ตายเป็นตาย "เสธ.แดง" ขู่ต่อมียิงทุกวันใครร่วมแจม 23 พ.ย.จองวัดได้เลย
ยิงเอ็ม79บึ้มพันธมิตรดับ1-เจ็บ23 เกิดเหตุคนร้ายใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเข้าใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง โดยล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.25 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน โดยระเบิดตกลงบนหลังคาเต๊นท์ก่อนเกิดการระเบิดขึ้น เบื้องต้นคาดว่าเป็นเอ็ม 79 ทำให้เต๊นท์มีรูกว้างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากเวทีปราศรัย 15 เมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายคือ นายเจนกิจ กลัดสาคร อายุ 48 ปี และบาดเจ็บ 23 ราย โดยมีอาการสาหัส 2 ราย
ภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดทำให้ผู้ชุมนุมแตกตื่น แต่หลังจากเหตุการณ์สงบลง ผู้ชุมนุมกลับเข้าร่วมฟังการปราศรัยของพิธีกรบนเวทีตามปกติ โดยมิตื่นกลัวต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
นายเด่น แผ่นศิลา อายุ 37 ปี เพื่อนนายเจนกิจซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ถูกระเบิด กล่าวว่า บริเวณจุดที่ระเบิดห่างจากจุดที่นายเจนกิจนอนราว 5 เมตร จากนั้นได้ยินเสียงระเบิด เมื่อหันไปก็เห็นนายเจนกิจมีบาดแผลที่บริเวณคอ จึงร่วมกับนางปิญชาน์ สุขภูตาทนันท์ ภรรยานายเจนกิจช่วยกันห้ามเลือด ขณะนั้นนายเจนกิจยังมีสติดี บอกว่า "ทำกันอย่างนี้เลย เล่นแรงจริงๆ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมที่ทำเนียบในช่วงกลางวันค่อนข้างบางตา แต่เริ่มหนาแน่นในช่วงค่ำ ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น มีการตรวจค้นกระเป๋าผู้เข้าร่วมชุมนุมเข้มข้นมากขึ้น
รามาฯแถลงเหยื่อระเบิดถุงลมฉีกขาด
ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ รองผู้อำนวยการ รพ.รามาฯ พร้อมด้วย ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี แถลงว่า ผู้เสียชีวิตถูกนำตัวส่งมารักษาที่ห้องฉุกเฉิน เมื่อเวลา 03.50 น.ในสภาพมีเลือดออกบริเวณปากจำนวนมาก แพทย์เร่งช่วยชีวิต แต่อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตในเวลา 04.40 น.
ทั้งนี้ แพทย์สรุปสาเหตุการตายว่า "เกิดจากสะเก็ดระเบิด บริเวณคอด้านซ้ายทะลุเข้าเส้นเลือดแดง หลอดอาหาร ทำให้เสียเลือดมากจนช็อค ประกอบกับเนื้อปอดฟกช้ำมีเลือดออก ถุงลมฉีกขาดจากแรงระเบิด หากแรงระเบิดระดับนี้กระทบที่อวัยวะส่วนอื่นอาจไม่เสียชีวิต แต่รายนี้บังเอิญกระทบที่บริเวณเส้นเลือดแดงใหญ่ จึงทำให้เสียชีวิต" ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญกล่าว
เคลื่อนศพเหยื่อบึ้มชุมนุมหน้าบช.น.
เวลา 15.00 น. นางปิญชาน์ สุขภูตาทนันท์ ภรรยาของนายเจนกิจ ผู้เสียชีวิต นำบุตรและญาติประมาณ 20 คนเดินทางจาก จ.ชลบุรี เข้ารับศพนายเจนกิจที่ รพ.รามาธิบดี ทุกคนอยู่ในอาการโศกเศร้า ร้องไห้ หลังจากนั้นเคลื่อนย้ายศพไปยังรถตู้ก่อนเคลื่อนไปชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรม ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
เมื่อเวลา 16.00 น. กลุ่มพันธมิตรเคลื่อนศพไปตั้งยังศาลา 3 วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร และเวลา 16.30 น. มีพิธีรดน้ำศพ โดยมีแกนนำพันธมิตร ทั้ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ไปร่วมรดน้ำศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งนี้ จะตั้งศพสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 20-26 พฤศจิกายน โดย พล.ต.จำลองกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า กลุ่มพันธมิตรจะช่วยเหลือดูแลครอบครัวนายเจนกิจอย่างเต็มที่
ลูกสาวเหยื่อลั่นพร้อมสู้เพื่อพ่อต่อ
ด.ญ.ลิปิการ์ กลัดสาคร อายุ 11 ปี บุตรสาวนายเจนกิจ กล่าวว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยายเสียใจและร้องไห้ เพราะสงสารหลานทั้ง 4 คนที่ต้องสูญเสียพ่อไป ปกติพ่อและแม่จะมาร่วมชุมนุมนานๆ ครั้ง แต่พ่อจะไม่อนุญาตให้ลูกไปร่วมชุมนุมด้วย เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
"รู้ข่าวการเสียชีวิตของพ่อเมื่อเวลา 07.00 น. แม่โทร.มาบอกให้เตรียมเสื้อไปให้พ่อ หนูก็ไปเตรียมเสื้อผ้าให้พ่อ เป็นชุดคาวบอย ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อย้ำเสมอว่า หากเสียชีวิตให้นำชุดคาวบอยมาใส่ให้ อีกทั้งให้สังเกตโทรทัศน์ที่บ้านซึ่งปกติเปิดดูรายการอยู่เสมอ แต่หากไม่สามารถเปิดชมได้ตามปกติแสดงว่าพ่อมาหา ให้จุดธูปและนำข้าวมาให้พ่อด้วย หนูเสียใจและรู้สึกใจหายกับเรื่องนี้ แต่ไม่เคยกลัว และจะสู้เพื่อพ่อต่อไป แต่จะไม่ไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตร เพราะพ่อไม่ให้ไป หนูอยากเรียกร้องให้ฝ่ายที่ทำแสดงความรับผิดชอบ หนูคิดว่ารัฐบาลเป็นคนทำ เพราะที่ผ่านมามีการยิงแก๊สน้ำตา วางระเบิด ด.ญ.ลิปิการ์กล่าว และว่า อยากให้คนดีๆ มาเป็นนายกฯแทนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพราะเห็นคลิปที่นายกฯ พาผู้หญิงเข้าโรงแรมม่านรูด
พันธมิตรนัด23พ.ย.ชุมนุมเผด็จศึก
เวลา 12.30 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ 5 แกนนำพันธมิตรได้แก่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายพิภพ ธงไชย ประชุมหารือก่อนร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสนธิอ่านแถลงการณ์ว่า การใช้อาวุธสงครามระเบิดเข่นฆ่าประชาชนผู้มาชุมนุมร่วมกับพันธมิตร เกิดขึ้นซ้ำซาก พันธมิตรไม่อาจอดทนต่อรัฐบาลฆาตกรที่เข่นฆ่าประชาชนทุกวันอย่างอำมหิตโหดเหี้ยม และไม่อาจยอมรับสภาทาสของระบอบทักษิณได้อีกต่อไป
"พันธมิตรจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ระดมมวลชนครั้งใหญ่ ณ ทำเนียบรัฐบาล ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป เพื่อ "เผด็จศึก" เคลื่อนขบวนต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หน้ารัฐสภา จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าร่วมชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ จนกว่าสังคมไทยจะได้รับชัยชนะ (อ่านรายละเอียด น.2)
"จำลอง"ลั่นม้วนเดียวจบไม่ยืดเยื้อ
พล.ต.จำลองกล่าวว่า คิดว่าไม่มีทางซ้ำรอยวันที่ 7 ตุลาคม หากเป็นเช่นนั้นประชาชนทั้งประเทศลุกฮือแน่ แต่หากทำได้ บ้านเมืองก็ยกให้เขาไป การชุมนุมคราวนี้จะเป็นสุดท้ายของสุดท้ายแล้ว ม้วนเดียวจบ ไม่ยืดเยื้อ และอยากเรียกร้องให้ประชาชนออกมากันมากๆ หากรัฐบาลกระทำการรุนแรงขนาดนี้แล้ว ประชาชนยังจะนิ่งเฉยปล่อยให้รัฐบาลกระทำการที่ป่าเถื่อนเช่นนี้อีก โดยที่ไม่ได้ออกมาสู้ พันธมิตรเองก็คงต้องขนของกลับบ้าน แล้วก็ปล่อยให้บ้านเมืองนี้เป็นของทรราชไป ในการชุมนุมจากนี้ไปจะยุติการปราศรัยในเวลา 24.00 น. เพื่อให้ผู้ชุมนุมพักผ่อน และให้การ์ดพันธมิตรมีเวลาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมมากขึ้น
นายพิภพกล่าวว่า การชุมนุมในวันที่ 23 พฤศจิกายน ต่อเนื่องไปวันที่ 24 พฤศจิกายน และอาจต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำให้รัฐบาลที่ใช้ความรุนแรงไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้อีก
นายสาวิตย์ แก้วหวาน เลขาธิการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า วันที่ 21 พฤศจิกายน สมาพันธ์ฯนัดประชุมแกนนำทั่วประเทศที่ห้องประชุมสมาพันธ์ฯ เวลา 09.00 น. เพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้ เบื้องต้นจะให้พนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศพร้อมใจหยุดงานเพื่อร่วมการชุมนุมในวันที่ 23 พฤศจิกายน
"ปฐมพงษ์"คาดยิงจากชุมชนวัดเบญจมฯ
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 09.40 น. ที่ห้องสื่อมวลชน ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุระเบิด พบว่าเป็นระเบิดที่ยิงจากเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ซึ่งได้ปรับระยะการยิงจากเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน มั่นใจว่ายิงมาจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ซึ่งการ์ดพันธมิตรเห็นว่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุมีคนเคลื่อนไหวอยู่บนดาดฟ้าในตึกดังกล่าว ทั้งนี้ เครื่องยิงกระสุนเหมือนปืน สามารถใส่กระเป๋าเป้สะพายขึ้นไปได้ และอาวุธที่ใช้น่าจะมาจากฝ่ายทหาร หรือตำรวจก็ได้
ต่อมา พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าวบนเวทีว่า คาดว่าคนร้ายอาจจะยิงระเบิดมาจากชุมชนบริเวณวัดเบญจมบพิตร เพราะการ์ดพันธมิตรเคยขอเข้าไปตรวจสอบ แต่ถูกปฏิเสธ ขณะที่ รปภ.ของ ก.พ.ร.ยืนยันว่าไม่ใครเข้าไปก่อนเกิดเหตุ
"ตร.ตั้ง3ประเด็นเหตุบึ้มใส่ทำเนียบ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดในทำเนียบ หลังจากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบจากผู้ชำนาญวัตถุระเบิดที่ดูจากสภาพศพ เชื่อว่าน่าจะเป็นระเบิดเอ็ม 79 และน่าจะเป็นชนิดยิง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวถึงเหตุระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตรว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคนที่ทำเป็นกลุ่มไหนต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐานในพื้นที่ ซึ่งเขาให้เราเข้าพื้นที่ตรวจสอบช้ามาก ประกอบกับการข่าวที่เรามีเพื่อให้รู้ว่ากลุ่มไหนเป็นคนทำ ซึ่งมีประเด็นที่เป็นไปได้ 3 ประเด็น คือ 1.การทำเพื่อเรียกคนให้มาชุมนุมมากขึ้น เมื่อมีผู้ชุมนุมน้อยลง 2.ทำเพื่อไล่ให้คนไล่ออกจากพื้นที่ และ 3.เป็นความขัดแย้งกันเองของกลุ่มพันธมิตร ซึ่งระยะหลังเริ่มมีความขัดแย้งกันบ่อยขึ้น แต่ตอนนี้ไม่สามารถฟันธงไปได้ว่าเป็นประเด็นไหน
พล.ต.ท.ธีระเดชกล่าวว่า เรื่องอาวุธที่นำมาใช้ในส่วนของทหารและตำรวจก็ให้กวดขันไม่ให้เล็ดลอดออกมา แต่อาวุธเหล่านี้อาจมาจากชายแดน มองว่าสถานการณ์ระเบิดล่าสุด คนที่ทำไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขนาดนั้น แต่อาจมีความผิดพลาด เพราะการตายของกลุ่มชุมนุมไม่มีผลดีกับฝ่ายใด
"สมชาย"รับห่วงพธม.ชุมนุมใหญ่
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการ สมช. ผู้แทนเหล่าทัพ และผู้แทนหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าร่วม กระทั่งเวลา 15.50 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเป็นประธานการประชุม
เวลา 17.00 น. นายสมชายกล่าวว่า ระหว่างวันที่ 20-26 พฤศจิกายน ที่ไปร่วมประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่ประเทศเปรู มีรองนายกฯรักษาการเป็นลำดับ ส่วนงานความมั่นคง มีคนรับผิดชอบอยู่เป็นขั้นตอน
เมื่อถามว่า ห่วงเหตุการณ์ในวันที่ 23 พฤจิกายน ที่พันธมิตรนัดชุมนุมใหญ่หรือไม่ นายสมชายนิ่งคิด ก่อนตอบว่า "ก็เป็นห่วงอยู่ ผมถึงได้บอกว่า ประเทศนี้เป็นของเราทุกคน ช่วยกันหน่อย ช่วยกันดู คนที่มาชุมนุมก็เหมือนกัน ถ้ามาชุมนุมปกติ ทำตามกฎกติกา ไม่เป็นไร แต่ขอร้องว่าอย่าทำให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายกับคนอื่น หรือทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง"