คุ้ยปมบึ้ม!ตลาดคลองเตย เจ้าของสัมปทานรายใหม่แฉ!มือป่วนสร้างสถานการณ์ ปลุกระดมมวลชนฮือต้านแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ย้ำ 'มาเฟียคลองเตย' เจ้าของตลาดเก่าสูญเสียผลประโยชน์นับร้อยล้าน ปูดคลิปวีดีโอฉาว! ชี้ตัวมือระเบิดคล้าย ‘นักรบศรีวิชัย’
จากกรณีผู้ค้าตลาดคลองเตยชุมนุมประท้วง ปิดถนนรัชดาภิเษกใกล้แยกพระราม 4 ตั้งแต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเรียกร้องความสนใจจากรัฐบาลให้ช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหา
หลังจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้เปิดประมูลให้บริษัทเอกชนเข้ามาพัฒนาพื้นที่บริเวณตลาดคลองเตย โดยจำแนกสัญญาไว้ คือ หลังที่ 1 (ตลาดผ้า) พื้นที่จอดรถยนต์ริมคลองหัวลำโพง ถนนพระรามที่ 4 (ตลาดอ่างทอง) รวมทั้งตลาดคลองเตยหลังที่ 2 (ตลาดสหกรณ์ฯ) ตลาดคลองเตยหลังที่ 3 (ตลาดโต้รุ่ง) และตลาดลานพื้นคอนกรีต (ตลาดหลังคาผ้าใบ) ย่านเขตคลองเตย รวมเนื้อที่ประมาณ 10.18 ไร่ เพื่อใช้ในกิจการตลาดและส่วนประกอบของตลาด
ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้อนุมัติให้ บริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลโครงการพัฒนาพื้นที่ตลาดคลองเตย ตามสัญญาเลขที่ ต. 001/2551 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2551
ทั้งนี้ ได้มีการชี้แจงให้กับผู้ค้าทุกรายในตลาดคลองเตย ทราบว่าการท่าเรือฯ ไม่ประสงค์ที่จะต่อสัญญาให้กับผู้เช่าตลาดรายเก่า (ผู้รับสัมปทานเดิม) โดยมีการประกาศ “เปิดประมูล” ให้ผู้ที่สนใจเข้าประมูลงานพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2551 เพื่อวางเกณฑ์กำหนดที่เหมาะสมในการประมูล
โดยมีเอกชนเข้ายื่นซองราคา จำนวน 6 ราย ได้แก่ 1.บริษัท เอ็ม เอ็ม พี โค้ทติ้งฯ 2.บริษัทโซพลัสฯ 3.บริษัทมหาโชคชัยฯ 4.บริษัท อี.เอ็ม.บิสซิเนสฯ 5.บริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนลฯ และ 6.บริษัท แอ็กโกรคอมเมอร์สฯ
สำหรับเกณฑ์ที่การท่าเรือตีกรอบไว้ ในส่วนการให้คะแนนด้านเทคนิค ต้องไม่ต่ำกว่า 75% ก่อนที่จะคัดเลือกผู้เสนอค่าตอบแทนรวมสูงสุดเป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งบริษัทบริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนลฯ ได้รับสัมปทานบริหารและพัฒนาพื้นที่ตลาดคลองเตย เป็นระยะเวลา 10 ปี
จากเรื่องดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจจากผู้เช่ารายเก่า ที่เคยมีผลประโยชน์อยู่ในพื้นที่ “ตลาดคลองเตย” เพราะได้ผูกขาดสัญญาเช่าพื้นที่กับการท่าเรือแห่งประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2507 จนเป็นที่มาของการชุมนุมประท้วง โดยกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ค้าในตลาดคลองเตย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่ ทำให้ทราบว่า...มีคนอยู่สองกลุ่มที่มีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น คือ ผู้รับสัมปทานรายใหม่ ที่เพิ่งทำสัญญากับการท่าเรือแห่งประเทสไทย เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2551 และกลุ่มที่สูญเสียผลประโยชน์จากการเข้ามาถือครองพื้นที่ของเอกชนรายใหม่
โดยกลุ่มที่ปักหลักประท้วงอยู่นั้น ได้มีข้อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1. ให้การท่าเรือฯ ยกเลิกสัญญากับเอกชนผู้ชนะการประมูลงานพัฒนาพื้นที่บริเวณตลาดคลองเตย 10.18 ไร่ มูลค่า 613.59 ล้านบาท ข้อ 2. ให้ปลดนายพิเชฐ มั่นคง ออกจากตำแหน่งผู้ช่วย ผอ.การท่าเรือฯ โดยอ้างว่าเป็นตัวตั้งตัวตีในการทำสัญญา 3. เรียกร้องให้รัฐบาลต้องจัดการขับไล่กลุ่มบุคคลที่แต่งชุดซาฟารีออกไปให้พ้นตลาดคลองเตย และ 4. ให้รัฐบาลต้องจัดตั้งคณะกรรมการบริหารตลาดที่มีตัวแทนผู้ค้า ตัวแทนชุมชนย่านคลองเตย และผู้แทนจากรัฐบาล เข้ามาเป็นกรรมการ
ต่อเรื่องดังกล่าว นายธรรมนัส พรหมเผ่า ตัวแทนบริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟรสชันแนลฯ เจ้าของสัมปทานพัฒนาพื้นที่ตลาดคลองเตยรายใหม่ มีข้อชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริษัทฯรู้สึกเสียใจมาก ขอยืนยันว่าบริษัทฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ชนะการประมูลในการบริหารพื้นที่ตลาดจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) อย่างถูกต้อง มีการลงนามสัญญากับ กทท.เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอแผนบริหารตลาดภายใน 180 วันตามสัญญา ถือว่าขั้นตอนในการปฏิบัติตามสัญญายังไม่ครบถ้วน บริษัทจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปก่อเหตุความวุ่นวายทำให้มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
“แต่ทั้งนี้ ในการเข้าบริหารพื้นที่ ได้มีกลุ่มผู้ที่เสียผลประโยชน์ ที่ไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้า ได้ทำการขัดขวางทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้บริษัท ลีเกิ้ลฯ เข้าทำงานตามสัญญา จนเป็นเหตุให้บริษัทลีเกิ้ลฯ ต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคลที่ไม่เคารพกฎหมาย”
ต่อมากลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้ศาลปกครองกลางระงับการดำเนินงานตามสัญญาของการประมูลในครั้งนี้
โดยศาลปกครองกลางมีคำสั่ง “ให้ยกคำร้อง” ขอไต่สวนฉุกเฉิน และศาลฯยังมีคำสั่ง “ไม่รับคำฟ้อง” ไว้พิจารณา และออกคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารระบบความ คดีหมายเลขดำที่ 1548/2551 และ คดีหมายเลขแดงที่ 1355/2551 ลงชื่อประทับตุลาการเจ้าของสำนวน 1.นายประพจน์ คล้ายสุบรรณ ตุลาการศาลปกครองกลาง 2.นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง 3. นายสมภพ ผ่องสว่าง ตุลาการศาลปกครองกลาง ลงวันที่ 1 ต.ค.2551
ขณะเดียวกัน บริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนลฯ ได้ทำหนังสือประกาศแจ้งพ่อค้าแม่ค้า ให้ทราบถึงประกาศการชนะประมูลของ ซึ่งมีหนังสือแจ้งว่า จะไม่มีการขึ้นราคาค่าเช่าแผง รวมถึงไม่มีการขับไล่ผู้ค้า ที่ปฏิบัติตามสัญญาเช่า หรือการกระทำใดๆ ที่จะไม่ทำให้พ่อค้าแม่ค้า ต้องสูญเสียประโยชน์
ทั้งนี้ได้มีการสอบถามไปยัง นายพิเชฐ มั่นคง ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมีการชี้ว่า การดำเนินการบริหารตลาดคลองเตย การท่าเรือฯได้ยกเลิกสัญญาของคู่สัญญารายเดิม 3 รายไปแล้ว และได้ลงนามในสัญญากับบริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชันแนลฯ เรียบร้อยแล้ว
“การชุมนุมเกิดจากที่กลุ่มผู้ประกอบการรายเดิมที่เคยเช่าพื้นที่ของ กทท.ไม่พอใจที่ กทท.ไม่ยอมต่อสัญญาให้ตามที่กลุ่มผู้ประกอบการรายเดิมร้องขอ ถือว่าไม่ชอบธรรม เพราะที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการรายเดิมเช่าพื้นที่ของ กทท.ตั้งแต่ปี 2507 เช่าปีละ 12 ล้านบาท ล่าสุดผู้เช่ารายเดิมขอให้ กทท.ต่อสัญญาให้อีกสองครั้งๆละ 10 ปี รวม 20 ปี แต่ทาง กทท.เห็นว่าตลาดควรได้รับการปรุงปรุงใหม่เป็นตลาดที่ถูกสุขอนามัยมากขึ้น จึงต้องการเปิดให้มีการประมูลเพื่อให้เอกชนที่มีความพร้อมในการพัฒนา ปรับปรุงตลาดให้เป็นไปตามที่กทท.ต้องการ และผู้ประกอบการรายเดิมก็มีสิทธิเข้ามาร่วมประมูล แต่ไม่ยอมเข้ามาประมูล เมื่อมีรายใหม่เข้ามาดำเนินการแทนจึงเกิดความไม่พอใจจึงเป็นเหตุให้เกิดการชุมนุมขึ้น” ผู้ช่วย ผอ.การท่าเรือฯ ระบุ
‘คลิปวีดีโอ’แฉมือระเบิดหน้าคล้ายนักรบศรีวิชัย
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลางดึกวันที่ 13 พย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดบริเวณตลาดคลองเตย จากการตรวจสอบมีผู้ร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บรวม 12 ราย โดยระหว่างนั้นได้มี “คลิปวีดีโอ” ที่บันทึกได้ ชี้ให้เห็นใบหน้าของผู้ต้องสงสัยที่เข้าร่วมกลุ่มกับม็อบผู้ค้าคลองเตย มีลักษณะใกล้เคียง “นักรบศรีวิชัย” ที่ทำหน้าที่ “การ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” โดยมีการพกอาวุธ และมีการพันผ้าพันคอสีเหลืองปิดหน้าปิดตา เพื่ออำพรางตัว
และขณะนี้ ได้มีการรวบรวมหลักฐานต่างๆ รวมทั้งวีดีโอคลิปในที่เกิดเหตุ เพื่อยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ระบุว่า มีการจ้างวานชาวบ้านมาชุมนุม โดยจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้วันละ 800 บาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีกลุ่มคนร้ายขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ค้าตลาดคลองเตยซึ่งมาปักหลักชุมนุมกันอยู่ที่บริเวณแยกคลองเตย ตัดถนนพระราม 4 จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 13 ราย ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของคืนวันที่ 13 พ.ย.
ทั้งนี้ หลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่จงใจขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมนั้นมีความต้องการอะไร จะเป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ เพราะในคืนวันเกิดเหตุ แกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มได้หายตัวไปตั้งแต่เวลา 24.00 น. ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหล่าบรรดาแกนนำจะปักหลักอยู่ในเต๊นท์ชุมนุมตลอดทั้งคืน และหลังจากเกิดเหตุระเบิดทราบจากแม่ค้าในตลาดว่า มีแกนนำคนหนึ่งได้พูดออกโทรโข่งว่า หากแม่-พ่อค้าคนใดเข้าร่วมโครงการกับบริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล จำกัด ตลาดจะโดนระเบิดอีกลูก สร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าบรรดาพ่อค้า แม่ค้าในตลาดเป็นอย่างมาก
ขณะที่ บริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลพัฒนาและบริหารพื้นที่ตลาดท่าเรือ-คลองเตย และได้รับสญญาลงทุน บริหารและประกอบการจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยตามสัญญาเลขที่ ต.001/2551 ในวันที่ 29 ตุลาคมแล้วนั้น ทางบริษัทได้มีนโยบายที่จะพัฒนาตลาดท่าเรือคลองเตยทุกตลาดให้มีสภาพดี โดยมีแผนปรับปรุงตลาดตามข้อสัญญที่ยื่นไปในซองประมูล ทั้งนี้บริษัท ลีเกิลฯยังคงให้สิทธิ์กับแม่ค้า พ่อค้าที่ค้าขายจริงในตลาดเป็นเจ้าแผงเอง โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าแผงรายวันเหมือนเมื่อก่อน
นอกจากนี้ ทางบริษัท ลีเกิ้ลฯได้แจ้งไปยังผู้ค้าว่าทางบริษัท จะไม่ทำการเก็บค่าเช่าและค่าธรรมเนียมต่างๆจากผู้ค้าทั้งหมดทุกราย แต่ยังมีการเรียกเก็บค่าเช่าแผงจากผู้ค้าคนเดิม ซึ่งคู่สัญญาเก่าได้ถูกบอกยกเลิกไปแล้ว ขณะที่มีการข่มขู่จากกลุ่มมาเฟียที่มาเก็บเงิน หากไม่จ่ายก็ไม่มีสิทธิขาย
ทางด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ ตัวแทนสภาทนายความ ได้เข้าไปตรวจสอบและได้พูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการอะไรทำไมมีการชุมนุมยืดเยื้อ กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านว่าทางบริษัทลีเกิ้ลฯเป็นบริษัทที่ชนะการประมูลมาอย่างไม่โปร่งใส ด้านนายนิติธรจึงได้เข้าไปตรวจสอบและพูดคุยกับนายธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานกรรมการบริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล จำกัด
ซึ่งนายธรรมนัสได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายละเอียดการประมูลทั้งหมด ซึ่งในการร่วมประมูลมีบริษัทที่เข้าร่วมการประมูลทั้งหมด 6 บริษัท และบริษัทของตนก็เป็นบริษัทที่การท่าเรือเลือกให้เข้ามาพัฒนาตลาด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บริษัท ลีเกิ้ล ฯชนะการประมูล กลุ่มพ่อค้าเก่าได้จ้างวานกลุ่มมาเฟีย มาก่อกวนพ่อค้า แม่ค้าในตลาด ไม่ให้เข้าร่วมโครงการกับผู้ประกอบการรายใหม่ที่ประมูลได้
นายนิติธร กล่าวว่า หลังจากทราบข้อมูลที่ทั้งสองฝ่ายชี้แจง ก็จะรวบรวมหลักฐานนำไปตรวจสอบซึ่งคาดว่าจะทราบข้อเท็จจริงเร็วๆนี้
ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการปักหลักชุมนุมอยู่นั้น ไม่ใช่พ่อค้า แม่ค้าที่ค้าขายอยู่ในตลาดคลองเตยจริง แต่เป็นกลุ่มผู้ที่เสียผลประโยชน์จากการประมูล