โดย ทรงพร ศรีสุวรรณ
ต้องยอมรับว่าการรวมพลของคนเสื้อแดง และการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในงาน "ความจริงวันนี้สัญจร" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่ทำให้การเมืองเกิดการพลิกผันอีกครั้ง
ที่วิเคราะห์กันว่ารัฐบาล "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" เป็นรัฐบาลไร้เสถียรภาพ จะอยู่ได้ไม่นาน และจะจบลงด้วยการยุบสภา หรือต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น คงต้องประเมินกันใหม่
ซึ่งอาจจะเป็นจริง ดังที่ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" พูดถึงรัฐบาลว่า "ผมไปดูหมอมา หมอดูบอกว่าอยู่ยาว"
เพราะพลัง "ตีนตบ" "ของคนเสื้อแดงโดยแท้ ทำให้ฟากรัฐบาลได้ใจ เปิดเกมรุกทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง
รุกในจังหวะที่ประเมินแล้วว่ รัฐบาลอยู่ในฐานะเป็นต่อ เพราะกองทัพไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากเลยจุดเงื่อนไขที่จะปฏิวัติแล้ว ขณะที่ ส.ว.มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่เป็นองค์กร "พี่เลี้ยง" ที่จะหวังพึ่งพิงได้ ประกอบกับประชาชนก็เบื่อหน่ายความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หนุนให้มีการ "สานเสวนา" เพื่อคลี่คลายปัญหา
ส่วนกลุ่มพันธมิตรก็เพลี่ยงพล้ำ จากพฤติกรรมเรียกร้องให้ให้เลือกข้าง โจมตีทหารที่ไม่เล่นตามบทที่กำหนดให้ คนที่เห็นแตกต่างก็ถูกโจมตีและข่มขู่ การชุมนุมที่ยืดเยื้อยาวนาน เปลี่ยนเป้าหมายการชุมนุมไปเรื่อยก็ทำให้คนเบื่อหน่าย ยิ่งเกิดกรณีการ์ดพันธมิตรทำร้ายชาวบ้านที่พลัดหลงเข้าไปบริเวณที่ชุมนุม การจับกุมการ์ดพันธมิตรและเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นรายวัน ทำให้ประชาชนหวั่นเกรงว่าจะได้รับอันตราย และเริ่มคลางแคลงใจว่าเป็นฝีมือใครกันแน่
ที่สำคัญคือ การใช้ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วมาทำคุณไสย อ้างว่าเป็นการเคล็ดโดยรอบพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5 และการไม่เปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน เป็นสิ่งที่คนไทยรับไม่ได้
แม้แกนนำพันธมิตรจะมีมติให้เปิดในภายหลัง ก็สายเกินไปแล้ว
ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่รีรอที่จะฉวยโอกาส เดินหน้าประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.3 ที่รัฐบาลยืนยันมาตลอดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของการคลี่คลายปัญหาความแย้ง
แม้ที่ประชุม ส.ส.พรรคพลังประชาชน จะมีมติให้ยุติความขัดแย้งชั่วคราว โดยไม่ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภา แต่ยังไม่มีใครเชื่อว่าจะไม่มีการนำเข้าพิจารณาในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ที่จะมีการขอเปิดเพื่อพิจารณางบประมาณกลางปี 1 แสนล้านบาท
ทั้งเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ อดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จากคดียุบพรรค โดยอ้างว่าเป็นผู้ที่เคยทำคุณประโยชน์ต่อบ้านเมือง รวมทั้งจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 27 เพื่อคืนสิทธิให้อดีต 111 กรรมหารบริหารพรรคไทยรักไทย
ส่วนบุคคลหรือฝ่ายที่ถูกมองว่าอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายรัฐบาลก็กำลังถูกไล่เช็คบิล ทั้งนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.สรรหา นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ฯลฯ
นอกจากนี้รัฐบาลยังซื้อใจข้าราชการด้วยการขึ้นเงินเดือนให้ 6% ส่วนกำนัน สารวัตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล ก็จะได้เงินเดือนเพิ่มอีกเท่าตัว
ยังมีโครงการเมกะโปรเจ็คต์ ที่อัดฉีดเม็ดเงินเติมความสุขให้ชาวรากหญ้า เสริมนโยบายประชานิยมต่อจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แถมยังขอใช้งบฯกลางปีแสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากจะได้ใจชาวรากหญ้าแล้ว รัฐบาลยังได้จับต้องงบประมาณก้อนโต
ไม่ต้องให้หมอดู ก็ฟันธงได้ว่าเลือกตั้งสมัยหน้า ไม่ว่า "พลังประชาชน" จะเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคใดก็ชนะเลือกตั้งเหมือนเดิม